กลายเป็นเรื่องฮือฮาในวงการธุรกิจและการเงินทั่วโลกเป็นที่เรียบร้อย กับกรณี Deutsche Bank สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ดีกรีระดับโลก ประจำประเทศเยอรมนีที่มีอายุกว่า 149 ปี ประกาศขอลดจำนวนพนักงานทั่วโลกลง ราว 74,000 คน หรือ 18,000 ตำแหน่ง โดยใช้ระยะเวลาปลดภายใน 3 ปีเท่านั้น แทบจะปลดกันรายเดือนเลยทีเดียว กระทบพนักงานทั่วโลกโดยเฉพาะแถบเอเซียที่เริ่มมีการปลดยกทีมแล้ว ไม่ว่าจะเป็นฮ่องกง ซิดนี่ย์ มุมไบ และประเทศอื่นๆ อีกจำนวนมาก
สำหรับสาเหตุการลดจำนวนพนักงานอย่างมหาศาลครั้งนี้ เบื้องต้น Deutsche Bank ชี้แจงว่า เป็นการปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ สู้ภาวะขาดทุน มีการประเมินว่าการปรับตัวครั้งนี้อาจต้องใช้เงินสูงถึง 7.4 พันล้านยูโร เหตุการณ์วิกฤติเริ่มตั้งแต่ปี 2008 ล่าสุดมีรายงานล่าสุดว่าช่วงไตรมาสที่ 2 องค์กรมีการขาดทุนกว่า 2.8 พันล้านยูโร ส่งผลให้อาจมีการลดจำนวนธุรกิจวาณิชธนกิจในเครืออย่างมีนัยยะสำคัญ
ก่อนหน้านี้ มีข่าวลือออกมาว่ารัฐบาลเยอรมนีได้ทำการสนับสนุนการผูกมัดของธุรกิจสถาบันการเงิน หวังว่าจะสร้างแชมป์ระดับชาติในอุตสาหกรรมการธนาคารต่อไป โดยให้ Deutsche Bank พยามจับมือกับ Commerzbank ธนาคารรายใหญ่อันดับที่ 2 ของเยอรมนี แต่แล้วดีลก็ล้มลง เพราะมีความเสี่ยงสูงเกินไป ในเรื่องค่าใช้จ่ายในการรวมที่สูงเกินดุล
เปิดไทม์ไลน์ Deutsche Bank พลาดได้ไง?
ค.ศ.1989-1999
- นี่คือยุคโลกาภิวัฒน์ ช่วงเวลาของการขยายตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก สถาบันการเงินจากเมืองแฟรงก์เฟิร์ต ในประเทศเยอรมนี เริ่มต้นด้วยการเข้าซื้อกิจการของ Morgan Grenfell ธนาคารเพื่อการลงทุน ระดับชั้นนำที่เก่าแก่ที่สุดในกรุงลอนดอน
- แต่ยังไม่หยุดอยู่แค่นั้น ไม่นานนักบริษัทบุกเข้าสู่ตลาดในยุโรป ซื้อกิจการ Banco de Madrid เพิ่ม หวังเป็นผู้เล่นหลักในธุรกิจวาณิชธนกิจ
- และเริ่มมีความทะเยอทะยานมากขึ้นเรื่อยๆ บริษัทพยายามล้ม Goldman Sachs ธุรกิจวาณิชธนกิจในสหรัฐฯ โดยการเข้าซื้อ snapping up Bankers Trust ยึดเป็นฐานตั้งมั่นที่นิวยอร์กในราคา 1 หมื่นล้านสหรัฐ
ค.ศ.2001
- Deutsche Bank ได้เอาบริษัทเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก
ค.ศ.2004-2008
- Deutsche Bank ตกอยู่ในภาวะวิกฤติสินเชื่อซับไพรม์ (subprime mortgage crisis) หรือที่เรียกว่าวิกฤติสินเชื่อด้อยคุณภาพ
- โดยบริษัทได้นำทรัพย์สินจากเจ้าบ้านที่หลุดจำนองจากธนาคาร นำไปรวมกับแพ็คเกจขนาดใหญ่เพื่อขายให้กับนายทุน จนมีกรณีอื้อฉาวตามมาภายหลัง
- ช่วงปี 2008 ธนาคารรายงานผลขาดทุนรายปีเป็นครั้งแรก สูญเสียเงินกว่า 3.9 พันล้านยูโร
ค.ศ.2009
- บริษัทเริ่มมีการใช้นักสืบเอกชน เพื่อตรวจสอบองค์กรภายใน สอดแนมผู้คนที่อาจเป็นภัยคุกคามต่อธนาคาร รวมถึงผู้ถือหุ้นต่างๆ มีการแจ้งจากอัยการเยอรมันว่าไม่พบหลักฐานการกระทำผิดทางอาญาและไม่มีผู้บริหารระดับสูงว่ามีส่วนร่วมในการกระทำผิด
ค.ศ.2012
- มีการแจ้งว่า จะผู้บริหารระดับสูงคนหนึ่งและเป็นคนแรกประกาศลาออก คือ Josef Ackermann
ค.ศ.2015-2018
- เรื่องราวอื้อฮาวภายในเริ่มก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ จนหุ้นของ Deutsche ได้รับผลกระทบสูญเสียมูลค่าไปกว่าครึ่ง
- ในปี 2017 หน่วยงานกำกับดูแลของสหราชอาณาจักรสั่งปรับ Deutsche มากกว่า 630 ล้านดอลลาร์ หลังจากพบว่าบริษัทไม่สามารถป้องกันการฟอกเงินของรัสเซียได้
- เริ่มประกาศปลดพนักงานอย่างที่กล่าวมาข้างต้น
ที่มา : theguardian.com, bbc.com1, bbc.com2