ดูเหมือนว่า Facebook จะไม่เป็นเพียงแค่เว็บไซต์ Social Networking ที่สมาชิกต่างแวะเวียนเข้าไปแชร์เรื่องราวส่วนตัวกับเพื่อน เพื่อนร่วมงานและครอบครัว เหมือนดังภาพของ Facebook ครั้งที่กำลังเติบโตอีกต่อไป Facebook ทุกวันนี้กำลังจะกลายเป็นสังคมออนไลน์ที่เต็มไปด้วยเนื้อหาดีๆ และน่าสนใจที่ถูกแชร์โดยสมาชิกที่กลั่นกลองความสด ความน่าสนใจ และความหาดูยาก มาแบ่งปันซึ่งกันและกัน ทั้งภาพ วิดีโอ บทความ และอีเว้นท์
หากเราหันมอง Facebook ในมุมของนักการตลาด แบรนด์สินค้า และผู้บริโภค เราจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีหลากหลายแบรนด์สินค้าที่ต่างเข้ามาทำการตลาดบน Facebook กันมากขึ้น ทั้ง Profile Page, Fan Page, Custom Tab, Group, Events และการซื้อแบนเนอร์โฆษณาทางด้านข้างที่มีจำนวนมากขึ้น หรือแม้แต่ตัวเว็บไซต์เองก็ยังต้องส่ง link ไปยัง Fan Page รวมถึง Print Ads, TV Ads หรือ Radio Ads เองก็ต้องมี URL ของ Fan Page โปรโมทอยู่เสมอ
ทั้งหมดนี้..เกิดขึ้นเนื่องจากแบรนด์จำต้องปรับตัวและเข้าถึงผู้บริโภคให้มากขึ้น และใกล้ชิดกับผู้บริโภคให้มากที่สุด วันนี้ Facebook จึงมี Fan Page มากมาย และทุก Page ก็ต่างทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้จำนวน Fans/Like ให้มากที่สุด
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้เกิดความสงสัยและอยากทราบเหมือนกันว่าจำนวน Fan ที่เพิ่มขึ้นนั้นกำลังส่งผลกระทบกับจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ของแบรนด์ที่เคยมีอยู่หรือเปล่า หรือ Facebook นั้นเป็นสื่อที่ช่วยให้เว็บไซต์มีจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์มากยิ่งขึ้น? คำตอบนี้คงต้องขึ้นอยู่กับแต่ละแบรนด์สินค้าว่ามีจุดประสงค์ในการมือ Facebook Fan Page ไว้เพื่อจุดประสงค์ใด เพื่อเข้าถึงผู้บริโภค และเพื่อหาทางพาผู้บริโภคกลับมายังเว็บไซต์เพื่อรู้จักกับสินค้าและบริการมากขึ้น หรือเพียงเพื่อต้องการมีตัวตนบน Facebook เพราะแบรนด์อื่นเขามีกัน
คำตอบที่ถูกน่าจะเป็นเหตุผลต้นๆ มากกว่า เนื่องจาก Facebook มีจำนวนสมาชิกที่เพิ่มมากขึ้นทุกวัน และสมาชิกเองก็ใช้เวลาบน Facebook เป็นประจำแทบทุกวันเช่นกัน ดังนั้นการที่แบรนด์สินค้าจะพาตัวเองไปที่ Facebook นั้นเป็นเรื่องที่น่าเห็นด้วย กับเหตุผลหลากหลายประการ
- >> Facebook เป็น Social Network ที่ใหญ่ที่สุด และมีจำนวนสมาชิกมากเป็นอันดับหนึ่ง
- >> Facebook เป็นเว็บไซต์อันดับสอง ที่คนไทยเข้ามากที่สุด
- >> สมาชิกผู้ใช้ Facebook นั้นมีถึง 50% ที่ active หรือใช้ Facebook อย่างต่อเนื่อง
- >> การตลาดบน Facebook นั้นไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณสูงเท่ากับการทำการตลาดผ่านแคมเปญไซต์ ในกรณีนี้อาจต้องใช้งบประมาณมาก หากต้องการเพิ่มจำนวน fans ให้มากกว่าคู่แข่ง หรือต้องการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายจำนวนมาก
- >> ผู้บริโภคสามารถจำ URL ของ Facebook Fan Page ได้ดีไม่แพ้ URL ของเว็บไซต์ (ทางแบรนด์จำเป็นต้องตั้งชื่อ URL ของ Fan Page ให้จดจำได้ง่ายด้วยเช่นกัน)
นอกจากนี้ ทางแบรนด์สินค้าเองก็ต้องกำหนดวัตถุประสงค์ของการมี Facebook Fan Page ให้อย่างชัดเจนเช่นเดียวกัน มิเช่นนั้น Fan Page ของคุณอาจกลายเป็นเว็บไซต์ของคุณแทน หรือที่อาจจะแย่กว่าเดิมก็คือกลายเป็น Customer Support ไปแบบไม่รู้ตัว
หากมีการวางแผน Facebook Fan Page อย่างดี จะสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างต่อเนื่องจากปัจจุบันถึงอนาคต และยังสามารถพากลุ่มเป้าหมายมายังเว็บไซต์ แคมเปญไซต์ รู้จักกับสินค้า เพิ่มยอดขายได้ในที่สุด และที่สำคัญคือ หากว่าเว็บไซตืของคุณไม่ใช่เว็บไซต์ประเภทสื่อ หรือเว็บไซต์ที่มีรายได้จากการขายโฆษณา ก็อย่าได้กลัวว่าจำนวน Fan/Like ที่มีนั้นจะมากกว่าจำนวนสมาชิกหรือจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์
AdAge ได้รวมรวม Fan Page ของแบรนด์สินค้าที่มี Like มากที่สุดมาเปรียบเทียบกันกับจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ของแบรนด์สินค้า เราลองมาดูกันว่าขณะที่จำนวน Fan เพิ่มขึ้นนั้น จำนวน Visitors บนเว็บไซต์เป็นอย่างไร
–
Coca-Cola
ปัจจุบันมีจำนวน Fans ถึง 10.7 ล้าน Fans มากกว่าจำนวนผู้ใช้ Foursquare เสียอีก แต่สำหรับ เว็บไซต์ Coca-Cola นั้นกลับที่มีจำนวน Visitors ลดลงถึง 40% เมื่อเทียบกับปีก่อน
Kraft Foods’ Oreo
อยู่ในอันดับที่ 3 ของ Brand Fan Page ที่มีจำนวน Like มากที่สุดบน Facebook กับจำนวน Fans 8.7 ล้าน Fans และเว็บไซต์ NbiscoWorld.com ของ Kraft Foods ก็ได้รับผลกระทบของจำนวน Visitors ที่ลดลงจาก 1.2 ล้าน Visits จากเดือนกรกฏาคม 2009 มาที่ 321,000 ในเดือนสิงหาคม 2010 ที่ผ่านมา
Pampers
Pampers เริ่มมี Fan page ตั้งแต่เดือนเมษายน ปี 2008 กับจำนวน Fan/Like ที่ 327,000 Likes ในขณะที่เว็บไซต์ Pampers.com กลับมีจำนวนคนเข้าเว็บไซต์ที่น้อยลงจาก 1.1 ล้าน เหลือที่ 560,000 visitors ลดลงเกือบ 50%
แม้ว่าผลกระทบจาก Facebook Fan Page ที่ทำให้จำนวน Visitors ของเว็บไซต์ลดน้อยลง ก็ไม่ใช่ว่าจะเกิดขึ้นกับทุกแบรนด์สินค้า อย่างเช่น Starbucks ที่มีจำนวน Fan/Lke มากกว่า 12 ล้าน Likes ก็ยังสามารถรักษาระดับจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ได้อย่างดี และยังสามารถใช้ Facebook ในการเพิ่มจำนวน Visitors ให้กับเว็บไซต์ได้อีกด้วย
[via AdAge, Marketing Oops!]