ฝ่าอุปสรรคธุรกิจ SME ด้วยการเติมความรู้ผ่านโครงการ “SCB IEP” ของธนาคารไทยพาณิชย์

  • 2.6K
  •  
  •  
  •  
  •  

 

ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันที่สูงขึ้น หรือความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของกลุ่มเป้าหมาย ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับเจ้าของธุรกิจ SME ในทุกอุตสาหกรรมที่จะต้องทำความเข้าใจและนำมาใช้ในการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ เพิ่มวิสัยทัศน์ เพื่อปูเส้นทางในการเติบโตธุรกิจอย่างยั่งยืน สร้างแบรนด์ที่โดดเด่น และสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ธุรกิจของตน คู่ขนานไปกับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป

แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง คือ คำกล่าวที่ว่า “ความรู้คืออาวุธสำคัญในการประกอบธุรกิจ” ซึ่งยังคงสะท้อนผ่านกาลเวลาแห่งยุคสมัย ว่าความรู้เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ในการช่วยให้ธุรกิจฝ่าฟันกับอุปสรรค เตรียมรับมือกับความท้าทายต่างๆ และนำไปสู่เส้นชัยในที่สุด

บนเส้นทางสู่ความสำเร็จย่อมมีขวากหนาม ดังนั้นเพื่อสนับสนุนกลุ่มผู้ประกอบการ SME ที่นับว่าเป็นฐานสำคัญของเศรษฐกิจไทย ทาง ธนาคารไทยพาณิชย์ จึงก่อตั้งโครงการ SCB Intelligent Entrepreneur Program (IEP) มาต่อเนื่องยาวนานกว่า 10 ปี เพื่อตอบโจทย์เจ้าของธุรกิจ SME จนปัจจุบันได้มาถึงรุ่นที่ 17 ที่สามารถสร้างเครือข่ายเจ้าของธุรกิจ SME ได้มากกว่า 1,000 คน

 

โครงการ IEP รุ่นที่ 17 กับการเพิ่มประสิทธิภาพด้าน Digital Commerce ของ SME

ภายใต้หลักสูตรของรุ่นที่ 17 ชื่อว่า “B2B Digital Commerce: เปิดเกมรุก บุกออนไลน์ เพิ่มยอดขายธุรกิจ B2B” ได้รวบรวมสุดยอดผู้เชี่ยวชาญแห่งวงการด้าน Digital Commerce เพื่ออบรมผู้ประกอบการธุรกิจ SME เสริมอาวุธการตลาดออนไลน์, การบริหาร Social Commerce, การกระจายความเสี่ยงธุรกิจ ทั้งนี้ก็เพื่อพัฒนาศักยภาพในการบริหารธุรกิจ B2B ซึ่งเน้นไปทางด้าน Digital เพิ่มวิสัยทัศน์ในการทำธุรกิจออนไลน์ วางกลยุทธ์ในธุรกิจออนไลน์ใหม่ๆ และสร้างเครือข่ายพันธมิตร B2B

หนึ่งในกรณีศึกษาที่น่าสนใจ ซึ่งทาง Marketing Oops! ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ ก็คือหนึ่งในเจ้าของธุรกิจ SME ที่เข้ามาอบรมโครงการ IEP รุ่นที่ 17 แล้วนำความรู้ไปพัฒนาธุรกิจได้จริง ได้แก่ คุณแสงสุรีย์ อินทเดช (คุณหนิง) ผู้บริหาร บริษัท บีไอดับบลิว โพรดัคส์ จำกัด เจ้าของธุรกิจ “ม่านม้วน” แบรนด์ “BIW”

 

คุณแสงสุรีย์ อินทเดช (คุณหนิง) ผู้บริหาร บริษัท บีไอดับบลิว โพรดัคส์ จำกัด เจ้าของธุรกิจ “ม่านม้วน” แบรนด์ “BIW”

 

สร้างความแตกต่างด้วย Brand Building

คุณหนิงได้เริ่มจากการเล่าถึง “วิสัยทัศน์ที่เห็นถึงโลกอนาคต” ของธุรกิจม่านม้วนว่าจะเป็นที่นิยมในประเทศไทย โดยเริ่มจากการสังเกตเห็นเทรนด์ของต่างประเทศอย่างไต้หวันและยุโรป ที่ตามคำบอกกล่าวของคุณหนิงว่า “นำประเทศไทยไปกว่า 5 ถึง 10 ปี” ซึ่งหลังจากที่ได้มีโอกาสดูงานที่ไต้หวันด้วยตัวเองแล้ว ก็เล็งเห็นช่องทางนำกลับมาต่อยอดกับธุรกิจเดิมที่ขายผ้าม่านกับ B2C อยู่แล้ว ประกอบกับการที่มีคนถามหาม่านม้วนมากขึ้น แต่ในตอนนั้นยังไม่ค่อยมีใครทำ

 

 

การเดินทางของคุณหนิงพร้อมแบรนด์ BIW นับแต่วันนั้นจนปัจจุบัน ถือว่าไม่ง่ายเลย เพราะหลังจากที่ทำได้สักพัก ก็เริ่มมีผู้ผลิตรายใหญ่ต้องการกีดกันรายเล็กก่อให้เกิดการแข่งขันอย่างเข้มข้น ไม่ว่าจะเป็นวิธีตรงไปตรงมาอย่างสงครามการตัดราคา ออกสินค้าที่เหมือนกันทุกตัวในราคาที่ต่ำกว่า ทว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนมีแต่ทำให้แบรนด์ BIW ยิ่งแข็งแกร่ง เพราะทางคุณหนิงได้หันมาให้ความสำคัญมากขึ้นกับ Brand Building ทั้งนี้ก็เพื่อ “differentiate” หรือสร้างความแตกต่างที่ชัดเจนเหนือคู่แข่ง โดยเจาะไปที่ตลาดลักชัวรี่มากขึ้น เริ่มจากการนำแบรนด์ “Coulisse” จาก ประเทศเนเธอร์แลนด์ มาวางจำหน่ายเพียงเจ้าแรกและเจ้าเดียวในประเทศไทย แล้วออก “Collection Royalblue catalog BIW by Coulisse” ซึ่งเน้นไปที่ตลาดม่านม้วนแบบ Hi-end จุดเด่นอยู่ที่การร่วมออกแบบจากแบรนด์สุดหรูอย่าง Hermès และ Dior

 

 

ความสำคัญของความรู้ด้าน “Digital” ในยุคปัจจุบัน

ระหว่างทางในการทำ Brand Building คุณหนิงได้พบว่าสิ่งสำคัญของการสร้างแบรนด์ในยุคนี้ คือต้องให้ความสำคัญอย่างมากเกี่ยวกับ Digital marketing ก็เลยอยากที่จะต่อยอดความรู้ในด้านนี้ เพราะตรงกับสิ่งที่ทางธุรกิจกำลังทำมาอยู่แล้ว จึงคิดว่า “ถ้าเรามาเรียนหลักสูตร IEP รุ่นที่ 17 ดูจากตัววิทยากรและหัวข้อ น่าจะช่วยมาพัฒนาต่อยอดให้ในด้าน digital ของธุรกิจให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น”

ทางคุณหนิงได้ฉายภาพให้เราเห็นชัดกว่าเดิม โดยอธิบายไว้แบบนี้ “สมมุติว่าเราทำทั้ง Facebook ทั้ง IG และ LINE เราก็ต้องการที่จะหาวิธีในการวัดผล หรือนำมา Integrate กัน เพื่อเข้าใจลูกค้าให้มากขึ้น ในส่วนนี้เราต้องคิดให้ละเอียดถึงลูกค้าว่าเขาจะได้รับข้อมูลอะไร และรู้สึกอย่างไร ซึ่งข้อมูลที่ออกจากบริษัทไม่ว่าจะเป็นภาพ บทความ หรือ คลิปวีดีโอ ล้วนมีความสำคัญมากๆ พยายามทำการตลาดให้ตรงในแต่ละกลุ่มมากขึ้น จะต้องเข้าใจลูกค้าที่อยู่ในแต่ละ platform ซึ่งจะใช้งานข้ามแพลตฟอร์ม โดยหลักสูตรนี้ช่วยทำให้ได้เข้าใจ ตกผลึกและคิดให้คมมากยิ่งขึ้น และยังเน้นในเรื่องของการวัดผล เพื่อการลงทุนในการทำการตลาดออนไลน์สำหรับ B2B อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย”

แนวคิดสำคัญที่คุณหนิงบอกว่าได้จากหลักสูตร IEP รุ่นที่ 17 คือ การทำการตลาดกับกลุ่ม B2B ที่มีกำลังการซื้อสูง โดยอาศัยการใช้เครื่องมือการตลาดดิจิทัลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และที่สำคัญคือ “ต้องวัดผลให้ได้” เพื่อที่จะเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลมาใช้เป็นแบบแผนในการวางกลยุทธ์ ไปจนถึงออกโปรดักต์ใหม่ๆ ทางคุณหนิงได้เล่าจากประสบการณ์ตรงว่า​ “มีโซเชียลหรือเว็บไซต์ไปก็เท่านั้น ถ้าไม่รู้จักวิธีใช้ที่ถูกต้อง ก็ไม่ค่อยเห็นผล”

 

 

Digital Tools เครื่องมืออันสำคัญแห่งยุคต่อธุรกิจ SME

คุณหนิงได้เริ่มจากยกตัวอย่างในสิ่งที่รู้สึกประทับใจเป็นการส่วนตัวมากที่สุด จากหลักสูตร IEP รุ่นที่17 คือเกี่ยวกับความสำคัญของเว็บไซต์ต่อธุรกิจ “เว็บไซต์มีความสำคัญมากสำหรับธุรกิจ B2B โดยก่อนหน้านี้มีเว็บไซต์มาเกือบ 5-6 ปี จนได้มาฟังอบรมก็รู้สึกว่า มันต้องปรับ! ยิ่งได้มาฟังวิทยากรบรรยายในคลาสแรกๆ ก็รู้สึกว่า เว็บคือหัวใจ เป็นสิ่งที่เป็นสินทรัพย์ติดตัวบริษัทไปตลอด ทำไมเราถึงไม่ใส่ใจลงทุนกับมันให้มากขึ้น ซึ่งไม่ว่าเราจะทำการตลาดดีแค่ไหน แต่ถ้าลูกค้าเสิชเจอเราแล้วเข้าเว็บมา แต่เว็บมันไม่รู้สึกดึงดูด ก็หมดกันพอดี โดยแต่เดิมก็อยากปรับปรุงอยู่แล้ว แต่คลาสนี้ทำให้เข้าใจในรายละเอียดและโครงสร้าง ว่าต้องให้ความสำคัญกับจุดไหน อะไร อย่างไร” แน่นอนว่าคลาสที่มีถึงระดับเซียนมาสอนคงไม่จบที่ตรงนี้ เพราะคุณหนิงยังเอ่ยต่อว่า อีกเครื่องมือหนึ่งที่เอาไว้วัดผลประสิทธิภาพของเว็บไซต์ (ซึ่งอันที่จริงก็มีมาตลอดแต่แทบไม่ได้สนใจ) คือเครื่องมืออย่าง Google Analytics (GA) โดยในคลาสทำให้เห็นว่า GA มีความสำคัญอย่างยิ่ง ต่อการนำสถิติ “หลังบ้าน” มาวิเคราะห์เพื่อวางกลยุทธ์ให้เข้ากลับกลุ่มเป้าหมายบนแพลตฟอร์ม E-commerce

อีกสิ่งหนึ่งที่คุณหนิงได้บอกว่าประทับใจสุดๆ คือการที่ได้ลงมือทำจริงๆ ผ่านกิจกรรมในโครงการ โดยภายในคลาสจะได้รับการช่วยเหลือตรงจากผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้นๆ เช่น การยิงแอดโฆษณา “สิ่งที่ได้รับเลยก็คือรู้ว่า ปกติเราก็ยิงแอดโฆษณา แต่เรื่องการวัดผลอาจจะไม่ค่อยได้ใส่ใจกับมันเท่าที่ควร ซึ่งจริงๆ แล้วการวัดผลเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ เพื่อที่เราจะปรับใช้งบประมาณทีน้อยลง แต่ทำให้โฆษณามีประสิทธิภาพมากขึ้น ก็ช่วยประหยัดต้นทุนไปเยอะเลย” 

หากต้องรวมมาอธิบายแบบสั้นๆ คุณหนิงก็เลยช่วยให้เห็นภาพได้อย่างชัดเจน โดยบอกว่า “การอบรมในโครงการ จะเน้นไปทางการใช้ Digital Tools ให้มีประสิทธิภาพ แล้วก็สามารถที่จะวัดผลให้ได้จริง ส่วน tools ที่ใช้ เช่น ยิงแอด ถ้าจะทุ่มงบก็ต้องดีพอ ไม่ใช่โยนเงินไปตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ซึ่งภายในโครงการจะเน้นย้ำในเรื่องการใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพในการลงทุน tools ทุกๆ อย่าง”

 

 

โครงการ SCB IEP ที่พร้อมจะตอบโจทย์ธุรกิจในแต่ละช่วง 

การที่เจ้าของธุรกิจม่านม้วน BIW อย่างคุณหนิงได้มาเข้าร่วมโครงการ และมอบบทสัมภาษณ์ดีๆ แก่ทาง Marketing Oops! แน่นอนว่าทางเราก็เลยอยากให้คุณหนิงได้แชร์คำแนะนำ ที่อยากจะบอกกล่าวถึงเจ้าของธุรกิจ SME ท่านอื่นๆ ก่อนจะจบบทสัมภาษณ์

“โครงการนี้เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการเน้นในเรื่องของการทำ digital marketing และเข้าใจความสำคัญของแต่ละ tools มีความสำคัญอย่างไร ใช้งานแบบไหน และนำไปวัดผลอย่างไร เพื่อที่จะเอาข้อมูลตรงนี้ไปต่อยอดในการวางแผนทางการตลาดเจาะถึงลูกค้า”

 

 

หากเจ้าของธุรกิจ SME สนใจอยากที่จะพัฒนาธุรกิจให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ก็สามารถติดตามข้อมูลการรับสมัครในรุ่นต่อๆ ไปได้ที่ website: https://www.scb.co.th/th/sme-banking/sme-academy.html


  • 2.6K
  •  
  •  
  •  
  •