ลดค่าธรรมเนียม ซื้อขายได้โดยตรง โอกาสของนักลงทุนไทยในตลาดกองทุนรวมต่างประเทศกับแอป FinVest

  • 2.9K
  •  
  •  
  •  
  •  

 

ในโลกของการลงทุนปัจจุบันไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ด้วยเทคโนโลยีทำให้ใครก็สามารถเข้ามาลงทุนได้ หากมีการบริหารจัดการด้านการเงินที่ดี ขณะที่การวิเคราะห์สถานการณ์ความเสี่ยงในการลงทุนก็มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยี AI ที่ช่วยประมวลผล วิเคราะห์และคาดการณ์การลงทุน รวมถึงผู้เชี่ยวชาญที่ช่วยทำให้การตัดสินใจลงทุนของนักลงทุนยุคใหม่ง่ายมากขึ้น

แต่ความยากของการลงทุนในปัจจุบัน ไม่ใช่เรื่องการเข้าถึงตลาดลงทุนหรือการวิเคราะห์ตลาด แต่เกิดจากสภาวะตลาดในประเทศไทยที่ยังคงไม่สามารถเติบโตต่อเนื่องได้ เนื่องจากสถานการณ์โรคระบาดที่ต่อเนื่องและยาวนาน ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยชะลอตัวกระทบไปถึงตลาดการลงทุน นักลงทุนหลายรายจึงเริ่มมองไปถึงตลาดการลงทุนในต่างประเทศ ส่งผลให้มูลค่ารวมของตลาดกองทุนรวมต่างประเทศทะลุ 1 ล้านล้านบาทไปเมื่อเดือนเมษายน 2564 ที่ผ่านมา

กระแสความสนใจในตลาดการลงทุนในต่างประเทศดังกล่าวจึงเป็นที่มาของการจัดงานสัมมนาออนไลน์ ในหัวข้อ “ติดปีกการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ” โดยตลาดหลักหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ FinVest แอปพลิเคชันเพื่อการลงทุนที่เพิ่งเปิดตัวฟีเจอร์ซื้อขายกองทุนรวมต่างประเทศได้เองโดยตรงได้สำเร็จเป็นแอปแรกของไทย โดยได้เชิญวิทยากรที่คร่ำหวอดในวงการลงทุนมาร่วมอัปเดตทิศทางความเคลื่อนไหวของตลาดการเงินโลกล่าสุด รวมทั้งกองทุนรวมตามเมกะเทรนด์ที่น่าสนใจ และโอกาสทำกำไรได้มากกว่าเดิมสำหรับนักลงทุนไทย

 

 

ที่ผ่านมา แม้นักลงทุนจะสนใจลงทุนในตลาดลงทุนระดับโลกจากอัตราการเติบโตที่น่าดึงดูด โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ดัชนีหุ้น NASDAQ ได้เติบโตขึ้นกว่า 5 เท่า แต่ก็ใช่ว่าใครๆ จะสามารถกำเงินไปลงทุนในตลาดต่างประเทศได้ เนื่องจากมีข้อจำกัดหลายอย่างที่นักลงทุนต้องทราบ ทั้งเรื่องระยะเวลาในการดำเนินการตามคำสั่งซื้อขายการลงทุน ขั้นตอนการซื้อขาย เงินลงทุนขั้นต่ำ ค่าธรรมเนียมในการซื้อขายหน่วยลงทุนที่ซ้ำซ้อนสำหรับการลงทุนต่างประเทศหากลงทุนผ่าน Feeder Fund เป็นต้น เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยที่ปิดกั้นไม่ให้นักลงทุนไทยสามารถก้าวข้ามผ่านไปเพื่อแสวงหาการลงทุนที่มีประสิทธิภาพในช่วงระยะเวลาที่ตลาดลงทุนในประเทศไทยยังน่ากังวลกับสถานการณ์โรคระบาด

แต่ปัญหาเหล่านั้นแก้ง่ายๆ ด้วย FinVest แอปฯ สำหรับการลงทุนที่พัฒนาขึ้นจาก ความร่วมมือของ ธนาคารกสิกรไทย ลู อินเตอร์เนชันแนล และ กลุ่มโรโบเวลธ์ ช่วยให้นักลงทุนไทยสามารถ ซื้อขายกองทุนรวมต่างประเทศได้ด้วยตัวเองโดยตรง เปิดโอกาสให้นักลงทุนไทยได้เข้าถึงกองทุนรวมทั่วโลก กว่า 1,000 กองทุนจาก 33 บลจ.ชั้นนำ ช่วยลดปัญหาเรื่องค่าธรรมเนียมซ้ำซ้อน สำหรับการลงทุนในตลาดกองทุนรวมต่างประเทศ จากเดิมที่นักลงทุนจะมีต้นทุนทั้งค่าธรรมเนียมกองทุนรวม Feeder Fund ในประเทศและค่าธรรมเนียมกองทุนแม่ และทำให้นักลงทุนมีตัวเลือกการลงทุนมากกว่า และเข้าถึงตัวเลือกกองทุนรวมต่างประเทศที่ตนเองสนใจได้อย่างเฉพาะเจาะจง หากเทียบกับการลงทุนผ่านกองทุนรวม Feeder Fund ที่อาจลงทุนเฉพาะบางกองทุนรวมในต่างประเทศตามมุมมองของ บลจ. และผู้บริหารกองทุนนั้น ๆ

การลงทุนในกองทุนรวม ต่างประเทศที่สามารถเลือกได้เอง (Open Architecture) เป็นรูปแบบแพลตฟอร์มของ FinVest ที่ช่วยให้นักลงทุนเข้าถึงการลงทุนบางหมวดธุรกิจที่ไม่มีในตลาดหุ้นไทย สร้างความท้าทายสำหรับการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่มีโอกาสมากกว่าและหลากหลาย ช่วยกระจายความเสี่ยงได้มากกว่า และนักลงทุนยังสามารถบริหารการลงทุนและความเสี่ยงให้ทันสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ FinVest จะมีบทความชี้เป้ากองทุนเด่นอัปเดตประจำทุกสัปดาห์เพื่อแนะนำกองทุนที่น่าสนใจให้นักลงทุนไม่พลาดโอกาสและจังหวะการเข้าซื้อ

นอกจากนี้นักลงทุนยังไม่ต้องกังวลเรื่องสกุลเงินตราที่จะใช้ในตลาดต่างประเทศ เพราะ FinVest มีฟังก์ชันรองรับให้นักลงทุนสามารถลงทุนผ่านเงินบาทของไทยได้ โดยธนาคารกสิกรไทยจะเป็นผู้ดำเนินการแลกเปลี่ยนเงินตราตามสกุลเงินประเทศที่นักลงทุนไปลงทุนอัตโนมัติ โดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนแบบ Real-time และ FinVest ยังให้นักลงทุนสามารถลงทุนกองทุนรวมต่างประเทศโดยตรงได้ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 30,000 บาทเท่านั้น น้อยกว่าแพลตฟอร์มอื่นในประเทศไทย เช่น ผ่าน  Private Wealth ด้วยรูปแบบการใช้งานที่ง่ายไม่ซับซ้อน แค่นักลงทุนต้องตัดสินใจให้ดีก่อนการลงทุน

 

 

เมื่อพูดถึงการตัดสินใจลงทุนแล้ว FinVest ยังมีผู้เชี่ยวชาญด้าน Wealth Tech ที่ช่วยผู้ดูแลการให้บริการของ FinVest รวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนที่จะคอยให้คำปรึกษาการลงทุนในตลาดต่างประเทศ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน โดยปัจจุบันมีผู้ใช้งาน FinVest ประมาณ 130,000 คน โดยมีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 26 – 30 ปี และส่วนใหญ่เป็นพนักงานบริษัทที่สนใจการลงทุน โดยกว่า 80% จะเน้นลงทุนในกองทุนรวมตราสารทุนต่างประเทศ

และเพื่อสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนไปอีกขั้น FinVest จึงมีการคัดเลือกกองทุนรวมในตลาดต่างประเทศที่น่าสนใจผ่านการคัดเลือกโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน โดยช่วงเปิดตัว FinVest นักลงทุนสามารถลงทุนแบบฟรีค่าธรรมเนียมจากการขายหน่วยลงทุน (Front-end-fee) แบบไม่มีเพดาน สำหรับ 5 กองทุนแนะนำตั้งแต่วันนี้-15 พฤศจิกายน 2564

 

Calendar App Concept March 2020 Page with To Do List and Tasks UI UX Design Mockup Vector on Frameless Smartphone Screen Isolated on White Background. Planner Application Template for Mobile Phone

 

โดย 5 กองทุนรวมต่างประเทศที่ FinVest แนะนำประกอบด้วย กองทุน RobecoSAM Smart Mobility จาก Robeco เน้นลงทุนในบริษัทชั้นนำทางด้านเทคโนโลยี ยานยนต์ไฟฟ้าและยานยนต์ไร้คนขับ กองทุน Global Energy Transition จาก Schroder ISF เน้นลงทุนในบริษัทชั้นนำด้านธุรกิจและเทคโนโลยีพลังงานสะอาดระดับโลก กองทุน Blockchain Innovation จาก BNY Mellon เน้นลงทุนในบริษัทผู้พัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชนในหลากหลายอุตสาหกรรม

 

 

กองทุน Healthcare Innovation จาก Schroder ISF เน้นลงทุนในบริษัทชั้นนำด้านอุตสาหกรรมเฮลธ์แคร์ รวมทั้ง Johnson & Johnson, AstraZeneca, Pfizer และ กองทุน Worldwide Long Term Global Growth Fund จาก Baillie Gifford เน้นลงทุนในบริษัทที่มีโอกาสเติบโตโดดเด่นจากทั่วโลก และมีความสามารถในการแข่งขันสูง

ทั้งหมดนี้คือรูปแบบการลงทุนในตลาดกองทุนรวมต่างประเทศที่เรียกว่าเป็นโอกาสใหม่ของนักลงทุนที่ง่าย สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยภายใต้การกำกับและดูแลโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และยังสร้างมูลค่าเพิ่มให้การลงทุนยุคที่ตลาดลงทุนในไทยยังซบเซาและเป็นกังวลจากสถานการณ์โรคระบาดที่เป็นอยู่

นักลงทุนสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน FinVest ได้ที่ https://finvest.onelink.me/CoWV/cd3af18f

และสามารถดูงานสัมมนาออนไลน์ “ติดปีกการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ” ย้อนหลัง พร้อมติดตามเทรนด์การลงทุนทั่วโลกได้ที่เฟซบุ๊ก FinVest และเว็บไซต์ https://bit.ly/3nQ1G1u


  • 2.9K
  •  
  •  
  •  
  •