คุณกำลังมองหาวิธีใหม่ๆ ที่จะติดต่อกับแฟนๆ ในเฟซบุ๊กอยู่ใช่หรือไม่?
แล้วคุณเคยคิดที่จะลองใช้วิธีเปิด “เฟซบุ๊ก แบบกรุ๊ป” มาช่วยบ้างหรือไม่?
แม้ว่าคุณอาจจะเคยเล่นในเฟซบุ๊ก กรุ๊ปมาแล้ว แต่อาจจะยังไม่เคยลองมาใช้ในการดำเนินธุรกิจหรือติดต่อสื่อสารเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับผู้บริโภคมาก่อน ดังนั้น บทความนี้จะช่วยให้คุณค้นพบวิธีที่ใช้ “เฟซบุ๊ก กรุ๊ป” ในการทำงานเพื่อธุรกิจของคุณ มาดูกันมีอะไรบ้าง
#1.Network With Dedicated Fans
เฟซบุ๊ก กรุ๊ปนี้ ควรทำขึ้นเพื่อผู้บริโภคที่เป็นที่สุดแห่งแฟนพันธุ์แท้ ซึ่งคือกลุ่มลูกค้าที่เชื่อมั่นในบริษัทของคุณ ทั้งโปรดักส์ และวิสัยทัศน์ ยกตัวอย่างเช่นแบรนด์ชื่อว่า Canva ซึ่งมี Loyal fan กรุ๊ปที่แข็งแกร่งมาก อาจเรียกได้ว่าเป็น ambassador groups หรือ community groups ชั้นดีเลยก็ว่าได้
กลุ่มแฟนพันธุ์แท้คือสิ่งสำคัญที่สุดของเฟซบุ๊ก กรุ๊ป ที่คุณจะสามารถสร้างขึ้นมาได้ จะเป็นตัวช่วยที่ดีในการเผยแพร่ด้านดีๆ ของธุรกิจของคุณ ไม่ว่าจะเป็นสินค้า บริการ หรือตัวบริษัท
อย่างไรก็ตาม ต้องให้แน่ใจว่าคุณได้เอาอกเอาใจสมาชิกในกรุ๊ปอย่างดี และที่สำคัญคือต้องทำให้พวกเขารู้สึกพิเศษอีกด้วย ซึ่งมีหลายวิธีการอยู่ เช่น ส่งทีเชิ้ตรุ่นลิมิเต็ดให้ กรณีที่มีการกดแชร์ หรือกดไลก์ข้อความ เป็นต้น
และสิ่งสำคัญที่สุดคือ อย่าลืมคำขอบคุณอย่างสุดซึ้งให้กับบรรดา Loyal fans ของคุณ โดยต้องทำให้เป็นปกติวิสัย นอกจากนี้ โน้ตที่เขียนด้วยลายมือมักจะสร้างความประทับใจให้มากกว่าเงินหรือของขวัญ ดังนั้น การขอบคุณแฟนๆ จึงสำคัญมาก เพราะพวกเขาได้ช่วยเหลือเพื่อให้คุณไปถึงยังเป้าหมายและทำให้ฝันเรื่องธุรกิจของคุณเป็นจริง
ต่อไปนี้คือ 5 วิธีที่จะใช้ เฟซบุ๊ก กรุ๊ป แฟนพันธุ์แท้เพื่องานธุรกิจของคุณให้มีประสิทธิภาพ
1.Get feedback on new products
คุณอาจจะมีสินค้าหรือบริการใหม่ที่ต้องการนำเสนอ แต่ก็ต้องการทราบปฏิกิริยาแรกก่อนปล่อยด้วย ดังนั้น เฟซบุ๊ก กรุ๊ป จะเป็นตัวช่วยอย่างดีในการรับฟังฟีดแบ็กต่างๆ
2.Attract affiliates.
ถ้าบริษัทของคุณมีโปรกแกรมสร้างพันธมิตร เฟซบุ๊กนี้เป็นสถานที่ที่ดีที่จะเริ่มต้นการสรรหาพันธมิตรเลยล่ะ
3.Respond to online questions
มีหลายครั้งที่คุณเห็นคำถามบนออนไลน์ ฟอรั่ม หรือในกรุ๊ป ซึ่งคุณคิดว่าสินค้าหรือบริการของคุณเหมาะเหลือเกินที่จะนำมาใช้ในการแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ แน่นอนว่าคุณสามารถตอบคำถามเหล่านั้นได้ด้วยตัวคุณเอง แต่มันจะมีประสิทธิภาพมากกว่ามากๆ หากคนที่ตอบคำถามเหล่านั้นคือกลุ่มแฟนพันธุ์แท้ในกรุ๊ปเข้าไปตอบให้
ใช้เทคนิคนี้ในการทำงาน แต่จงหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการสแปม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าคุณอยู่ในกรุ๊ปขนาดใหญ่ แท็กเพียงแค่ 2 หรือ 3 คนที่มีการเตรียมตัวที่ดีในการตอบคำถามจะดีกว่า
4.Recruit mentors.
ผู้คนส่วนใหญ่ต้องการรู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขาคือผู้เชี่ยวชาญในบางสิ่ง และสนุกสนานกับการแชร์หรือแบ่งปันซึ่งความรู้นั้นๆ กับคนอื่น อย่างไรก็ตาม Mentors ที่ดีจะต้องสามารถช่วยให้ได้ผู้บริโภคหน้าใหม่ก้าวข้ามอุปสรรคเข้ามาใช้สินค้าหรือบริการของเราให้ได้ ดังนั้น อย่าลืมที่จะแยกเฟซบุ๊ก กรุ๊ปไว้สำหรับกลุ่ม Mentors เหล่านี้ไว้ด้วย
5. Share company achievements.
ถ้าธุรกิจของคุณชนะหรือได้รางวัลหรือถูกพูดต่อสาธารณะถึงความมีชื่อเสียง และคุณต้องการให้ทั้งโลกรับรู้ คุณสามารถโทรหาเพื่อนและครอบครัวได้ และอย่าลืมโพสต์มันลงแอคเคาท์ในโซเชียล มีเดีย และบอกกับทุกๆ คนที่คุณพบ แต่ต้องระวังไม่ให้ข้อความไปไกลนัก นอกจากนี้ ควรโพสต์ลิงก์บทความนั้นๆ ลงไปในกลุ่มแฟนพันธุ์แท้ด้วยเช่นกัน
#2.Support Current Customers
เฟซบุ๊กกรุ๊ปชนิดที่สอง คือกลุ่มผู้บริโภคล่าสุด เพื่อสร้างคอมมูนิตี้ในกลุ่มนี้ ควรเชิญตั้งแต่นาทีแรกที่คนๆ นั้นได้จ่ายเงินมาเป็นลูกค้าเราแล้ว ให้พวกเขาได้รู้ว่าเรามีคอมมูนิตี้เฟซบุ๊กที่แอ็คทีฟ และอธิบายพวกเขาว่ากรุ๊ปนี้ทำงานกันอย่าง โดยการใช้เซกชั่น “About” ตัวอย่างเช่นที่ Golden Tote ทำ เช่น มีการติดต่อสมาชิก แชร์ไอเดีย และยุทธศาสตร์ และสนับสนุนซึ่งกันและกันในทุกโอกาส
แต่ต้องให้แน่ใจว่าได้จัดหาลิงก์เข้าไปยังกรุ๊ปแล้วใน welcome email และใน signup page ติดตามว่ามีลูกค้าเท่าไหร่ที่ได้ signed up และดำเนินการเชิญให้เข้ามาร่วมจอยให้ได้
และต่อไปนี้คือบางวิธีที่เอาไว้พัฒนาและปรับปรุงกรุ๊ป เพื่อให้คอมมูนิตี้เป็นดังนี้
1.Be generous and foster an environment of giving
ยกตัวอย่างเช่น ให้คำใบ้กับบางเรื่อง, เคล็ดลับ และทริกดีๆ สำหรับวิธีการใช้โปรดักส์ของคุณ ซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้ และสร้างแรงบันดาลใจให้คนกลุ่มนี้นำไปเผยแพร่ ซึ่งคุณอาจจะเชิญสมาชิกในกลุ่มแฟนพันธุ์แท้ของคุณมาร่วมในกลุ่มนี้ด้วยเพื่อแบ่งปันเคล็ดลับดังกล่าว เกี่ยวกับโปรดักส์หรือบริการที่ดีที่สุดของแบรนด์ของคุณ
2.Be transparent
การพิจารณาการตอบสนองในกรณีคำตำหนิ ตัวอย่างเช่น ขอบคุณคำแนะนำของคนที่ได้เปิดเผยว่าโปรดักส์ของคุณมี bug พร้อมกับระบุด้วยว่าคุณกำลังอยู่ในระหว่างการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน กรณีนี้คุณไม่จำเป็นต้องถึงกับต้องเสนอคูปองส่วนลด หรือสิทธิพิเศษอื่นๆ เพียงแค่คุณยอมรับในความผิดพลาด ขอโทษ และอธิบายเมื่อมันได้รับการแก้ไขแล้วก็เพียงพอ
3.Be present
ตอบกลับอย่างรวดเร็วเท่าที่ทำได้ไปยังคำถามหรือคอมเม้นต์นั้นๆ หากคุณไม่สามารถตอบคำถามได้ในเวลาอันรวดเร็ว ก็ต้องให้ลูกค้าได้รู้ว่าคุณกำลังค้นหาคำตอบอยู่และจะกลับมาคลายข้อกังวลและสงสัยในทันทีที่ทำได้
นอกจากนี้ ยังอาจใช้วิธีให้กลุ่มแฟนพันธุ์แท้เข้ามาแบ่งปันไอเดีย หรือแนะนำการใช้เองก้ได้
4.Be inclusive
นำเสนอโปรโมชั่นดีๆ แก่สมาชิกในกรุ๊ป ซึ่งไม่ได้อยู่ในรายการที่นำเสนอต่อสาธารณะหรือโซเชียล เพื่อทำให้พวกเขารู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของ Exclusive club
และถ้าหากมีลูกค้าคนใดในกลุ่มหน้าใหม่นี้ พูดคุยถึงแบรนด์ของคุณบ่อยและถี่บนโซเชียล มีเดีย คุณก็อาจจะเชิญเค้ามาร่วมในกรุ๊ปเฟซบุ๊กแฟนพันธุ์แท้ด้วยก็ได้
#3.Nurture Customer Segments
หนึ่งในงานหนักที่สุดของมาร์เก็ตเตอร์ก็คือการพัฒนาcustomer personas ซึ่งก็คือการนิยามชนิดของลูกค้าที่คุณมี ว่าพวกเขากังวัลเรื่องอะไรและต้องการอะไรแล้วสินค้าและบริการที่คุณมีนั้นจะตอบสนองความต้องการนั้นๆ ได้อย่างไร
ถ้าคุณมีลูกค้าแยกเป็นกลุ่มต่างๆ มากมาย สำคัญมากที่จะแยกความแตกต่างของกลุ่มหนึ่งออกจากอีกกลุ่มหนึ่งให้ได้ และสร้างกรุ๊ป เฟซบุ๊กให้แต่ละกลุ่มอย่างเหมาะสม ตัวอย่างเช่น แยกลูกค้าคุณตามภาษาที่ใช้, ตามเพศ, หรือตามช่วงอายุ เป็นต้น
หรือบางกรณีกลุ่มแฟนพันธุ์แท้ของคุณ อาจจะไม่ได้สนใจในการให้คำปรึกษาหรือตอบคำถามใดๆ เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการของคุณ ฉะนั้น ในกรณีนี้ คุณควรสร้างกรุ๊ปต่างหากแยกออกมา เพื่อการบริการให้ตอบสนองตรงตามความต้องการของสมาชิก
บทส่งท้าย
การสร้างสรรค์เฟซบุ๊ก กรุ๊ป คือวิธีที่ยิ่งใหญ่ที่จะพัฒนาไปสู่ customer loyalty และพัฒนาลึกซึ้งไปถึงการสร้างความผูกพันกับลูกค้า ดังนั้น เริ่มสร้างกลุ่มแฟนพันธุ์แท้เสียตั้งแต่วันนี้ รวมทั้งกลุ่มลูกค้าล่าสุด หรือเริ่มที่จะแยกกลุ่มลูกค้าบนโซเชียลของคุณได้แล้ว.
Related posts:
การตลาด Emoji ที่เข้าถึงวัยรุ่น Millennial ในต่างประเทศ
Youtube Ads เล่นแค่ 5 วินาที ก่อนให้กดข้าม จะจัดการให้คนดูต่ออย่างไรดี
Marketing Tools เครื่องมือที่ทำให้ทำการตลาดนั้นง่ายขึ้น
Data Analytics ศาสตร์แห่งข้อมูลที่ช่วยทำการตลาดได้ดีขึ้น
Native Advertising โฆษณารูปแบบที่ทำให้ผู้บริโภคไม่คิดว่าเป็นโฆษณา
Crisis เกิดขึ้นจัดการปัญหานี้อย่างไรดี
