หลายสินค้าอาจโดนพิษโควิด-19 จนยอดขายตกไปตาม ๆ กัน แต่ไม่ใช่สำหรับ ‘มาม่า’ที่ได้รับอานิสงค์จากคนแห่ซื้อเพื่อกักตุนไว้ในช่วงล็อกดาวน์ ส่งผลให้ยอดขายในไตรมาส 1 ของปี 2563 มีการเติบโตในอยู่ที่ 8% และการขายผ่านออนไลน์โตถึง 100%
ในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จนรัฐบาลต้องประกาศล็อกดาวน์ ทำให้ประชาชนแห่ซื้อสินค้ากักตุนเป็นจำนวนมาก และหนึ่งในสินค้ายอดนิยมที่คนซื้อมากที่สุด ก็คือ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซึ่ง เวทิต โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด(มหาชน) เจ้าของแบรนด์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป “มาม่า” บอกว่า ทำให้ยอดขายช่วงไตรมาส 1 ของปีนี้ มาม่ามีการเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 8% แบ่งเป็นยอดขายแบบซองเติบโต 20% และยอดขายแบบคัพเติบโต 10%
ขณะที่การขายออนไลน์ผ่าน www.sahapatdelivery.com เติบโตขึ้น 100% เนื่องจากผู้บริโภคเดินทางออกจากบ้านน้อยลง โดยช่วงที่ผ่านมาทางบริษัทได้มีการเพิ่มกำลังการผลิตมาม่าของโรงงานไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ขึ้นอีกประมาณ 30% จากเดิมสามารถผลิตได้วันละ 4 ล้านซอง เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นในช่วงวิกฤตนี้
รวมไปถึงเตรียมจะปรับปรุงคลังสินค้าและระบบเซิร์ฟเวอร์รองรับการเติบโตของการจำหน่ายผ่านดิลิเวอรี่ และการขายออนไลน์ด้วย
อย่างไรก็ตาม ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ส่งผลต่อกลังซื้อของผู้บริโภคเป็นจำนวนมาก ทางสหพัฒน์ จึงได้เข้าร่วมโครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชนเพื่อช่วยเหลือและลดค่าครองชีพของประชาชนที่กำลังได้รับผลกระทบจากวิกฤตดังกล่าว ด้วยการจัดแคมเปญ ‘พาณิชย์ลดราคา ! ช่วยประชาชน ร่วมกับ มาม่าคัพ’ ร่วมกับร้านค้าพันธมิตรปรับลดราคาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาม่าชนิดคัพทุกรสชาติ จากราคา 13 บาท เหลือ 10 บาท ตั้งแต่วันที่ 1-31 พฤาภาคม 2563 ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของมาม่าคัพที่มีการลดราคา
“มาม่าเป็นสินค้าที่อยู่เคียงข้างคนไทยมายาวนานในทุกสถานการณ์ สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ก็นับว่าเป็นวิกฤติที่หนัก กระทบทั้งชีวิตความเป็นอยู่และเศรษฐกิจ ซึ่งมาม่าก็ได้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือคนไทยที่ได้รับผลกระทบมาอย่างต่อเนื่อง การลดราคามาม่าคัพก็เป็นการช่วยเหลืออีกรูปแบบหนึ่ง เป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย และหวังว่าจะช่วยบรรเทาความเดือนร้อนให้กับประชาชนได้”
