อมาโด้ เผยตลาดอาหารเสริมฟื้นรับเทรนด์รักสุขภาพ ครึ่งปีแรกรายได้โต100% พร้อมเปิดตัวพรีเซนเตอร์คนใหม่ “ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก”

  • 110
  •  
  •  
  •  
  •  

[ข่าวประชาสัมพันธ์]

อมาโด้ เผยทิศทางตลาดอาหารเสริมปี 2562 สดใส กระแสตอบรับจากผู้บริโภคฟื้นตัว หลังปีที่ผ่านมาภาครัฐเข้มงวดเอาผิดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ผิดกฎหมายและโฆษณาเกินจริง ส่งผลปีนี้ยอดขายอมาโด้ครึ่งปีแรกโต 100% พร้อมรับปัจจัยบวกจากเทรนด์คนรักสุขภาพที่เติบโตทั่วโลกถึง 10.6% ส่งผลตลาดคอลลาเจนเติบโต 10 – 30% มั่นใจปีนี้รายได้รวมแตะ 700 ล้านบาท ล่าสุดเปิดตัว “ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก” พรีเซนเตอร์คนใหม่ หวังเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ คนทั่วไป และเจาะกลุ่มคนรักสุขภาพ เผยกลยุทธ์การขายผ่าน 4 ช่องทาง ทั้ง ดีลเลอร์ ออนไลน์ คีออส และโมเดิร์นเทรด พร้อมเล็งขยายสู่ CLMV ล่าสุดเปิดตลาดที่กัมพูชานำร่อง ตั้งเป้าปี 2564 นำบริษัทเข้าเทรดในตลาดหุ้น

นายธนา ลิมปยารยะ (เชน) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่าในรอบครึ่งแรกปี 2562 ที่ผ่านมาทิศทางของตลาดอาหารเสริมเริ่มฟื้นตัวดีกว่าปีที่ผ่านมาค่อนข้างมาก โดยในปี 2562 เป็นปีที่ดีของอุตสาหกรรมเพราะปีที่ผ่านมารัฐบาลได้เข้มงวดในธุรกิจอาหารเสริม มีการตรวจสอบผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ทำผิดกฎหมาย ไม่ถูกต้อง ไม่ได้มาตรฐาน และโฆษณาเกินจริงอย่างเข้มงวด ทำให้ในปีนี้ผู้บริโภคมีความมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่วางจำหน่ายในท้องตลาดมีความปลอดภัย อีกทั้งปัจจุบันกระแสการใส่ใจสุขภาพได้รับความนิยมในกลุ่มคนรุ่นใหม่จนกลายเป็นเทรนด์ ซึ่งผลวิจัยจาก TCDC เมื่อปี 2561 ระบุว่า ธุรกิจที่ส่งเสริมให้คนมีสุขภาพดีเติบโตขึ้นทั่วโลกถึง 10.6% หรือคิดเป็น 122 ล้านล้านบาทต่อปี ทั้งนี้ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมสุขภาพเติบโตอย่างรวดเร็วในทุกปีและยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่วนตลาดคอลลาเจนเองมีการเติบโตต่อเนื่อง 10-30% ต่อปี และคาดว่าจะยังคงเติบโตต่อเนื่องไปอีก โดยเฉพาะในประเทศไทยที่มีแนวโน้มเป็นสังคมผู้สูงอายุในอนาคต

จากการรับรู้ของผู้บริโภคที่ดีและเทรนด์การใส่ใจสุขภาพ จึงทำให้ภาพรวมของอมาโด้ในครึ่งปีแรกถือว่าค่อนข้างดีขึ้นมากจากปีก่อน สามารถทำยอดขายรวมได้ 300 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 100% จากปีก่อน คาดว่าปัจจัยหลักๆ มาจากนโยบายของอมาโด้ที่ยึดถือมาตรฐาน และความปลอดภัยเป็นสำคัญมาโดยตลอด ทำให้ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ รวมถึงอมาโด้ยังคงพัฒนาสินค้าเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคให้สอดคล้องกับการดำรงชีวิตในปัจจุบันอยู่ตลอดเวลา จากทิศทางการตอบรับที่ดีของผู้บริโภคในปีนี้ จึงทำให้บริษัทฯ มั่นใจว่าจะสามารถทำยอดขายทั้งปีได้ตามเป้า 700 ล้านบาท

สำหรับกลยุทธ์ในครึ่งปีหลังของอมาโด้จะมุ่งเน้นที่ผลิตภัณฑ์คอลลาเจนเป็นหลัก มีการเปิดตัว “ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก” ในฐานะพรีเซนเตอร์คนใหม่ซึ่งจะสร้างการรับรู้ต่อกลุ่มลูกค้า และผู้คนทั่วไปมากขึ้น ให้รับรู้ว่า “คอลลาเจน ต้องอมาโด้ อีกทั้งยังขยายธุรกิจไปยังกลุ่มคนทำงาน กลุ่มคนรักสุขภาพ ซึ่งปัจจุบันเองผู้คนส่วนใหญ่ก็ให้ความสำคัญกับสุขภาพของตัวเอง ซึ่งการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ได้สารอาหารเพียงพอ แต่ในภาวะรูปแบบการใช้ชีวิตที่เร่งรีบในปัจจุบันอาจทำให้เราได้สารอาหารไม่ครบ หรือได้รับในปริมาณที่ไม่เพียงพอ อาหารเสริมจึงเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ผู้คนส่วนใหญ่นึกถึง ซึ่ง Colligi Collagen ของอมาโด้สามารถตอบโจทย์ความต้องการทั้งกลุ่มผู้ที่ต้องการดูแลด้านความงามและสุขภาพเพราะมีความโดดเด่นที่เป็นคอลลาเจนจากปลาทะเลน้ำลึก นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ช่วยฟื้นฟูผิวพรรณ สร้างความยืดหยุ่น ลดริ้วรอย และช่วยในด้านสุขภาพ โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาด้านกระดูก และข้อเข่า โดยจากการศึกษาของ University of Tuebingen ประเทศเยอรมนี พบว่า หากรับประทานคอลลาเจนในปริมาณ 5 กรัม ต่อวัน ติดต่อกันเวลา 3 เดือน จะช่วยลดการอักเสบและอาการเจ็บปวดจากการเคลื่อนไหวในเซลล์กระดูกอ่อนของข้อต่าง ๆ ได้

ส่วนกลยุทธ์ในการขายนั้นปัจจุบันมีช่องทางการขาย 4 ช่องทาง ประกอบด้วย 1.ดีลเลอร์ 2.ออนไลน์ 3.คีออส (หน้าร้าน) และ 4.โมเดิร์นเทรด โดยสัดส่วนของตัวดีลเลอร์จะสูงสุดอยู่ที่ 70% แต่ทางอมาโด้อยู่ระหว่างการวางแผนเพื่อปรับสัดส่วนในช่องทางอื่นเพิ่มมากขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะในส่วนของช่องทางออนไลน์ และคีออส วางแผนให้เติบโตมีสัดส่วนรวมกันไม่ต่ำกว่า 40% ของยอดขายรวม นอกจากนี้ยังมีแผนขยายธุรกิจไปที่กลุ่ม CLMV แม้ว่ากลุ่มนี้ยังคงมีกำลังซื้อค่อนข้างต่ำกว่าเมื่อเทียบกับประเทศไทย แต่มีทิศทางการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องจึงถือเป็นอีกหนึ่งโอกาสที่ท้าทาย โดยปัจจุบันได้เริ่มขยายไปที่ประเทศกัมพูชาเป็นการนำร่อง เพราะพื้นฐานคนกัมพูชาชื่นชอบสินค้าของประเทศไทย รวมถึงเริ่มหันมาสนใจในด้านสุขภาพและความงามขึ้นด้วย โดยช่องทางการจำหน่ายมุ่งเน้นไปที่โมเดิร์นเทรด เพราะผู้บริโภคจะมีความมั่นใจในการซื้อมากกว่าเนื่องจากสินค้าที่จะวางจำหน่ายที่โมเดิร์นเทรดต้องได้รับคุณภาพ และมีมาตรฐาน นอกจากนี้ทางอมาโด้เองก็มีบริการหลังการขายในการให้คำปรึกษาแนะนำ ซึ่งจุดนี้เองทำให้เราแตกต่างจากคนอื่น

“บริษัท มีทีมวิจัยเป็นของตนเองในการพัฒนาสูตร และผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพ และความปลอดภัยของผู้บริโภคเป็นหลัก ซึ่งทางอมาโด้ก็ได้คิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง และคาดว่าในปีนี้จะเปิดตัวสินค้าใหม่อีกประมาณ 2-3 ผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นสินค้าที่แตกไลน์มาจากสินค้าเดิมในส่วนของการดูแลสุขภาพ จากการทุ่มเทและใส่ใจในผลิตภัณฑ์ทุกตัวทำให้อมาโด้ได้รับการตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่อง ทางอมาโด้เองจึงได้ตั้งเป้าหมายระยะยาวคือเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายในปี 2564 เพื่อตอกย้ำถึงความปลอดภัย ซึ่งจุดนี้เองทำให้เราแตกต่างจากคนอื่น” นายธนา กล่าว

[ข่าวประชาสัมพันธ์]


  • 110
  •  
  •  
  •  
  •