ในยุคที่ผู้คนต่างใช้ชีวิตบนแพลทฟอร์มออนไลน์ตั้งแต่ตื่นจนเข้านอน โดยเฉพาะคนไทยที่นิยมเสพคอนเทนต์ออนไลน์และโซเชียลมีเดียมากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ทำให้ Regulators อย่าง กสทช. ตั้งใจจะสร้างประโยชน์จากผู้ใช้งานจำนวนมหาศาล โดยล่าสุด กสทช. ปิ๊งไอเดียใหม่ เรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากการใช้โครงข่ายของผู้ให้บริการ OTT ซึ่งส่งผลให้ปริมาณการใช้งานดาต้าเกิดขึ้นอย่างมหาศาล
ใคร คือ ผู้ให้บริการแบบ OTT ?
OTT ย่อมาจาก Over The Top ซึ่งหมายถึง Facebook, YouTube, LINE, Netflix เป็นต้น หากจะอธิบายให้มากขึ้น ก็คือ…บรรดาผู้ให้บริการทั้งหลายที่ใช้โครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศ ที่ทำให้เกิดปริมาณการใช้ดาต้าอย่างมหาศาลในปัจจุบัน
ทำไมจึงคิดเก็บเงินจากผู้ให้บริการเหล่านั้น ?
ตามไอเดียใหม่ของ กสทช. มองว่าเรื่องดังกล่าวถือเป็นช่องโหว่ที่ประเทศไทย รวมถึงอีกหลากหลายประเทศในอาเซียนต้องเผชิญอยู่! จากความนิยมของประชากรในประเทศที่ใช้บริการจากบรรดาผู้ให้บริการ OTT มากมาย แต่รัฐกลับไม่สามารถจัดเก็บ “รายได้” หรือ “ภาษี” จากธุรกิจเหล่านั้นได้เลย มิหนำซ้ำเม็ดเงินยังไหลออกไปต่างประเทศอีกต่างหาก ทำให้ กสทช. เกิดแนวคิดในการเรียกเก็บค่าบริการดังกล่าว
โดยหลักการเบื้องต้นได้แบ่งการพิจารณาออกเป็น 4 รูปแบบ ตามปริมาณการใช้งานอินเทอร์เน็ต ได้แก่ 1. ใช้งานฟรี สำหรับการใช้งาน 20-50 เทราไบต์ 2. ตั้งแต่ 50-100 เทราไบต์ จ่ายค่าบริการตามที่ กสทช. กำหนด 3. ตั้งแต่ 100-200 เทราไบต์ จ่ายค่าบริการตามที่ กสทช. กำหนด และ 4. ตั้งแต่ 200 เทราไบต์ขึ้นไป จ่ายค่าบริการตามอัตราก้าวหน้า (ข้อมูลจาก ไทยรัฐออนไลน์) โดยถือเป็นค่านำข้อมูลเข้ามาให้บริการ ค่าใช้โครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศ และเป็นเงินบำรุงรักษาโครงข่ายประเทศ
อย่างไรก็ตาม รายละเอียดปลีกย่อยและข้อสรุปในประเด็นนี้ กสทช. เองก็ประเมินไว้ว่าอาจต้องใช้เวลานานนับปีเพื่อศึกษา พิจารณา และเปิดรับข้อมูลจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตและผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศ ก่อนที่ กสทช. จะร่างหลักเกณฑ์และประกาศบังคับใช้ต่อไป
ส่วนกระแสข่าวที่ว่า หากผู้ให้บริการ OTT รายใดไม่จ่ายค่าบริการดังกล่าว…จะถูกลดความเร็วการให้บริการนั้น ยังไม่มีข้อมูลยืนยัน เชื่อว่าอาจเป็นหนึ่งในเงื่อนไขที่ภาครัฐต้องการให้การจ่ายค่าธรรมเนียมฯ เกิดประสิทธิภาพสูงสุดนั่นเอง
