เผลอแผล็บเดียว…เหมือนเอาลิ้นเลียริมฝีปาก
กาลเวลาหมุนเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ใบไม้สีเขียวแปรเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ก็ไม่ต่างอะไรกับอายุของคนเรา จากวัยเยาว์ สู่วัยรุ่น จากวัยรุ่น สู่ความเป็นผู้ใหญ่ และเมื่อตัวเลขย่างเข้า 50 เราก็กลายเป็น Baby-Boomers เรามักเชื่อเสมอว่ายุคนี้คือยุคดิจิตอล แต่เคยคิดไหมว่าคำว่า ‘ดิจิตอล’ ไม่ได้มีแค่กลุ่ม Gen X, Gen Y, Gen Z, หรือ Gen C เท่านั้น แต่กลุ่ม Baby-Boomers ก็เริ่มมีการขยับตัวเท่าทันยุคสมัยที่เปลี่ยนไปเช่นกัน นักการตลาดดิจิตอลหลายคนอาจไม่ได้คำนึงถึงคนกลุ่มนี้ เพราะมัวแต่ห่วงว่าจะ ‘ทำอย่างไรให้ฮิต’ โดนใจคนยุคนี้ แต่ไม่นึกถึงว่าจะ ‘ทำอย่างไรให้ดี’ อันที่จริงแล้ว Baby-Boomers ถือเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงเลยทีเดียว พวกเขาสามารถควักเงินจ่ายให้กับอะไรก็ตามที่กำลังเป็นที่นิยมได้อย่างง่ายดายกว่ากลุ่มอื่นๆเสียอีก สิ่งที่น่าคิดคือคนกลุ่มนี้อาจเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จของแบรนด์ต่อหลายแบรนด์เลยทีเดียว
การทำการตลาดกับกลุ่ม Baby-Boomers ในยุคดิจิตอลจึงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เพราะนักการตลาดหลายคนอาจไม่เข้าถึงคนกลุ่มนี้อย่างถ่องแท้ Content ที่ดีจึงอาจสามารถจับคนกลุ่มนี้ได้อย่างสบาย เหมือนปลาที่กินเบ็ดแล้วดิ้นไม่หลุด ถึงหลุดแล้วก็ยังอยากวนกลับมากินอีก หากคุณอยากตกปลาตัวใหญ่ได้เยอะๆ ลองมาดู 4 เคล็ดลับในการมัดใจคนรุ่นใหญ่กันดีกว่า
‘รุ่นเก่า’ ไม่ใช่ ‘รุ่นแก่’
เชื่อสิ, ไม่ว่าจะเป็นรุ่นไหน ก็ไม่มีใครอยากถูกเรียกว่า ‘แก่’ โดยเฉพาะกับคนกลุ่มนี้แล้ว แค่ได้ยินหรืออ่านเจอก็ไม่ได้เลยเชียวล่ะ จะ ‘อาวุโส’ ‘สูงวัย’ หรือ ‘มีอายุ’ ก็ล้วนแต่เป็นคำที่คนกลุ่มนี้สะอิดสะเอียนยิ่งนัก Baby-Boomers อยากมีชีวิตที่ดีทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพหรือปัจจัยต่างๆ ยกตัวอย่างแบรนด์ขายกางเกงชั้นในของอเมริกา Depend ที่ทำโฆษณากางเกงชั้นในสำหรับ Baby-Boomers ทั้งหญิงและชาย โดยใช้คำโฆษณาว่า ‘Looks, Fits & Feels Like Real Underwear’ สังเกตว่าถึงแม้จะเป็นกางเกงชั้นในสำหรับคนอายุ 40-50 ขึ้น แต่ Depend ก็ไม่ใช้คำที่บ่งบอกว่าเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับคนมีอายุเลย มิหนำซ้ำยังใช้นางแบบที่อยู่ในกลุ่ม Baby-Boomers แต่ดูสวยสาวราวกับวัยรุ่นเลยทีเดียว การเลี่ยงการเน้นย้ำถึงกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริง แล้วหันไปให้ความสำคัญกับประโยชน์ของตัวสินค้าที่ผู้บริโภคจะได้รับ…ก็ถือเป็นอีกวิธีที่สยบคนกลุ่มนี้ได้ดีทีเดียว
‘คุณค่า’ ที่มาพร้อม ‘คุณภาพ’
โดยธรรมชาติของคนกลุ่มนี้มักจะมองหาของที่ดูมีคุณค่าและมีคุณภาพอย่างแท้จริง ต้องทำให้คนกลุ่มนี้รู้สึกว่าพวกเขาจะได้รับประโยชน์ของผลิตภัณฑ์นั้นๆอย่างแท้จริง ไม่เกินความเป็นจริงจนเกินไป และพยายามหลีกเลี่ยงการใช้คำที่วัยรุ่นจ๋า ซับซ้อน และประดิษฐ์ประดอยสร้างสรรค์จนสุดโต่งเกินไป อย่าลืมว่าคนกลุ่มนี้ไม่ได้ชอบอะไรที่มัน ‘เจ๋งๆโดนๆ’ แต่ชอบอะไรที่มี ‘คุณค่าทางคุณภาพ’ ต่างหาก ขนาดอักษรก็มีความสำคัญ ปรับให้ใหญ่ขึ้นสักหน่อย และพยายามให้ดูเรียบง่ายสบายตาเข้าไว้ หากเราทำได้ แม้มูลค่าจะสูงแค่ไหน คนกลุ่มนี้ก็ยินดีที่จะจ่าย…ไม่ใช่ยินดีที่จะ ‘ไลค์’ หรือ ‘แชร์’ กันเป็นว่าเล่น
พึงระลึกเสมอว่าเราก็เป็น Baby-Boomers
หากอยากจะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ใกล้ชิดที่สุด เราก็ต้องเอาตัวเข้าไปอยู่ในกลุ่มนั้นด้วยเช่นกัน คนกลุ่มนี้เป็นพวกตัดสินใจและทำสิ่งใดๆด้วยตนเอง หากนึกภาพไม่ออก ให้ลองมองย้อนถึงรสนิยมความฮิตในยุคนั้น คนกลุ่มนี้เติบโตมากับยุค 60’s-70’s ดนตรีหรือแฟชั่นคือสิ่งที่มนุษย์เรามักจะกระโจนใส่มากที่สุด เพลงดิสโก้ หรือแนวฮิปปี้ อาจโดนใจคนกลุ่มนี้เข้าอย่างจัง พยายามปรับ Mood & Tone หรือแทรกสิ่งที่คนในยุคนั้นชื่นชอบสักหน่อย เปิดใจเข้าหายุคของเขา ไม่ต้องเทไปให้จนหมด แต่แค่เขยิบเข้ามาใกล้ก็เพียงพอ อาจทำให้คนกลุ่มนี้รู้สึกถึงการมีส่วนร่วม (Engaement) มากยิ่งขึ้น เพราะธรรมชาติของคนกลุ่มนี้มักจะสนใจอะไรได้ง่ายกับสิ่งที่ตัวเองเติบโตและคุ้นเคยมา…มากกว่าสิ่งใหม่ๆที่กำลังเกิดขึ้น
รักษาสัญญาและมอบความไว้วางใจให้เสมอ
ความฉับไวของวิวัฒนาการในโลกดิจิตอล…อาจไม่สามารถเดินควบคู่ไปพร้อมกับคนกลุ่มนี้ได้ แน่นอน…ความเอาใจใส่, การให้บริการที่ดี, คำแนะนำและการช่วยเหลือ คือการทำให้พวกเขารู้สึกอุ่นใจ ซึ่งจะทำให้คนกลุ่มนี้ไว้วางใจและเชื่อถือมากยิ่งขึ้น และต้องอย่าลืมว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เราพยายามจะสื่อออกไปให้คนกลุ่มนี้รับรู้ต้องไม่ทำให้พวกเขารู้สึกว่าตัวเองแก่ หรือรู้สึกว่ามันยุ่งยากเกินไปสำหรับเขา พึงระลึกไว้เสมอว่า…ช้าๆได้พร้าเล่มงาม
ยุคสมัยที่ต่างกัน อาจทำให้มุมมองต่างกัน ขอแค่เพียงลองเปิดใจ แม้จะแตกต่างกันสักแค่ไหน แต่มันก็จะทำให้เรารู้จักคำว่า ‘เคารพ’ ซึ่งกันและกันไงล่ะครับ
