ช่วงที่ผ่านมาจีนกำลังดำเนินการปราบปรามการผูกขาดของกลุ่มทุนขนาดใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่ม Big Tech ที่รัฐบาลจีนมองว่าเป็นกลุ่มทุนที่มีขนาดใหญ่มีอำนาจต่อรองสูง และกดขี่ผู้ค้ารายย่อยธุรกิจ SME ที่สำคัญเป็นการยึดครองตลาดอย่างมีนัยสำคัญ รัฐบาลจึงเข้าแทรกแซงเพื่อลดความเหลื่อมล้ำและลดการผูกขาดของกลุ่มทุนธุรกิจรายใหญ่ ซึ่งจีนดำเนินการอย่างจริงจังจนเห็นผลเมื่อนานนี้ และจะยังคงดำเนินต่อเนื่องต่อไป
โดย สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีของจีน กล่าวชัดเจนว่า จีนเตรียมจะจัดตั้งตลาดหลักทรัพย์แห่งใหม่ในกรุงปักกิ่ง ซึ่งตลาดหลักทระพย์แห่งใหม่นี้จะเน้นไปที่กลุ่มธุรกิจวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือ SME โดยเฉพาะกลุ่ม SME ที่เน้นด้านนวัตกรรม ถือเป็นตลาดหลักทรัพย์แห่งที่ 3 ของจีน นับจากที่เซี่ยงไฮ้และเสิ่นเจิ้น (ไม่นับรวมฮั่งเส็งของฮ่องกง) ซึ่งการเปิดตลาดหุ้นใหม่นี้ถือเป็นความพยายามครั้งล่าสุดของจีนในการพัฒนาตลาดทุนและรองรับมาตรการพัฒนาเศรษฐกิจระยะยาว
เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจของจีน โดยเน้นไปที่การปราบปรามในด้านการกู้ยืมเงินของกลุ่มธุรกิจ Fintech และต่อต้านการผูกขาดของธุรกิจขนาดใหญ่ Big Tech ที่ขยายไปสู่ธุรกิจต่างๆ ทั้งด้านการศึกษา เกม การเรียกรถโดยสาร และการจัดส่งอาหาร ซึ่งเป้าหมายของนโยบายดังกล่าวคือการกระจายรายได้ไปสู่ธุรกิจขนาดเล็กเพื่อให้สามารถเติบโตได้อย่างมั่งคั่ง ดูเหมือนว่าการแทรกแซงตลาดของรัฐบาลจีนในครั้งนี้จะได้รับการสนับสนุนอย่างมากโดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจ SME
การจัดตั้งตลาดหลักทรัพย์แห่งใหม่นี้ ยังเกิดขึ้นท่ามกลางการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนของรัฐบาลจีน เกี่ยวกับบริษัทจีนที่ต้องการจดทะเบียนในต่างประเทศ เพื่อลดข้อกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน โดยรัฐบาลจีนยังเตรียมแผนในการเสนอกฎหมายใหม่เพืาอป้องกันบริษัทจีนหนีไปจดทะเบียนในต่างประเทศ โดยการห้ามบริษัทที่มีข้อมูลผู้บริโภคในจีนจำนวนมากเผยแพร่สู่สาธารณะในสหรัฐอเมริกา ซึ่งต้องจับตาต่อไปว่า หากกฎหมายนี้ประกาศใช้จะเกิดอะไรขึ้นกับบริษัทสัญชาตอจีนที่อยู่ในสหรัฐฯ และจะมีมาตรการตอบโต้ทางเศรษฐกิจจากสหรัฐฯ อย่างไรต่อไป
Source: Tech in Asia , Reuters , Wall Street Journal
