ภายใต้วิสัยทัศน์ “Life on LINE” ที่ ดร.พิเชษฐ ฤกษ์ปรีชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE ประเทศไทย ได้ประกาศเมื่อตอนเข้ารับตำแหน่งเมื่อ 1 ปีก่อนหน้า มาถึงวันนี้ LINE ประเทศไทย มีเป้าหมายใหม่ในการเป็น “New Normal Lifestyle” ที่ต้องทำให้ LINE เป็นโครงสร้างพื้นฐานในการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คน ไม่ใช่แค่แชท แต่ยังมีเรื่องข่าว การสั่งอาหาร การเรียกรถ การชอปปิ้งออนไลน์
ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา LINE ประเทศไทย มีอะไรอัพเดทไปบ้าง…
– จำนวนผู้ใช้งานเพิ่มขึ้น จาก 44 ล้านคน เป็น 46 ล้านคน
– ยานยนต์ ค้าปลีก SME และภาครัฐ เป็น 4 กลุ่มธุรกิจที่ใช้ “LINE Official Accout” สูงสุดในช่วงที่ผ่านมา โดย LINE OA มีการใช้งานเพิ่มขึ้นจาก 3 ล้านบัญชี เป็น 4 ล้านบัญชี (ณ เดือน พ.ค. 2563) ทั้งในส่วนของการเป็นโซลูชันและเครื่องมือทำธุรกิจออนไลน์
– บริการที่มีจุดเริ่มต้นจากประเทศไทยอย่าง “LINE MAN” ก็เติบโตขึ้นถึง 300% โดยเฉพาะช่วง 3 เดือนแรกของปี ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะสามารถตอบโจทย์ผู้คนในช่วงที่ต้องเก็บตัวอยู่บ้านไม่สามารถเดินทางออกไปได้เอง
– “LINE SHOPPING” โตขึ้น 100% มีสินค้าที่เติบโตโดยไม่ได้คาดคิดมาก่อน เช่น ต้นไม้
– การรับชมคอนเทนต์ประเภท “วาย ซีรีย์” เพิ่มขึ้นถึง 5 เท่าตัวในช่วงที่ผ่านมา แม้ว่าในช่วงเดือน มี.ค. สัดส่วนการรับชมทางทีวีจะเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น เนื่องจากผู้คนต้องใช้ชีวิตอยู่บ้านร่วมกันเป็นครอบครัว
– การใช้งาน “LINE Call” ผ่านคอมพิวเตอร์เพิ่มขึ้น (เทียบกับเดือน ม.ค. และ มี.ค. 2563) ทั้งการใช้งาน Voice call 236% และ VDO call 270% จึงมีการพัฒนาฟีเจอร์เพิ่มเติมเพื่อรองรับความต้องการใช้งาน อาทิ Watch Together ให้แชร์หน้าจอหรือดูวิดีโอ Youtube พร้อมกันใน LINE Group Call และเพิ่มจำนวนคนรองรับ LINE Call ได้มากสุดถึง 500 คน
– “Sticker” ก็เติบโตขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะดีไซน์ที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19 ซึ่งขายได้มากเป็น 70% ของยอดขายสติกเกอร์ ทั้งยังกลายเป็นเทรนด์ในการออกแบบสติกเกอร์ในช่วงที่ผ่านมาอีกด้วย
– “MyShop” ก็เป็นบริการที่มียอดเติบโตของร้านค้าเพิ่มขึ้น 180% โดยมีร้านค้าบน LINE OA หันมาใช้งานเครื่องมือดังกล่าวเพิ่มขึ้นและมีจำนวนอยู่ราวหลักหมื่นร้าน ส่งผลให้มีผู้ค้ารายใหม่เติบโต 69% ต่อเดือน และมีออเดอร์เพิ่มขึ้น 334% ต่อเดือนด้วยกัน
ท่ามกลางสถานการณ์ COVID-19 ดร.พิเชษฐ อธิบายว่า LINE ประเทศไทย ได้อานิสงส์จากการเป็น Tech Company จึงทำให้สามารถปรับกระบวนการทำงานได้ค่อนข้างน่าพอใจ ทำให้ไม่กระทบกับรายได้รวมถึงการปรับรูปแบบการทำงาน แต่ภายใต้ภารกิจการมุ่งเน้นตอบโจทย์ผู้บริโภคและผู้ประกอบการ “ความท้าทาย” ของ LINE ประเทศไทย คือ การที่ “มีคู่แข่งขันในตลาด” และการ “ชิงเม็ดเงินจากโฆษณาดิจิทัล” จึงกลายเป็น 2 ประเด็นที่ LINE ต้องจับตาในปีนี้ จากช่องทางสร้างรายได้ 3 กลุ่ม คือ คอนเทนต์, โฆษณา และ Strategic Business ซึ่งรายได้ของ LINE ประเทศไทย ยังคงติดอยู่ใน Top3 เมื่อเทียบกับโกลบอล โดยบริการที่สร้างรายได้ให้ LINE ประเทศไทย ได้เป็นอย่างดี คือ LINE MAN และ MyShop
ทิศทางของ LINE ประเทศไทย ในปีนี้จึงถูกวางเป้าหมายไว้ที่การเป็น New Normal Lifestyle ของผู้บริโภค ซึ่งใช้ Innovation เพื่อเข้ามาตอบโจทย์การใช้ชีวิตผ่านบริการต่าง ๆ ผ่าน 4 แนวทาง อาทิ…
Mindset : ทัศนคติที่เปิดกว้าง ไม่ปิดกั้นความคิดของตัวเอง ซึ่ง LINE มีวัฒนธรรมองค์กรข้อหนึ่ง ในการมองปัญหาให้เป็นโอกาสที่เกิดขึ้นได้เสมอ เหมือนกับการพัฒนาบริการของ LINE ที่พัฒนามาจากปัญหาที่ผู้บริโภคประสบอยู่ LINE เรียนรู้จากปัญหาเหล่านี้ เพื่อนำเสนอทางแก้ปัญหาที่ช่วยให้ชีวิตของเขาดีขึ้น ง่ายขึ้น สะดวกขึ้น
Agility : ภายใต้ยุคแห่งเทคโนโลยีที่ทำให้ทุกอย่างสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว แบรนด์ องค์กร หรือคนในยุคนี้ จึงต้องมีการปรับตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลง พฤติกรรมและความต้องการของผู้ใช้เปลี่ยนไปทุกวัน การพัฒนาบริการของเราต้องสามารถปรับเปลี่ยนได้เร็ว ให้ทันเช่นกัน
Humanization : ความเข้าใจและเข้าถึงเป็นอีกหนึ่งแนวคิดในการดำเนินธุรกิจที่สำคัญของ LINE ซึ่งต้องศึกษาและทำความเข้าใจในพฤติกรรมผู้ใช้งาน สังคม วัฒนธรรม และนำมาปรับใช้กับในแต่ละประเทศที่เข้าไปดำเนินธุรกิจ เพื่อให้มั่นใจว่าเราจะสร้างสรรค์ประโยชน์ ออกแบบบริการที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งาน และให้บริการอย่างตรงใจ
Elevation : ยกระดับชีวิตของผู้คนอย่างรอบด้าน ตั้งแต่บริการพื้นฐานเช่นการแชท สู่การตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ และเป็นเครื่องมือช่วยดำเนินธุรกิจเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้พร้อมกัน
และถึงแม้ว่าสถานการณ์โรคระบาดและสภาพเศรษฐกิจทั่วโลกยังคงอยู่ในภาวะอ่อนไหว แต่ LINE ประเทศไทย ก็ยังยืนยันว่า การดำเนินธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงมีโอกาสเติบโต ดังนั้น แนวโน้มการลงทุนจึงยังมีอยู่ รวมถึงในประเทศไทยซึ่งเป็นตลาดที่สำคัญของ LINE ด้วย
