ยิ่งธุรกิจอีคอมเมิร์ซในไทยบูมมากขึ้นเท่าไร ย่อมส่งผลโดยตรงต่อการเติบโตของ “Logistic” ที่แข่งขันเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะจากผู้ให้บริการของเอกชน อย่างไรก็ตามในธุรกิจนี้ ผู้นำตลาดยังคงเป็น “ไปรษณีย์ไทย” ที่มีส่วนแบ่งตลาดทั่วประเทศ 70% และมีจุดแข็งอยู่ที่ “เครือข่ายที่ทำการไปรษณีย์ไทย” กว่า 5,000 แห่งทั่วประเทศ และ “บุรุษไปรษณีย์” มากกว่า 20,000 คน ทำหน้าที่นำจ่ายพัสดุเข้าถึงทุกครัวเรือนไทย ไม่ว่าจะอยู่พื้นที่ไหนในประเทศ
อย่างไรก็ตามไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ผลจากการบุกหนักของผู้ให้บริการขนส่งพัสดุด่วนภาคเอกชน สร้างแรงเขย่าต่อบัลลังค์ “ไปรษณีย์ไทย” ไม่น้อย !! จากในอดีตที่ยังมีผู้ให้บริการไม่มากนัก “ไปรษณีย์ไทย” จะเป็นคำตอบของการส่งพัสดุเสมอ แต่ปัจจุบัน คนไทย ทั้งผู้บริโภคทั่วไป และผู้ประกอบการในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ มี “ทางเลือก” มากขึ้นในการใช้บริการขนส่งพัสดุด่วน ในขณะที่ช่วงที่ผ่านมา “ไปรษณีย์ไทย” เผชิญกับกระแสสังคมที่พูดถึงสิ่งของพังจากการจัดส่ง ซึ่งมีผลกระทบต่อ “ความเชื่อมั่น” ของลูกค้าที่มีต่อไปรษณีย์ไทย
และแล้วในที่สุดพี่ใหญ่ธุรกิจ Logistic ในประเทศไทย ได้เปิดตัว “รถจักรยานยนต์นำจ่ายโฉมใหม่” ติดตั้งกล่องไฟเบอร์กลาสนำร่องในกรุงเทพฯ และจังหวัดใหญ่ทั่วประเทศในเดือนกรกฎาคม 2561 นี้ พร้อมมีแผนขยายการติดตั้ง เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ดังนี้
ปี 2560 จัดทำกล่องไฟเบอร์กลาส จำนวน 100 ใบ
กลางปี 2561 จัดทำกล่องนำจ่ายไฟเบอร์กลาส เพิ่มจำนวน 500 ใบ
ปี 2562 จัดทำกล่องนำจ่ายไฟเบอร์กลาส เพิ่มจำนวน 300 ใบ
คุณสมร เทิดธรรมพิบูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) กล่าวว่า จากนโยบายไปรษณีย์ไทย 4.0 พัฒนาระบบการให้บริการ พร้อมเพิ่มมาตรฐานคุณภาพระบบงานนำจ่าย เพื่อให้เกิดความพึงพอใจสูงสุดแก่ผู้ใช้บริการในทุกการฝากส่ง ไปรษณีย์ไทย ได้เปิดตัว “รถจักรยานยนต์นำจ่ายโฉมใหม่” ซึ่งเป็นนวัตกรรมกล่องไฟเบอร์กลาสรูปแบบใหม่ เพื่อยกระดับการนำจ่ายสิ่งของให้ส่งถึงมือผู้รับปลายทางด้วยความปลอดภัย และคงรูปทรงของสิ่งของตลอดเส้นทาง ขณะเดียวกันยังเพิ่มศักยภาพให้เจ้าหน้าที่นำจ่าย สามารถบริหารจัดการกับสิ่งของหลากหลายขนาดได้ดียิ่งขึ้น
ทั้งนี้ กล่องนำจ่ายฯ พัฒนาจากวัสดุพลาสติกประเภทไฟเบอร์กลาส มีขนาดบรรจุ 148 ลิตร พร้อมเคลือบโลโก้ไปรษณีย์ไทย 3 สี รอบตัวกล่อง เป็นเอกลักษณ์จดจำง่าย เพื่อสะท้อนความเป็นไปรษณีย์ไทยอย่างแท้จริง โดยดีเดย์ใช้พร้อมกันทั่วกรุงเทพฯ เดือนกรกฎาคม 2561
“ในสถานการณ์ที่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้จำนวนปริมาณงานสิ่งของที่ฝากส่งจากผู้ใช้บริการในกลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย ประกอบกับรูปแบบสิ่งของที่ผู้ใช้บริการฝากส่งเปลี่ยนแปลงไปในรูปแบบกล่องพัสดุเป็นจำนวนมากนั้น ไปรษณีย์ไทย จึงพัฒนาระบบการนำจ่ายด้วยนวัตกรรมกล่องไฟเบอร์กลาสที่จะนำมาติดตั้งท้ายรถจักรยานยนต์
โดยจะเริ่มนำร่องใช้กับการนำจ่ายกลุ่มลูกค้าธุรกิจ และกลุ่มลูกค้าอีคอมเมิร์ซ รวมทั้งสิ่งของประเภทดี-แพคเกจ (D-Packet) หนังสือเดินทาง (Passport) ยาและเวชภัณฑ์ ฯลฯ โดยไปรษณีย์ไทย ได้ดีเดย์รถจักรยานยนต์นำจ่ายโฉมใหม่ที่ติดตั้งกล่องไฟเบอร์กลาสกว่า 100 คัน นำร่องในกรุงเทพฯ และจังหวัดใหญ่ทั่วประเทศในเดือนกรกฎาคม2561 นี้”
สำหรับรถจักรยานยนต์นำจ่ายรูปแบบใหม่นี้ จะให้บริการนำจ่ายแก่ลูกค้าที่สั่งของจากผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซ อาทิ ลาซาด้า โอ้โห สลิมพลัส เป็นต้น บริการจัดส่งหนังสือเดินทาง (Passport) และบริการจัดส่งเอกสารเพื่อแปลและรองรับทางไปรษณีย์ของกรมการกงสุล บริการจัดส่งหนังสือเดินทางที่ได้รับอนุมัติวีซ่า (Courier Pass Back Service) บริการรับจัดส่งยา/เวชภัณฑ์/สิ่งส่งตรวจต่างๆ สำหรับโรงพยาบาล/ สถานพยาบาล/ สถาบันวิจัย บริการดี-แพคเกจ บริการจัดส่งบัตรคลับการ์ดของเทสโก้โลตัส เป็นต้น ทั้งนี้ จะนำจ่ายสำหรับสิ่งของที่ส่งให้ลูกค้าหรือผู้สั่งซื้อด้วยบริการ EMS โดยเจ้าหน้าที่นำจ่ายจะโทรศัพท์นัดหมายวันและเวลากับผู้รับปลายทางก่อนหรือขณะการออกไปนำจ่ายทุกครั้ง พร้อมให้นำจ่ายสิ่งของให้ผู้รับตามเวลาที่นัดหมายกัน เรียกเก็บเงินจากผู้รับตามจำนวนที่ระบุไว้ ซึ่งการยกระดับการนำจ่ายครั้งนี้ ไปรษณีย์ไทย เชื่อมั่นว่าจะช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในตลาดอีคอมเมิร์ซที่มีการแข่งขันสูงในปัจจุบันได้
“การปรับปรุงรถจักรยานยนต์นำจ่ายดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของการยกระดับสู่ไปรษณีย์ไทย 4.0 ซึ่ง ไปรษณีย์ไทย ยังคงเดินหน้ายกระดับคุณภาพการให้บริการในทุกด้าน รวมไปถึงนวัตกรรมในกระบวนการทำงานที่ทันสมัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจในการใช้บริการไปรษณีย์แก่คนไทย และก้าวสู่การเป็น “เครือข่ายชีวิตและเศรษฐกิจไทย” คุณสมร กล่าวทิ้งท้าย