เมื่อครั้งโบกมือลา…ก็ทำเอามิตรรักแฟน “ลิโด” ใจหายกันเป็นแถว กระทั่งถึงเวลา Come Back อีกครั้ง แน่นอนว่าโฉมใหม่ในชื่อ “ลิโด้ LIDO CONNECT” ได้ถูกแต่งเติมสีสันและความแปลกใหม่จนแทบไม่เหลือกลิ่นอายเดิม ๆ กับความหวังในการกลับมาเป็นชีวิตชีวาแก่ย่านสยามสแควร์อีกครั้ง ตั้งแต่ 1 สิงหาคมนี้
ก่อนจะพบกับลุคใหม่ของ ลิโด้ LIDO CONNECT โฉมใหม่ เราลองมาย้อนวันวานไล่เรียงความเป็นมาของ “ตำนานโรงหนังสแตนอโลน” อันโด่งดังกันหน่อย ว่าเป็นอย่างไร…
– เริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจเกี่ยวกับการเขียนกันก่อน! หลายคนอาจเถียงกันอยู่ว่าตกลงแล้วต้องเขียน ลิโด หรือ ลิโด้ แม้จะออกเสียงกันติดปากว่า ลิ-โด้ แต่การเขียนที่ถูกต้อง (ในอดีต) ต้องเขียนว่า ลิโด นะจ๊ะ แต่ใครที่เขียนผิดมาโดยตลอดก็ไม่ต้องเสียเซล์ฟไป! เพระาโฉมใหม่นี้ถูกปรับรูปแบบการเขียนให้เป็น ลิโด้ แล้วจ้าาาา
– กลับมาที่จุดเริ่มต้นของโรงภาพยนตร์ลิโด…แน่นอนว่าทุกคนรู้ว่า ลิโด ตั้งแต่บนทำเลกลางเมืองอย่างย่านสยามสแควร์ เปิดให้บริการตั้งแต่ 27 มิ.ย.2511 หรือเมื่อราว 50 ปีที่แล้ว กับความอลังการของการเป็นโรงภาพยนตร์ความจุ 1,000 ที่นั่ง ทำให้ลิโดเป็นหนึ่งในโรงหนังขนาดใหญ่ยักษ์ในเวลานั้น
– หนังเรื่องแรกที่ได้เปิดฉายรอบปฐมทัศน์ของลิโด คือ Guns for San Sebastian (ศึกเซบาสเตียน)
– ลิโดเป็นโรงภาพยนตร์แห่งที่ 2 ในเครือ Apex (เอเพ็กซ์) ที่เปิดให้บริการแก่ผู้คนนานถึง 5 ทศวรรษ ก่อนจะหมดสัญญาและปิดตัวไปเมื่อ 31 พฤษภาคม 2561 โดย “PMCU” (สำนักงานจัดการทรัพย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) ในฐานะผู้ถือสัมปทานพื้นที่สยามสแควร์ ซึ่งได้ “LOVEiS Entertainment” เข้ามาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ จัดตั้งบริษัท LIDO CONNECT เพื่อชุบชีวิตใหม่ให้กับลิโด้
– ข้อตกลงระหว่าง PMCU กับ LOVEiS มีระยะเวลาเบื้องต้น 5 ปี กับงบประมาณรวม 100 ล้านบาท ภายใต้เงื่อนไขที่ PMCU จะเป็นผู้ดูแลงานระบบต่าง ๆ ของอาคารรวมถึงงานรักษาความปลอดภัย ขณะที่ LOVEiS จะดูแลด้านการใช้งานพื้นที่และจัดหาคอนเทนต์รูปแบบต่าง ๆ โดย LOVEiS ถือหุ้น 70% และอีก 30% เป็นผู้ถือหุ้นรายย่อย
– นอกจากโฉมใหม่ของตัวสะกดที่ ลิโด จะกลายเป็น ลิโด้ แล้ว คอนเซปต์ก็ถูก “รีโนเวท” เช่นกัน! โดยจะเปลี่ยนจากโรงหนังกลายเป็น LIDO CONNECT พื้นที่แห่งโอกาส เพื่อสนับสนุนการสร้างผลงานศิลปะและการใช้ชีวิตของผู้คนทุกวัย โดยเฉพาะด้านดนตรี งานออกแบบ การแสดง และพื้นที่เวิร์คช็อป เรียกว่าเปิดกว้างเพื่อต้อนรับผู้คนอีกครั้ง…ทั้งคนรุ่นเก่าที่มีความหลังและคนรุ่นใหม่ที่ยังไม่เคยผูกพันกับพื้นที่แห่งนี้ให้เข้าถึงลิโด้ผ่านศิลปะ วัฒนธรรม และความคิดสร้างสรรค์
– แม้จะถูกรีโนเวท แต่คอนเซปต์ของลิโด้ LIDO CONNECT คือ Back to Original เพื่อระลึกถึงโรงภาพยนตร์แห่งเดิม ซึ่งจะเป็นการดึงเอาเสน่ห์สถาปัตยกรรมยุค 70 กลับมาใช้! ผสานกับโครงสร้างและองค์ประกอบการตกแต่งแบบยุค 90 รวมกับดีไซน์ยุคปัจจุบัน โดยพื้นที่ราว 4,000 ตร.ม. จะถูกคงเดิมไว้มากที่สุด เปลี่ยนก็แต่ไอเดียการสร้างประโยชน์และเปลี่ยนพื้นที่ดังกล่าวให้เป็นพื้นที่สาธารณะสำหรับจัดกิจกรรมหมุนเวียน แต่ไม่ต้องกังวลว่าเอกลักษณ์อย่าง ไฟนีออน และป้ายแสดงโปรแกรมหนัง จะหายไป เพราะผู้บริหารพื้นที่ตั้งใจคงเอกลักษณ์ดังกล่าวเอาไว้เพื่อสื่อถึงกลิ่นอายแบบเดิม ๆ
– พื้นที่ LIDO CONNECT จะแบ่งออกเป็น 2 ชั้น ๆ ละ 1,500 ตร.ม. โดยชั้น 1 แบ่งพื้นที่ 750 ตร.ม. เป็นพื้นที่เพื่อการพาณิชย์ และอีก 750 ตร.ม. เป็นพื้นที่ส่วนกลางสาธารณะ
ส่วนชั้น 2 จะกลายเป็นโรงหนังรวม 3 โรง ซึ่ง 2 โรงจะใช้ฉายหนัง…โดยมีเงื่อนไขว่าหนังที่ได้มาฉายที่นี่จะไม่ใช่หนังฮอลลีวูดและต้องไม่ซ้ำกับที่สกาลา ส่วนอีกโรงจะใช้เป็นพื้นที่ Multi-purpose เพื่อแสดงคอนเสิร์ต ละครเวที หรือจัดกิจกรรม นอกจากนี้ยังจะมีพื้นที่ให้เช่าราว 7-8 ยูนิต เพื่อเปิดเป็นร้านค้า ภายใต้เงื่อนไขว่าร้านค้าที่เช่าพื้นที่ดังกล่าวจะต้องตรงกับคอนเซปต์ของโครงการ LIDO CONNECT และต้องยินยอมให้รายได้ 20% เพื่อนำไปใช้กับงาน CSR อีกด้วย
จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ 1 สิงหาคมนี้ โฉมใหม่ของ “ลิโด้” จะยังมีมนต์เสน่ห์ดังเดิมหรือไม่ ต้องไปพิสูจน์กันสักหน่อย!
