เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย อสังหาฯ ครบวงจร แพลตฟอร์มที่ยั่งยืน ชูกลยุทธ์ ONE PLATFORM ตั้งเป้าเป็น TOP 3 ในปี 2566

  • 9
  •  
  •  
  •  
  •  

เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย อสังหาฯ ครบวงจร แพลตฟอร์มที่ยั่งยืน ชูกลยุทธ์ ONE PLATFORM ตั้งเป้าเป็น TOP 3 ในปี 2566

เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ “FPTเปิดเกมรุกเดินหน้าธุรกิจในฐานะผู้นำอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรรายแรกในประเทศไทย ด้วยการสร้าง One Platform ที่ผสานธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 3 กลุ่ม ครอบคลุมอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัย อุตสาหกรรม และพาณิชยกรรม เข้าไว้ในแพลตฟอร์มเดียวกัน ภายใต้แบรนด์ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ที่มีประสบการณ์และชื่อเสียงในระดับโลก โดยจะมุ่งเน้นการพัฒนาธุรกิจศักยภาพสูงของทุกกลุ่มด้วยความเป็นหนึ่งเดียวกัน (Synergy) เพื่อสร้าง Ecosystem ทางธุรกิจที่สนับสนุนการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนของบริษัทฯ ซึ่งจะทำให้เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย สามารถกระจายความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ ด้วยการบริหารสินทรัพย์หลากหลายประเภทที่มีลูกค้าหลายกลุ่ม (Diversification) พร้อมยืนหยัดในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ด้วยความสามารถในการบริหารจัดการที่มีความยืดหยุ่นและทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงและสถานการณ์ที่ท้าทายได้เป็นอย่างดี (Resilience)

 

นายธนพล ศิริธนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (Country Chief Executive Officer) บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การผนึก 3 กลุ่มธุรกิจศักยภาพสูงเข้าไว้ในแพลตฟอร์มเดียวกัน จะสร้างความแข็งแกร่งและส่งเสริมการเติบโตทางธุรกิจของ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย ในบทบาทของผู้นำการขับเคลื่อนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ด้วยพอร์ตโฟลิโออสังหาริมทรัพย์ที่ครบวงจรที่สุดในประวัติการณ์นี้ ทำให้บริษัทฯสามารถขยายขีดความสามารถในการส่งมอบสินค้าและบริการ พร้อมข้อเสนอทางการตลาดที่โดดเด่นและแตกต่างจากผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายอื่นในประเทศ ด้วยแนวคิดในการดำเนินธุรกิจที่ให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer-Centric) เราจะนำความเข้าใจลูกค้าและความเชี่ยวชาญในธุรกิจและตลาดอสังหาฯไทย ผสานเข้ากับความเป็นอินเตอร์เนชั่นแนลของ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ มาพัฒนาให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ลูกค้า และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย”

 

หัวใจสำคัญของการก้าวกระโดดสู่ความสำเร็จ คือ กลยุทธ์ One Platform ที่ทำให้บริษัทฯสามารถให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์ได้อย่างครอบคลุมตรงโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า โดยการรวมกันบนแพลตฟอร์มเดียวจะเป็นการสร้างความมั่นคงให้แก่บริษัทฯ เพราะจะมีรายได้จากหลายช่องทาง และรายได้ประจำ (Recurring Income) เพิ่มมากขึ้น ทำให้บริษัทฯสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยจะดำเนินตามแผน ONE-TO-THREE ซึ่งหมายถึง “ONE platform TOwards being a trusted brand and the top THREE in all asset classes” หรือ การรวมธุรกิจเป็นหนึ่งเดียวด้วยแพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เพื่อมุ่งสู่การเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำระดับ Top 3 ของทุกกลุ่มธุรกิจ ในปี 2566

 

ไฮไลท์สำคัญของธุรกิจหลักของเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย มีดังนี้:

เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย อสังหาฯ ครบวงจร แพลตฟอร์มที่ยั่งยืน ชูกลยุทธ์ ONE PLATFORM ตั้งเป้าเป็น TOP 3 ในปี 2566

กลุ่มธุรกิจ “เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม” ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยในแนวราบ ในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และหัวเมืองใหญ่ โดยตั้งเป้าในการขยายไปยังจังหวัดต่างๆ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยการนำนวัตกรรมใหม่ๆ มาปรับใช้เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างครบครันและสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้ผู้อยู่อาศัย ปัจจุบัน เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม นับเป็นผู้นำอันดับ Top 5 ของประเทศสำหรับกลุ่มธุรกิจเพื่อที่อยู่อาศัย มีโครงการที่พักอาศัยคุณภาพสูงรวม 59 โครงการในหลายทำเล ครอบคลุมทุกระดับราคา ภายใต้แบรนด์ ‘โกลเด้น’ ที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง เช่น โกลเด้นทาวน์, โกลเด้นซิตี้, โกลเด้น นีโอ,  โกลเด้น วิลเลจ, โกลเด้น อเวนิว, โกลเด้น เพรสทีจ และ เดอะ แกรนด์ ธุรกิจกลุ่ม‘โฮม’  มีมูลค่าสินทรัพย์รวม 70,000 ล้านบาท และมีรายได้ 9 เดือนแรกของปี 2563 (มกราคม – กันยายน) รวม 11,100 ล้านบาท

เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย อสังหาฯ ครบวงจร แพลตฟอร์มที่ยั่งยืน ชูกลยุทธ์ ONE PLATFORM ตั้งเป้าเป็น TOP 3 ในปี 2566

กลุ่มธุรกิจ “เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล” ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมแบบครบวงจร  มีสถานะเป็น ‘ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมยุคใหม่’   ที่มุ่งเน้นการส่งมอบโซลูชั่นเพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าแต่ละราย ซึ่งโรงงานและคลังสินค้าของเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล มีทั้งแบบพร้อมให้เช่า (Ready-Built) และแบบสร้างตามความต้องการของลูกค้า (Built-to-Suit) บนทำเลที่ตั้งยุทธศาสตร์กว่า 50 ทำเล ทั้งในนิคมอุตสาหกรรม สวนอุตสาหกรรม เขตอุตสาหกรรม เขตส่งเสริมอุตสาหกรรม และพื้นที่อื่นๆ ที่มีศักยภาพในประเทศไทย  โดยปัจจุบันมีพื้นที่โรงงานรวม 1.2 ล้านตารางเมตร พื้นที่คลังสินค้ารวม 1.8 ล้านตารางเมตร คิดเป็นพื้นที่ภายใต้การบริหารจัดการรวม 3 ล้านตารางเมตร และมีรายได้ 9 เดือนแรกของปี 2563 (มกราคม – กันยายน) รวม 1,700 ล้านบาท

นอกจากนี้ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย ยังเป็นผู้สนับสนุนและผู้จัดการกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ หรือ FTREIT ซึ่งเป็นกองทรัสต์อุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ภายใต้การจัดการ มากกว่า 42,000 ล้านบาท โดยมีประเภทของทรัพย์สินคือโรงงานและคลังสินค้ารวม 620 ยูนิต ปัจจุบัน FTREIT  ยังคงแสดงความสามารถในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือหรือเครดิตเรทติ้งที่ระดับ A/Stable ซึ่งถือว่าเป็นอันดับความน่าเชื่อถือที่สูงสุดสำหรับกองทรัสต์ในประเทศไทย

เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย อสังหาฯ ครบวงจร แพลตฟอร์มที่ยั่งยืน ชูกลยุทธ์ ONE PLATFORM ตั้งเป้าเป็น TOP 3 ในปี 2566

กลุ่มธุรกิจ “เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ คอมเมอร์เชียล” อสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชยกรรมชั้นนำประกอบด้วย อาคารสำนักงานให้เช่า รีเทล โรงแรมและเซอร์วิส อพาร์ทเม้นท์ รวมถึงโครงการมิกซ์ยูส ที่ทั้งหมดล้วนตั้งอยู่ในใจกลางย่านธุรกิจของกรุงเทพฯ โครงการที่เป็นที่รู้จัก ได้แก่ อาคาร โครงการสามย่านมิตรทาวน์, อาคารเอฟวายไอ เซ็นเตอร์,อาคารสาทรสแควร์, อาคารปาร์คเวนเชอร์, อาคารโกลเด้นแลนด์, โรงแรม ดับเบิ้ลยู กรุงเทพฯ และ ดิ แอสคอท สาทร แบงคอก ปัจจุบันกลุ่ม ‘คอมเมอร์เชียล’ มีอาคารสำนักงาน และโครงการมิกซ์ยูสรวม 5 แห่ง คิดเป็นพื้นที่รวม 240,000 ตารางเมตร และมีห้องในโรงแรมและเซอร์วิส อพาร์ทเมนท์ จำนวน 1,100 ห้อง และมีรายได้ 9 เดือนแรกของปี 2563 (มกราคม – กันยายน) รวม 1,200 ล้านบาท

 

“การรวมกันเป็น One Platform นับเป็นก้าวแรกของ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย ในฐานะผู้นำบริการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรของประเทศไทย ที่ผนึก 3 กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ศักยภาพสูง จึงมั่นใจว่าแต่ละกลุ่มธุรกิจจะส่งเสริมเกื้อกูลกันและจะสร้างความแข็งแกร่งให้แก่บริษัทฯได้เป็นอย่างดี ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯได้พิสูจน์ความสามารถด้านการบริหารจัดการ ดังจะสะท้อนได้จากความสามารถในการสร้างผลงานอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกจากผลกระทบของโควิด-19 ตลอดจนการชะลอตัวทางเศรษฐกิจและความไม่แน่นอนทางการเมืองภายในประเทศ ในภาพรวมของธุรกิจปี 2564 บริษัทฯยังคงตั้งเป้าที่จะรักษาระดับรายได้ไว้ให้ได้ไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท แม้ว่าจะต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆ โดยจะเน้นการสร้างความแข็งแกร่งภายในขององค์กร ควบคู่ไปกับการควบคุมค่าใช้จ่าย เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายนี้ได้” นายธนพล กล่าวสรุป


  • 9
  •  
  •  
  •  
  •