ในช่วงรอบปีที่ผ่านมาศูนย์การค้าไทยหลายแห่งประกาศเปิดตัวกันอย่างคึกคัก ไม่ว่าจะแถบย่านรังสิต ใจกลางเมืองบนถนนสุขุมวิท บนเส้นรัชดา และล่าสุดกับ ICONSIAM ที่เพิ่งจัดแถลงข่าวไปเมื่อ 22 มี.ค.59 พิจารณาดูแล้วจะเรียกว่าเป็นปีของห้างไทยก็ว่าได้ แม้สถานการณ์เศรษฐกิจจะยังผันผวนอยู่ก็ตาม
โครงการ ICONSIAM คือ ศูนย์การค้าที่เกิดจากการร่วมทุนกันระหว่าง 3 พันธมิตร ได้แก่ “สยามพิวรรธน์” เจ้าของและผู้บริหารโครงการค้าปลีกและอสังหาฯ อย่าง สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ จับมือกับ “แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเมนต์ (MQDC)” บริษัทพัฒนาอสังหาฯ และ เครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) เห็นชื่อผู้ร่วมทุนทั้งสามแล้วก็พอจะเดาได้ว่าโปรเจคนี้ไม่ธรรมดา ดีลนี้เริ่มมาตั้งแต่ปี 2555 ซึ่งล่าสุดมูลค่าการลงทุนเคาะออกมาที่ 50,000 ล้านบาท สำหรับ ICONSIAM ศูนย์การค้าที่จะตั้งอยู่บนพื้นที่ 750,000 ตารางเมตรริมเจ้าพระยาและล่าสุดกว่านั้นคือ เพิ่งมีการทุ่มอีก 4,000 ล้านบาท เช่าที่ดินและลงทุนกับ เฟส 2 เพิ่มอีก 5 ไร่ เป็นที่ดินฝั่งตรงข้ามที่ตั้งอยู่บนถนนเจริญนคร
ทำเลทอง
ทำเลดีมีชัยไปกว่าครึ่ง ทำเลที่ตั้งของ ICONSIAM อยู่บริเวณโค้งริมแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นจุดที่รายล้อมไปด้วยเส้นทางสัญจรทั้งทางบกทางน้ำ รอบๆทั้งสองฝั่งยังเต็มไปด้วยโรงแรมห้าดาว บวกกับตลอด 10 กิโลเมตรของริมฝั่งเจ้าพระยายังเป็นที่ตั้งของโบราณสถานวัดวาอารามที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวกว่า 20 แห่ง โรงแรมระดับ 3-5 ดาวอีกมากกว่า 50 แห่ง โครงการที่พักอาศัยหรูหราริมน้ำและฝั่งธนบุรีที่มีอยู่แล้วในปัจจุบันกว่า 200 โครงการ รวมถึงโครงการใหม่ๆที่กำลังจะขึ้นอีกมากมายบนสองฝั่งแม่น้ำทั้งของภาครัฐและเอกชน ซึ่งการมาของ ICONSIAM ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าที่ดินริมเจ้าพระยามาแรงมาก
ประกาศตัวเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่สำคัญของโลก
ICONSIAM ค่อนข้างชูปณิธานของตัวเองในเรื่องการนำเสนออัตลักษณ์ของไทยให้ครบในทุกมิติ อัตลักษณ์ในที่นี้หมายถึง ความเป็นไทยในแบบภูมิปัญญาไทย เส้นลายสถาปัตยกรรม ประวัติศาสตร์ ประเพณี วัฒนธรรม ที่ผสมผสานกันจนกลายมาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของไทย โดยมุ่งนำเสนอออกมาในรูปแบบ ไทยล้ำยุค และไทยสร้างสรรค์ เพื่อให้ ICONSIAM เป็นสัญลักษณ์ใหม่ของประเทศไทย เป็นแลนด์มาร์คที่เป็นจุดหมายไปทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลกตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
หากคิดได้กล้าหาญขนาดนี้ ICONSIAM แค่ใหญ่คงจะยังไม่พอแต่มันต้อง Phenomenon ดีงามและอลังการเหนือจินตนาการ ทุกสิ่งอำนวยความสะดวก ทุก infrastructure ต้องถึงพร้อม และโลกต้องว้าวกับการมาของ ICONSIAM …ทีนี้เราจะมาไล่ดูกันว่า ICONSIAM จะมีอะไรมาอวดชาวไทยและชาวโลกบ้าง
ICONSIAM Press Conference March22,2016
httpv://youtu.be/FFvr_FlOIA8
4 อาคาร บนพื้นที่ 525,000 ตารางเมตร
ไอคอนสยาม (Main retail & Entertainment)
เซคชั่นหลักที่จะเป็นศูนย์รวมของ ร้านค้า ร้านอาหาร พื้นที่จัดแสดง พื้นที่ความบันเทิง และเป็นศูนย์การค้าที่เป็น Iconic Flagship Store ขนาดใหญ่ที่สุดและไม่เคยปรากฏในไทยมาก่อน
ไอคอนลักซ์ (Luxury Wing)
เป็นส่วนติดกันกับ ไอคอนสยาม จะมีที่จอดรถและสิ่งอำนวยความสะดวกแยกจากกัน แต่เชื่อมต่อการไหลเวียนของลูกค้ากันได้อย่างทั่วถึง เป็นเซคชั่นของหรูที่รวบรวม World Class Brands ระดับโลกทุกประเภทตั้งแต่สินค้าแฟชั่น เครื่องประดับ อัญมณี และนาฬิกา โดยที่แต่ละแบรนด์จะนำเสนอร้านในรูปแบบ Global Iconic Store
แมกโนเลียส์ วอเตอร์ฟร้อนท์ เรสซิเดนซ์ (Magnolias Waterfront Residences at ICONSIAM)
คอนโดมิเนียมหรู 70 ชั้น จำนวน 379 ยูนิต แม้จะทำลายสถิติว่าเป็นโครงการที่พักอาศัยริมเจ้าพระยาที่แพงที่สุด แต่ก็สามารถปิดการขายได้ทั้งโครงการภายใน 2 เดือน ซึ่งราคาต่อยูนิตเทียบเทียมกับคอนโดบนทำเลทอง แถบเส้นรถไฟฟ้า ย่านสุขุมวิท พหลโยธิน และราชดำริ
เดอะ เรสซิเดนท์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล (The Residences at Mandarin Oriental Bangkok)
โครงการที่พักอาศัยระดับ super luxury ที่เกิดจากการร่วมมือกันระหว่าง ไอคอนสยาม กับ ‘แมนดาริน โอเรียนเต็ล โฮเต็ล กรุ๊ป’ โดยตั้งมาตรฐานเป็นโครงการที่พักอาศัยที่ดีที่สุด เทียบเท่าที่พักอาศัยหรูใน นิวยอร์ค ลอนดอน โตเกียว หรือเซี่ยงไฮ้ มีจำนวน 146 ยูนิต บนความสูง 52 ชั้น เปิดให้จองไปเมื่อปลายปี 2558 และเป็นโครงการที่พักอาศัยที่เปิดราคาได้แพงที่สุดในประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติจับจองเป็นเจ้าของแล้วกว่า 40%
มิติใหม่ของสถาปัตยกรรมในไทย
การออกแบบอาคารแบบ ICONS within ICON คือการสร้างอาคารเล็กหลายๆอาคารให้อยู่ภายในอาคารใหญ่ ด้วยกระจกพิเศษจับจีบซ้อนกันไปมา ส่วนรูปทรงอาคารนั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากกระทงและบายศรีโดยแปลงเป็นรูปแบบ Abstract ร่วมสมัย โดยแต่ละอาคารเล็กจะล้อมกระจก Façade แบบ 360 องศา
River Park ชูทรรศนียภาพริมน้ำ
พื้นที่ 10,000 ตารางเมตรสำหรับกิจกรรมริมฝั่งแม่น้ำ รองรับการจัดงานใหญ่ๆระดับชาติ พร้อมด้วย”Multi-Media Water-and-Fire Feature” เป็นมัลติมีเดียที่ใช้แสดง แสง สี เสียง บนน้ำ
ไทยสร้างสรรค์
ใช้พื้นที่กว่า 8,000 ตารางเมตร สำหรับแบรนด์ไทยในทุกประเภท ตั้งแต่แฟชั่น ศิลปหัตถกรรมต่างๆ ตลอดจนของดีของฝาก 77 จังหวัด พร้อมทั้งตลาดน้ำในร่ม ตามเจตนารมณ์ที่ต้องการให้ ICONSIAM นำเสนอความเป็นไทยสู่สายตาชาวโลก
พิพิธภัณฑ์ ICONSIAM Heritage Museum
พิพิธภัณฑ์ระดับโลกบนพื้นที่ 8,000 ตารางเมตร ซึ่งไอคอนสยามได้ทำงานร่วมกับ กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการคลัง และกรมธนารักษ์ รวบรวมมรดกทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของไทยไว้จัดแสดงให้นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ พร้อมทั้งมีนิทรรศการเคลื่อนที่ (Touring Exhibitions) ที่เป็น masterpieces จากทั่วโลกมาแสดงผลัดเปลี่ยนกันไป ร่วมถึงงานศิลปะร่วมสมัยของศิลปินไทยด้วย
ความบันเทิงครบวงจร
ศูนย์การประชุมขนาด 3,000 ที่นั่ง รองรับการจัดแสดงและการประชุมระดับชาติ , พื้นที่ 10,000 ตารางเมตรสำหรับโรงภาพยนตร์ โดยจะวางผังที่นั่งใหม่เพื่อให้ผู้ชมได้รับประสบการณ์แปลกใหม่ที่ไม่เคยได้สัมผัส, พื้นที่ 4,000 ตารางเมตร ที่รวบรวมความสนุกสนานและการหย่อนใจสำหรับเด็กและครอบครัว
มากกว่า 500 ร้านค้า
ไอคอนสยามจะรวบรวมกว่า 500 ร้านค้าประเภทต่างๆ จากทุกมุมโลกมาไว้ที่นี่ ซึ่งกว่า 20% ไม่เคยเปิดให้บริการในไทย รวมถึง Sport Complex ขนาดใหญ่บน Roof Top Garden ซึ่งมีสระว่ายน้ำขนาดโอลิมปิกกลางแจ้งไว้ให้บริการ
ผนึกกำลังห้างญี่ปุ่นเปิด ดีพาร์ทเมนท์สโตร์
Takashimaya ห้างสรรพสินค้าระดับตำนานของญี่ปุ่น จะเปิดสาขาแรกในไทยที่ไอคอนสยามบนพื้นที่ 35,000 ตารางเมตร จำหน่ายสินค้ามากมายจากญี่ปุ่นซึ่งไม่มีจำหน่ายในไทย
ศูนย์รวมอาหารเลิศรส
ไอคอนสยามจะรวบรวม 100 ภัตตาคารชื่อดังของเมืองต่างๆจากทั่วโลก และ ภัตตาคารหรูระดับ 3 Michelin Stars มาไว้ที่นี่ รวมทั้งอาหารอร่อยจากทั่วทุกภาคในไทย โดยจะมีบรรยากาศของร้านอาหารที่หลากหลายต่างกันออกไปทั้ง terrace ริมน้ำ พื้นที่สวนในอาคาร หรือบน Rooftop
จากที่กล่าวมาทั้งหมด ไอคอนสยามดูจะไม่ใช่แค่เพียงศูนย์การค้าหรูหราของกรุงเทพฯ แต่เป็น New Global Destination แห่งใหม่ของโลก ที่มีการเดินทางเชื่อมต่อที่สะดวกสบาย ในพื้นที่โครงการยังสร้างท่าเทียบเรือ 4 ท่า เพื่อรองรับการสัญจรทางน้ำด้วย เรือยอร์ชส่วนตัว เรือสำราญนักท่องเที่ยว และเรือข้ามฟาก 73 ท่าเรือโดยรอบ ซึ่งไม่ได้ตอบโจทย์แค่สำหรับนักท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังเอื้ออำนวยไปถึงนักลงทุนต่างชาติ และการจ้างงานที่จะเกิดขึ้นอย่างมหาศาล นับเป็นการกล้าลงทุนที่สร้างปรากฏการณ์ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ไปสู่การพัฒนาเมืองเพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ และจากกรณีที่โครงการคอนโดปิดการขายได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงโครงการที่พักอาศัยที่คนแย่งกันจอง เป็นบทพิสูจน์ได้ว่าการลงทุน ถ้ากล้าทำให้ใหญ่และทำให้เต็มที่ มีตลาดรองรับในไทยอย่างแน่นอน
ค่อนข้างชัดเจนว่าไอคอนสยามเป็นโครงการระดับเวิลด์คลาส ที่หากทำสำเร็จแล้วจะสามารถดึงนักลงทุน และนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้เข้ามา ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้ และที่เราหวังอย่างยิ่งคือ กรุงเทพฯจะกลายเป็นที่ตั้งของ Headquarter จากบริษัทชั้นนำต่างๆในโลก เป็นมหานครที่ผู้ประกอบการจากต่างประเทศปรารถนาจะมาลงทุน และคนทั่วโลกอยากเดินทางมาท่องเที่ยว hub การลงทุนในภูมิภาคอาเซียนในไทยต้องเป็นไปได้ อาจจะฟังดูยูโธเปียไปหน่อย แต่เราเชื่อมั่นในศักยภาพของนักลงทุนไทย โดยเฉพาะจาก 3 ทัพใหญ่อย่าง สยามพิวรรธน์, MQDC และ CP
