ทราบหรือไม่ว่าปัจจุบัน ประเทศไทยมียอดขายสติกเกอร์ไลน์มากเป็นอันดับ 3 รองจากญี่ปุ่น และไต้หวัน ประเด็นที่น่าสนใจคือ ไทยมีผู้บริโภคที่ซื้อสติกเกอร์ครั้งแรก (New user) เฉลี่ย 100,000 รายต่อเดือน โดยปัจจัยที่กระตุ้นให้ผู้บริโภคซื้อสติกเกอร์ไลน์คือ อัตราการใช้สมาร์ทโฟนที่เพิ่มขึ้น ผู้บริโภคเริ่มคุ้นเคยกับการซื้อสินค้าออนไลน์ ช่องทางการชำระเงินที่สะดวก อีกทั้งมูลค่าสินค้าที่ซื้อก็ไม่สูง ทำให้เมื่อกล้าซื้อครั้งแรกแล้ว โอกาสซื้อซ้ำก็จะง่ายขึ้น นอกจากนี้ กระแสจากซีรี่ส์และรายการทีวีดัง ที่นำคาแรกเตอร์มาสร้างสรรค์เป็นสติกเกอร์ไลน์ก็มีส่วนกระตุ้นการตัดสินใจซื้อเช่นกัน
ล่าสุด LINE ได้เผยผลสำรวจ ที่เก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง 50,000 คน เกี่ยวกับการดาวน์โหลดสติกเกอร์ พบว่า
• ผู้หญิงจะซื้อสติกเกอร์ไลน์มากกว่าผู้ชาย อยู่ที่ 60:40
• ก่อนหน้านั้นมีสัดส่วนอยู่ที่ 70:30
• ผู้หญิงจะเลือกสติกเกอร์ที่มีคาแรกเตอร์น่ารัก
• ผู้ชายจะเลือกสติกเกอร์ตลก เฮฮา
• User 1 คน มีสติกเกอร์เฉลี่ย 15 เซ็ต
• User 1 คน ซื้อสติกเกอร์เฉลี่ยเดือนละ 1 ครั้ง
• ช่วงอายุที่มีการซื้อมากที่สุดอยู่ในช่วงระหว่าง 25 – 35 ปี
5 อันดับ Official Stickers ที่ขายดีที่สุด (เฉพาะวันแรกที่เปิดจำหน่าย)
1. Noo-Hin Animated with Sound (หนูหิ่น Animated with Sound)
2. Paopao Bangplee (เจ๊เปาบางพลี)
3. Nong Mind Dukdik v.3 (น้องมาย ดุ๊กดิ๊ก v.3)
4. Pangpond animated with sound (ปังปอนด์: เจี๊ยวจ๊าว ดุ๊กดิ๊ก)
5. GMM hit songs for daily life (GMM ท่อนฮุกเพลงฮิต)
5 อันดับ Creators Stickers ที่ขายดีที่สุด
1. Jazzspkk (แจ๊ส สปุ๊กนิค ปาปิยอง กุ๊กกุ๊ก)
2. Hello Sunny (ซันนี่ ที่รัก)
3. Circle Dukdik (หัวกลม ดุ๊กดิ๊ก)
4. BearPlease (หมีขอ)
5. Funny Face Collection (คอลเลกชันของหน้าตลก)
เทรนด์สติกเกอร์ไลน์ในตอนนี้
อย่างที่กล่าวไปข้างต้น ว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่ชอบสติกเกอร์แนวน่ารัก แต่ในช่วงหลังมานี้ผู้บริโภคหันมาให้ความสนใจสติกเกอร์ที่มีความแตกต่างแปลกใหม่หรือแหวกแนวไปออกไป เช่น สติกเกอร์แนวสนุกสนาน ตลกขบขัน คำพูดฮิตที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในขณะนั้น หรือแม้แต่สติกเกอร์แบบ Pop-Up เต็มหน้าจอ และสติกเกอร์แบบมีเสียง แสดงให้เห็นว่าปีนี้ผู้บริโภคเริ่มมองหาคอนเทนต์ที่มีความหลากหลายมากขึ้น
คุณกณพ ศุภมานพ หัวหน้าธุรกิจสติกเกอร์ LINE ประเทศไทย กล่าวว่า “ในปีที่ผ่านมา มีการดาวน์โหลดสติกเกอร์ LINE รวมทั้งหมดมากกว่า 500 ล้านครั้ง และโดยเฉลี่ยผู้ใช้งาน 1 ราย จะมีสติกเกอร์ใช้งานอยู่ 15 ชุด และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากสติกเกอร์สามารถใช้แทนคำพูดและความรู้สึกในการสื่อสาร ทั้งยังช่วยเพิ่มอรรถรสในบทสนทนาให้มีความสนุกน่าสนใจมากยิ่งขึ้น LINE จึงได้มีการสร้างสีสันให้กับผู้ใช้งานสติกเกอร์ด้วยการใส่เสียงเพลงเข้าไปได้นานถึง 8 วินาที “Music Sticker” 1 เซ็ตมี 24 ตัว โดยร่วมมือกับค่ายเพลง What the Duck โดยมีคุณสิงโต นำโชค มาร่วมทำมิวสิค สติกเกอร์ ชุดนี้ ด้วยคาแรคเตอร์ของเขาที่มีความโดดเด่นชัดเจนอีกทั้งยังมีเพลงฮิตติดหูมากมาย เรามั่นใจว่า มิวสิค สติกเกอร์ ชุดนี้จะได้รับความนิยมอย่างสูงอีกเช่นกัน ซึ่งนับว่าเป็นการร่วมสร้างคอนเทนต์รูปแบบใหม่ที่จะช่วยส่งเสริมทั้งธุรกิจเพลงและสติกเกอร์”
ทั้งนี้ Music Stickers ถูกจัดอยู่ในประเภท Paid Stickers (สติกเกอร์เพื่อจำหน่าย) กลุ่ม Official Stickers ราคาเซ็ตละ 60 บาท โดยสติกเกอร์ในกลุ่มนี้จะเป็นสติกเกอร์ของเหล่าคนดังเซเลบริตี้ ศิลปิน สติกเกอร์ที่ต่อยอดมาจากซีรี่ส์ รายการทีวี หรือละคร รวมถึงสติกเกอร์จากครีเอเตอร์ที่มียอดขายสูง และเป็นที่นิยมในกลุ่มผู้ใช้
นอกจากนี้ LINE ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจสติกเกอร์ให้กลายเป็นเครื่องมือทางการตลาดที่เป็นประโยชน์ต่อหลากหลายกลุ่มธุรกิจ และแม้กระทั่งบุคคลทั่วไปในการสร้างรายได้ และเป็นอาชีพใหม่ผ่าน “ครีเอเตอร์ มาร์เก็ต (CREATORS MARKET)” โดยเปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปสามารถสร้างสรรค์สติกเกอร์ และสามารถจัดจำหน่ายเพื่อสร้างรายได้ให้กับตนเอง อีกทั้ง LINE ยังคงพัฒนาช่องทางการชำระเงินในการซื้อสติกเกอร์ โดยการเป็นพันธมิตรกับเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ เช่น การชำระเงินผ่านค่าบริการรายเดือนหรือจ่ายผ่านกระเป๋าเงินสำหรับระบบเติมเงินเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น