เข้าสู่ปี 2022 อย่างเป็นทางการมาไม่กี่วัน ช่วงเวลานี้ถือว่าเป็นช่วงแห่งการทบทวนของเหล่าผู้ประกอบการ, นักธุรกิจ รวมไปถึงคนวัยทำงานถึงเป้าหมายของชีวิตในหลายๆ แง่มุมเพื่อทำให้ปีนี้เป็นปีที่ดีขึ้น
ในแง่ของธุรกิจก็เช่นกัน โดยเฉพาะการวางแผนและมุมมองของผู้นำธุรกิจมีความสำคัญมากต่อความเชื่อมั่น ทิศทางธุรกิจ และพนักงาน ซึ่งบทความของ Josh Felber ได้พูดถึงความน่าสนใจของช่วงวิกฤตที่ผ่านมาว่า มีวลีหนึ่งที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกจากปากของผู้นำธุรกิจ ไม่ว่าจะ CEO, ประธาน หรือ C-level อื่นๆ พวกเขาพูดถึง “การมีส่วนร่วมของพนักงาน” ที่ยกให้เป็นหนึ่งในปัญหาที่แก้ไม่ตก
ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะสถานการณ์ทำให้ต้องพึ่งพาการทำงานทางไกล การประชุมทางไกล หรือการปรึกษาทีมทางไกล ฯลฯ ดังนั้น engagement ระหว่างผู้นำกับพนักงานจึงสร้างความห่างเหินมากกว่าเดิม ทำไมเรื่องนี้ถึงสำคัญ? งานวิจัยของ Gallup เคยพูดไว้ว่า การมีส่วนร่วมของพนักงานนั้นไม่ว่าจะทางอารมณ์กับองค์กร หรือวัฒนธรรม สามารถสร้างความมุ่งมั่น, การสร้างสรรค์ และประสิทธิภาพที่มากขึ้นในการทำงาน โดยสามารถเพิ่มผลกำไรได้ถึง 21%
ดังนั้น นี่คือ 3 วิธีจาก Dave McKeown ที่ปรึกษาด้านความเป็นผู้นำ ซึ่งเป็นแขกรับเชิญในรายการ Making Bank podcast กับหัวข้อพูดที่ว่า ‘self-evolved leader’ (ผู้นำที่พัฒนาตนเอง)
เขาได้พูดว่า “ผู้นำที่พัฒนาตัวเองคือ ผู้นำที่สามารถลุกขึ้นสู้กับความท้าทายของวันนี้ เปิดใจกว้างและยืดหยุ่นพอที่จะก้าวขึ้นสู่ความท้าทายที่ไม่รู้จักในวันพรุ่งนี้”
“ขณะเดียวกัน ผู้นำที่พัฒนาตัวเองก็สามารถส่งเสริมการมีส่วนร่วมของพนักงานได้เช่นเดียวกัน”
ตั้งเป้าหมายกับทีม
สิ่งแรกและสำคัญที่สุดที่ต้องทำเพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมของพนักงาน ก็คือ การมีส่วนร่วมกับพนักงานของคุณนั่นเอง ฟังดูอาจจะงงๆ แต่มันคือเรืองจริงและเบสิคมากๆ เพราะอย่างน้อยต้องตั้งเป้าหมายร่วมกันอย่างชัดเจน และพนักงานต้องรู้สึกถึงความมุ่งมั่นและทุ่มเทจากเป้าหมายนั้นๆ ด้วย
Dave McKeown พูดแนะนำว่า ผู้นำควรจะรวมทีมและระดมสมองเพื่อตั้งเป้าหมายด้วยกัน เห็นตรงกัน หรือสามารถแย้งกันได้ เพราะการทำเช่นนี้พวกเขาจะรู้สึกว่าผู้นำเปิดใจมากพอที่จะรับฟัง และพร้อมทำให้พวกเขาเชื่อมั่น เพราะสิ่งหนึ่งที่พนักงานต้องการจากผู้นำก็คือ พวกเขามองเห็นอนาคตของธุรกิจว่าเป็นอย่างไร เช่นเดียวกับการได้ยินแนวคิดใหม่เพื่อให้ประสบความสำเร็จ
ดังนั้น ภาพเก่าๆ ของเจ้านายที่สามารถตอบคำถามได้ทั้งหมด(แต่ไม่ชัดเจนเพียงพอ) จะใช้กับยุคนี้ไม่ได้อีกต่อไป เพราะพนักงานไม่สามารถเชื่อมต่อกับผู้นำได้จริงๆ ไม่รู้สึกถึงความเป็นส่วนหนึ่งระหว่างกันได้ ความชัดเจนจึงสำคัญมากสำหรับพนักงานยุคใหม่
บริการหรือให้เครื่องมือทำงานอย่างเต็มที่
อุปกรณ์การทำงานถือว่าสำคัญอีกอย่างหนึ่ง เพราะบ่อยครั้งเหตุการณ์ที่ผู้นำหลงลืม หรือ ignore กับสิ่งที่พนักงานเรียกร้องให้เปลี่ยน เช่น อุปกรณ์ทำงาน หรือวิธีการทำงานต่างๆ ดังนั้น การตั้งเป้าหมายหรือการถามความคิดเห็นพนักงานเป็นเพียงขั้นตอนแรกในการซื้อใจ แต่การทำตามสิ่งที่ขอ หรือทำให้พวกเขาเห็นว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงคือการแสดงความจริงใจของผู้นำ
อธิบายง่ายๆ ก็คือ พนักงานจะรู้สึกได้รับการสนับสนุน ซึ่งทำให้พวกเขามีแนวโน้มที่จะสนับสนุนคุณและทำเป้าหมายของบริษัทให้เป็นจริงมากขึ้น
การช่วยเหลือพนักงาน/ช่วยตัดสินใจ
บางทีผู้นำจะมีความคาดหวังที่จะเห็น ‘ภาวะการตัดสินใจ’ จากพนักงานทุกคนเพราะเชื่อว่านั้นคือความรับผิดชอบอย่างหนึ่ง แต่ตรรกะนี้ไม่สามารถทำได้กับทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องที่ด่วนและต้องตัดสินใจทันที เพราะการช่วยชี้แนะ หรือช่วยตัดสินใจให้บางครั้งเหมือนเป็นการทำให้อะไรที่ยากๆ มันง่ายขึ้น เพราะทุกคนจะได้รับมอบหมายงานตามความถนัดของตัวเอง
สิ่งสำคัญที่ผู้นำต้องคิดก็คือ ไม่ใช่พนักงานทุกคนที่ชอบงานท้าทาย หรือท้าทายความสามารถของตัวเอง เพราะสำหรับบางคนงานที่ท้าทายเกินไปจะทำให้พวกเขารู้สึก ‘เปล่าประโยชน์’ ไม่ต้องการทำงานที่นี่อีกต่อไป
ที่มา: influencive