เทรนด์การจ้างงานของผู้ว่าจ้างในการหาแคนดิเดทที่จะมาแรงที่สุดในปี 2016

  • 5
  •  
  •  
  •  
  •  

career-trend-2016-1

Recruiting Trends in Thailand in 2016

ตลาดการหางานในปีที่ผ่านมายังถือได้ว่า สตร้อง  สตร้อง (นึกถึงเมนเทอร์ลูกเกดขณะเมนเทอร์นะครับ) ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีบริษัทต่างชาติมาลงทุนอยู่เยอะและยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ บริษัทไทยของเราเองก็เติบโตแบบสุดๆในหลายๆบริษัท และบริษัท Startup ในปัจจุบันที่เปิดโดยคนรุ่นใหม่ไฟแรงที่ประสบความสำเร็จนั้นก็มีมากขึ้นเรื่อยๆในช่วงสองถึงสามปีให้หลัง นั่นหมายความว่า ยังมี Job Opportunities สำหรับคุณอยู่มากมายในตลาด ให้คุณได้สมัคร และได้งานใหม่ในปี 2016 นี้ครับ

“ปีใหม่ งานใหม่” ยังคงเป็นวลีที่หลายๆคนยังนึกถึง ถ้าทำงานแล้วไม่เกิดความสุข ไม่รู้สึกว่าตัวเองมีความก้าวหน้าในการงานในปีที่ผ่านมา ไม่รู้สึกว่าบริษัทที่ทำงานอยู่ตอบโจทย์คุณได้ การหางานใหม่น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

จากการสำรวจหัวข้อเรื่อง Recruiting Trends 2016 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมไปถึงในประเทศไทย  โดยบริษัท LinkedIn เทรนด์ของการหางานในปี 2016 นี้ บริษัทต่างๆให้ความสำคัญมากในการเลือกแคนดิเดทที่มีคุณภาพคับแก้วจริงๆ คือต้องมีประสบการณ์ที่ใช่ บุคลิกดีเยี่ยม และมีความเชื่อว่าแคนดิเดทคนนี้ที่ถูกเลือกจะต้องเป็นคนที่ทำงานไปกับบริษัทได้นานๆ ไม่ใช่เข้ามาแป็ปเดียวแล้วลาออก

career-trend-2016-2

กราฟด้านบนนี้แสดงให้เห็นว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดในการคัดเลือกพนักงานเข้ามาทำงานคืออะไร

  1. ต้องเป็นคนที่เก่งกล้าสามารถ เป็น Talent ตัวฉกาจที่จะเข้ามาทำให้บริษัทของเขาดีขึ้น
  2. ต้องเป็นคนที่เพิ่มคุณภาพในการจ้างงาน เช่นเป็นคนที่ตรงกับสิ่งที่ทางบริษัทกำลังหาอยู่ และเป็นแคนดิเดทที่มีคุณภาพ ไม่ใช่มาสัมภาษณ์ แล้วไม่เอาอ่าวถูก Reject ง่ายๆ หรือพอได้รับ Job Offer แล้วกลับไม่เอา ทำให้ทางบริษัทเสียพลังงาน เสียเวลา
  3. คนๆนั้นจะต้องเป็นคนที่ทางบริษัทเชื่อว่า น่าจะต้องเป็นคนที่จะทำงานกับบริษัทผู้ว่าจ้างไปนานๆ

และวิธีที่บริษัททั้งหลายจะได้แคนดิเดทที่เพียบพร้อม และเจ๋งที่สุดในสามโลก ก็คือ แต่น แต้น…

career-trend-2016-3

ถ้าดูจากกราฟด้านบนจะสังเกตได้ว่า เส้นสีแดง (52%) คือ Employee Referral Program (โปรแกรม แนะนำจากพนักงานที่ทำงานอยู่ก่อนแล้ว) และเส้นสีเทา (41%) คือ Social Professional Networks (นั่นคือการใช้ LinkedIn นั่นเอง) ยังคงเพิ่มชึ้นอยู่ ในขณะที่การใช้ Job boards เส้นสีเหลือง (54%) ถึงจะมากกว่านึดหน่อยก็จริง แต่ก็เริ่มตกลงมาเรื่อยๆ บริษัทผู้ว่าจ้างเริ่มที่จะหันมาใช้สองวิธีนี้ Employee Referral Program และ LinkedIn กันมากขึ้น เพราะเห็นว่าได้ผลดีกว่าการใช้แค่ Job boards อย่างเดียวครับ

จากทั้งสามวิธี LinkedInRecruiting Trends Report ได้เน้นการถูกจ้างผ่าน Employee Referral มากที่สุดและแนะนำให้หางานด้วยวิธีนี้ในปี 2016 มีหลายๆคนถามผมว่า แล้วจะต้องทำยังไงดีล่ะครับ ถึงจะถูกคน Refer ให้ได้ถูกเรียกสัมภาษณ์และไปได้งาน จริงๆแล้วคุณสามารถถูก Refer ได้จาก 3 แหล่งอันทรงพลังนี้ครับ

  1. Your Family & Friends: ถ้าคุณมีพ่อแม่ พี่น้อง เพื่อนๆ พี่เพื่อน เพื่อนพี่ น้องสามี พี่สะใภ้ และเค้ามี Connections หรือทำงานในบริษัทที่คุณต้องการจะสมัคร คุณลองปรึกษาเค้าดู และให้เค้าลองส่ง Resume ของคุณไปให้ HR Persons หรือ Recruiters ดู คุณไม่ต้องไปส่งผ่าน Job Boards หรือแข่งกับชาวแคนดิเดทอีกหลายสิบหลายร้อยคน ที่กว่าจะรอให้ Recruiters มานั่งอ่าน Resume ทีละ File เท่ากับคุณมีทางลัดจากการถูก Refer จากพนักงานที่ทำอยู่ภายในซึ่งเป็นคนที่คุณรู้จักดี มีภาษีดีกว่าและน่าเชื่อถือมากกว่าครับ

career-trend-2016-4
ที่มา: http://ilvwp.com/10-caracteristicas-de-un-buen-perfil-de-linkedin/

  1. LinkedIn: บน LinkedIn ให้คุณเสิร์ชหาคนที่ทำงานอยู่ในองค์กรที่คุณกำลังสมัคร ซึ่งควรจะเป็นคนที่มีความเกี่ยวข้องกับตำแหน่งที่คุณอยากจะสมัครเช่น คุณอยากสมัครตำแหน่ง Sales Manager คุณก็อาจจะเสิร์ขหาคนที่เค้าทำอยู่ในตำแหน่งใกล้เคียงกัน เช่น Channel Sales Managers, Sales Executives, Sales Directors เป็นต้น คุณสามารถเขียนไปทักทายแบบนี้ก็ได้ครับ

Hi Khun Somchai,

How are you today? I came across your profile and found that your background looks very impressive. I would love to make a connection with you.

I’m writing to you because I saw that you are currently working for Microsoft. I actually consider applying for a jobhere and would love to kindly ask for your opinion about this company. Is it a good place to work? Would you mind if I want to ask you a few questions about Microsoft in the Sales Department?

I also understand that Microsoft has an employee referral program. Would you mind to link me to any recruiters or HR Managers that you know for me? Thanks so much.

Looking forward to hearing back from you. I really appreciate your help.

Best regards,

Mark

Note: โดยส่วนใหญ่เค้าจะติดต่อกลับมานะครับ จากสถิติที่ผมและแคนดิเดทของผมทำมา เพราะอะไร? เพราะจริงๆแล้วถ้าเค้าช่วยให้เราได้งานในบริษัทของเค้าเอง ทางบริษัทเค้าก็จะมี Bounty (เงินรางวัล) ให้กับผู้ Refer ซึ่งเป็นหลักตั้งแต่หลายพันไปจนถึงหลายหมื่นบาทเลยครับ ถ้าเค้าติดต่อมาแล้ว ก็ขอเค้านัดเข้าไปพบ เพื่อทำความรู้จักกันไว้ จำไว้นะครับ เราต้องสร้าง Relationship ไว้เพื่อสร้าง Network ที่จะช่วย Refer คุณ

แต่มีข้อห้ามว่า ห้ามเขียนแบบยัดเยียด แบบโต้งๆไม่มีที่มาที่ไป แบบหวังจะเอาๆ จะให้เค้าช่วยมากเกินงาม ถ้าเป็นแบบนั้นก็คงไมม่มีใครอยากจะช่วย ลองอ่านเรื่องแคนดิเดทแบบหมากับแมวที่ผมเขียนไว้ จะได้รู้วิธีเข้าหาคนที่เราติดต่อบน LinkedIn นะครับ

http://www.marketingoops.com/exclusive/professional-development/dog-vs-cat-approch/

และการที่คุณจะเขียนไปหาใครก็ตามบน LinkedIn ผมแนะนำให้ใช้วิธีนี้ครับ ลองกลับไปอ่านที่ผมเขียนไว้เกี่ยวกับการส่ง FreeMessage บน LinkedIn ตามลิ้งค์นี้ครับ

http://www.marketingoops.com/media-ads/social-media/linkedin-message/

3. Career Coach: อีกวิธีหนึ่งคือ ให้ Career Coach ช่วยในการ Refer ไปหา HR Manager หรือ Recruiter ให้ อย่างตัวผมเองที่เป็น Career Coach ผมจะมี List ของ HR Directors, HR Managers, Recruiters ที่ผมสะสมมานานหลายปี มีเป็นหลักเกินหนึ่งพันคนที่ผมสามารถติดต่อไปได้ ให้แคนดิเดทของผม ถือว่าเป็นอีกวิธีหนึ่งที่เป็นตัวช่วยได้อย่างดีครับ

Employee Referral นั้นถือว่าเป็นวิธีที่จะได้ถูกเรียกไปสัมภาษณ์ได้มากที่สุด และเกือบครึ่งหนึ่งของแคนดิเดทกลุ่มนี้ได้ Job Offer และได้งานไปในที่สุด อยากให้ ชาว MarketingOopsers ทุกคนเพิ่มวิธีการหางานผ่านวิธี Referral นี้ด้วยครับ สุดท้ายนี้ขอให้ทุกคนท่องเที่ยวในฤดูแห่งเทศกาลกันอย่างมีความสุขและเดินทางปลอดภัย และกลับมาแล้วก็อย่าลืมเตรียมตัวหางานดีๆ และขอให้ได้งานสมใจในปี 2016 ครับ

 


  • 5
  •  
  •  
  •  
  •  
Mark Laothavornwong
Mark Laothavornwong เป็น Career Coach ชั้นนำในประเทศไทย และเป็นผู้เขียนหนังสือ “8 มหาคำถามที่มนุษย์สมัครงานทุกคนต้องอ่าน” หาซื้อได้ที่ร้านหนังสือทั่วประเทศ