เหรียญมีสองด้าน! สื่อจีนตีแผ่ดราม่าคุณยายน่าเกลียดเป็นเพียงแค่ความเข้าใจผิด

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

grandma-ding-2

grandma-ding-10

ก่อนหน้านี้เราคงเคยได้ยินข่าวดราม่าเกี่ยวกับคุณยายชาวจีนแผ่นดินใหญ่ท่านหนึ่งซึ่งข่าวระบุว่าถูกปฏิเสธไม่ให้พบหน้าหลานชายของลูกชายเนื่องจากมีใบหน้าที่ “อัปลักษณ์” เกินไป จนกลายเป็นประเด็นดราม่าว่า ฤ ชาวจีนยุคใหม่จะไร้หัวใจ ไม่สนใจใยดีแม้กระทั่งแม่แท้ๆ ของตัวเอง

เรื่องดราม่าของคุณยายดิงถูกนำเสนอก่อนหน้านี้โดยสถานีโทรทัศน์กระแสหลักของจีนระบุว่า คุณยายดิงและสามีต้องทำงานจิปาถะเพื่อหาเงินมาจุนเจือค่าเรียนมหาวิทยาลัยของลูกชายและในตอนที่เขาแต่งงาน คุณยายก็ให้สินสอดเป็นสร้อยคอทองคำแก่ลูกสะใภ้ แต่ครั้นลูกชายมีลูกของตัวเองก็กลับปฏิเสธไม่ให้คุณยายพบหน้าเพียงเพราะเธอ “น่าเกลียดเกินไป” อืม…ดูๆ ไปนี่ก็เป็นเรื่องราวของคุณแม่ที่ทุ่มเทและถูกหักหลังด้วยลูกเนรคุณเลี้ยงเสียข้าวสุก

แต่เมื่อเหรียญมีสองด้าน ความจริงก็มีจากทั้งสองฝั่ง เรามาลองฟังความจริงจากอีกด้านหนึ่งกันดีกว่าครับ!

grandma-ding-12

หลังจากที่ข่าวนี้กลายเป็นประเด็นดราม่าไวรัลไปทั่วโลกโซเชียลเนตเวิร์ก โดยภายในประเทศจีนข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้เพียงข่าวเดียวมีคนคอมเมนต์ถึง 3.7 หมื่นคอมเมนต์ และมีเพจเกี่ยวกับเรื่องนี้ถึง 1.8 พันเพจ ซึ่งหลังจากเกิดกระแสสังคมโหมกระหน่ำบุตรชาย “ใจยักษ์” ของคุณยายดิงย่อมต้องถูกสังคมถล่มจนจมดินเลยเถิดไปถึงการ “ล่าแม่มด” เพียงเพราะการรายงานข่าวของสื่อ อย่างไรก็ตาม เมื่อเรื่องราวเริ่มดำเนินไปสักระยะ ความจริงอีกหลายอย่างก็เริ่มปรากฏขึ้น

เช่นว่า ชาวเน็ตบางคนพยายามขุดคุ้ยว่าคุณยายดิงแท้จริงทิ้งลูกชายและสามีพร้อมหายตัวไปตั้งแต่เขา 5 ขวบ และจริงๆ แล้วลูกชายของคุณยายอาจไม่เคยบอกเธอว่า “น่าเกลียด” และอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณแม่ของตัวกำลังเดินทางมาเยี่ยมและเขาก็กำลังเดินทางไปเจรจาทางการค้าจริงๆ ไม่ใช่แค่คำกล่าวอ้างเท่านั้น

หลังจากเริ่มมีข้อสงสัยมากมาย ที่สุดสถานีโทรทัศน์จึงเชิญแม่ลูกทั้งคู่มาออกทีวีและเคลียร์เรื่องราวทั้งหมด ปรากฏว่าจริงๆ แล้วทั้งหมดเป็นเรื่องความเข้าใจผิดและเกิดจากการสื่อสารที่ผิดพลาด

grandma-ding-9

สรุปแล้วเรื่องราวบนโลกอินเตอร์เน็ตก็เสมือนมายาและความจริงย่อมมีสองด้าน การเชื่อคนใดคนหนึ่ง ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโดยไม่รอให้ “จำเลย” ออกมาพูดความจริงในฝั่งของตนทำให้คุณสุ่มเสี่ยงที่จะ judge หรือ ตัดสินพวกเขาผิดๆ ได้ แม้ความรู้สึกของเราอาจสนุกที่ได้รับบทผู้พิพากษา วิพากษ์วิจารณ์เรื่องราวต่างๆ กันอย่างถึงพริกถึงขิง แต่อนาคตและชีวิตของคนที่ตกเป็นข่าวอย่าง salesman ลูกของคุณยายดิงที่ต้องถูกประชาชนหลายล้านคนรุมประนามและเกือบถึงขั้นถูกไล่ออกจากงานเพียงเพราะความเข้าใจผิดของแม่และการรายงานข่าวโดยไม่ตรวจเช็คของสื่อมวลชน สิ่งเหล่านี้ดูจะไม่เป็นธรรมกับเขาสักเท่าไหร่คุณว่าไหมครับ?

ท้ายที่สุด หากเล็งเห็นแล้วว่าคอมเมนต์ของเราอาจส่งผลกระทบต่อชีวิตของคนๆ หนึ่งได้ การไม่แสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่ยังไม่ชัดเจนก็น่าจะเป็นหนทางที่ดีที่สุด รอจนทุกอย่างได้รับการพิสูจน์ ฝุ่นหายตลบแล้วค่อยวิพากษ์วิจารณ์อย่างมีเหตุผลและสติก็น่าจะช่วยให้สังคมออนไลน์ของเราน่าอยู่ขึ้นอีกเยอะเลยครับ :)

Source


  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
อุ้งทีนหมี
เตาะแตะในโรงเรียนชายล้วนแถวยศเส ก่อนเติบโตต่อในมหาวิทยาลัยริมฝั่งน้ำเจ้าพระยา ที่สุดจับพลัดจับผลูเข้าทำงานในนแวดวงสื่อสารมวลชนมาแล้วกว่า 4 ปี โต้ลมโต้ฝนทั้งในวงการข่าวต่างประเทศ เยาวชน ธุรกิจ การเมือง สังคม ฯลฯ แต่สุดท้ายกลับลำมาหลงรักวงการมาร์เก็ตติ้งที่ข้ามน้ำข้ามทะเลไปขี่จิงโจ้เรียนปริญญาโทมา เลยตัดสินใจหันหางเสือออกสู่การผจญภัยครั้งใหม่อีกสักตั้ง