เรื่องเล่ารสช็อกโกแลต กับ 10 เรื่องจริงที่คุณอาจไม่รู้มาก่อน

  • 141
  •  
  •  
  •  
  •  

chocolate story

ขอบคุณธรรมชาติที่สร้างเมล็ดโกโก้ไว้บนโลก

จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์พบว่า เป็นเวลากว่าสองพันปีมาแล้วหลังจากที่ช็อกโกแลตถูกค้นพบโดยชนกลุ่มแรกคือ ชาวมายา และชาวแอซเทค ที่รู้จักการนำเมล็ดของต้นคาเคา (cacao) ในป่าร้อนชื้นของทวีปอเมริกามาบดแล้วผสมเครื่องปรุงหลายชนิดเพื่อทำเป็นเครื่องดื่มที่มีรสขมเฝื่อน ไม่ใช่เพียงอาหารแต่ช็อกโกแล็ตยังเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตเชิงศาสนาและสังคมด้วย เนื่องจากเป็นพืชที่จัดอยู่ในตระกูล Theobroma cacao แปลว่าอาหารแห่งทวยเทพ

เล่ากันว่า ชาวมายามายาชอบดื่มช็อกโกแลตกันในวาระพิเศษ ในขณะที่บรรดาเชื้อพระวงศ์จะนิยมดื่มกันเป็นเครื่องดื่มหลัก ส่วนชาวแอซเทค ต้องเป็นผู้ปกครองระดับสูง พระ ทหารยศสูง และพ่อค้าที่มีหน้ามีตาเท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์ลิ้มรสเครื่องดื่มศักดิ์สิทธิ์นี้ได้ ช็อกโกแลตมีบทบาทสำคัญในพิธีของราชวงศ์และศาสนา เพราะใช้เมล็ดคาเคาเป็นเครื่องสักการะเทพเจ้า และดื่มในพิธีสำคัญ

สำหรับชาวยุโรป สเปนเป็นชาติแรกที่เป็นนักเดินทางผู้แสวงหาความมั่งคั่งในดินแดนใหม่ จนกระทั่งเดินทางมาสู่อเมริกากลาง พวกเขาเอาชนะชาวแอซเทคได้ และได้รู้จักกับรสชาติอันแสนวิเศษของช็อกโกแลต ชาวสเปนจึงนำเอาช็อกโกแลต และเมล็กโกโก้กลับไปสู่ประเทศของตนด้วย ซึ่งช็อกโกแลตกลายเป็นที่นิยมชมชอบในราชสำนัก และภายในช่วงเวลา 100 ปี ความหลงใหลในรสชาติของช็อกโกแลตก็ได้ลุกลามไปทั่วยุโรป

ต่อมาร้านช็อกโกแลตแห่งแรกได้เปิดบริการในลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อปี ค.ศ. 1657 เป็นลักษณะคล้ายกับร้านกาแฟที่ผู้คนจะเข้ามาดื่มช็อกโกแลต พร้อมกับนั่งหย่อนใจ หรือถกกันเรื่องการเมือง รวมถึงเล่นพนันในร้านด้วย บางแห่งรับเฉพาะผู้ชาย แต่ก็หลายมีแห่งที่เปิดรับทุกเพศที่มีเงินจ่าย

ช็อกโกแลตทุกชนิดบนโลกไม่ว่าจะในรูปแบบ ของแข็ง ของเหลว หรือ แบบผง ล้วนมีส่วนผสมของเมล็ดโกโก้แทบทั้งสิ้น(ยกเว้น white chocolate)   ซึ่งกว่า 50% ของเมล็ดโกโก้ที่เก็บเกี่ยวในแต่ละปีมาจากแอฟริกาตะวันตก ส่วนใหญ่จากประเทศ ไอวอรี่ โคสต์, กาน่า, ไนจีเรีย และ แคเมอรูน นอกเหนือจากทวีปแอฟริกา ก็จะไปทางแถบประเทศ อินโดนิเซีย บราซิล และ เอกวาดอร์ ช็อกโกแลต อุตสาหกรรมช็อกโกแลตในอเมริกาจำกัดความผลิตภัณฑ์จากเมล็ดโกโก้เป็น 3 ประเภท

  • โกโก้ (cocoa) คือเมล็ดของต้นโกโก้
  • เนยโกโก้ (cocoa butter) คือไขมันของเมล็ดโกโก้
  • ช็อกโกแลต (chocolate) คือส่วนผสมของเมล็ดและเนยโกโก้

choco naginimage: historycooperative

ช็อกโกแลตในโลกมี 10 ชนิด

ช็อกโกแลตเป็นส่วนผสมที่นิยมในอาหารหลายชนิด และในตัวของมันเองก็ยังสามารถแยกประเภทได้อีกหลายประเภทตามรสชาติและส่วนผสม รวมถึงอุณหภูมิและระยะเวลาในการคั่วเมล็ดโกโก้ด้วย

(ข้อมูลจาก Wikipedia)

  • ช็อกโกแลตไม่เพิ่มความหวาน (unsweetened chocolate)
    คือ ช็อกโกแลตเหลวบริสุทธิ์หรือที่รู้จักกันในนาม ช็อกโกแลตฝาด ใช้ในการอบอาหาร ไม่มีการเจือปนใด ๆ ทั้งสิ้น ช็อกโกแลตชนิดนี้จะรสชาติเข้มข้ม ลุ่มลึกด้วยช็อกโกแลตบริสุทธิ์  นิยมใช้เป็นส่วนผสมหลักในการทำบราวนี่ เค้ก ลูกกวาด และคุกกี้
  • ช็อกโกแลตดำ (dark chocolate)
    คือช็อกโกแลตที่ไม่ได้เพิ่มนมเป็นส่วนประกอบ ซึ่งบางครั้งก็เรียกเป็นช็อกโกแลตธรรมดา แต่ในสหรัฐฯ เรียกเป็นช็อกโกแลตหวาน และกำหนดให้มีส่วนผสมของช็อกโกแลตเหลวบริสุทธิ์เข้มข้น 15%  แต่ทางยุโรปได้กำหนดให้มีส่วนผสมของเมล็ดโกโก้อย่างน้อย 35%  ช็อกโกแลตดำมีสารฟลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นสารแอนติออกซิแดนท์ป้องกันมิให้เกิดคราบไขมันสะสมที่ผนังหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ และช่วยป้องกันไม่ให้เกล็ดเลือดแข็งตัว และป้องกันความดันโลหิตสูง
  • ช็อกโกแลตนม (milk chocolate)
    คือช็อกโกแลตที่ผสมนมหรือนมข้นหวาน สหรัฐฯกำหนดว่าหากจะเรียกว่าช็อกโกแลตนม ต้องมีส่วนผสมของช็อกโกแลตเหลวบริสุทธิ์เข้มข้น 10%  และนมที่ไม่ได้เอามันเนยออก 12% แต่ทางยุโรปได้กำหนดให้มีส่วนผสมของเมล็ดโกโก้อย่างน้อย 25% ช็อกโกแลตนมจะมีส่วนผสมของเนยโกโก้ (cocoa butter) นม และเพื่อความหวานด้วยน้ำตาล ช็อกโกแลตนมนิยมใช้แต่งหน้าขนม
  • ช็อกโกแลตลิเคียวร์
    เป็นการนำเมล็ดโกโก้นำมาบดละเอียด แล้วนำมาคั้นเอาแต่น้ำ น้ำช็อกโกแลตนี้จะมีส่วนผสมของโกโก้บัตเตอร์ประมาณ 53% สามารถทำให้เย็นและทำให้แข็งตัวโดยใส่พิมพ์ไว้ เป็นช็อกโกแลตชนิดไม่หวาน
  • ช็อกโกแลตกึ่งหวาน (semi-sweet)
    เป็นช็อกโกแลตแบบเหลวที่เพิ่มความหวานและใส่เนยโกโก้ลงไปด้วย สีของช็อกโกแลตชนิดนี้จะเข้ม ตามมาตรฐานของสหรัฐฯ ซึ่งมีส่วนผสมของน้ำช็อกโกแลตประมาณ 35% และมีไขมันประมาณ 27% จะมีรสหวานเล็กน้อยและกลมกล่อม
  • ช็อกโกแลตหวาน (sweet chocolate)
    ช็อกโกแลตชนิดนี้จะเพิ่มความหวานลงไปมากกว่าช็อกโกแลตแบบหวานน้อย และมีส่วนผสมของน้ำช็อกโกแลตอย่างน้อย 1 % ช็อกโกแลตชนิดนี้ใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญในการทำขนมและตกแต่งขนม และยังมีไขมันเท่า ๆ กับช็อกโกแลตแบบหวานน้อย
  • ช็อกโกแลตขาว (white chocolate)
    ช็อกโกแลตชนิดนี้ไม่มีโกโก้ผสมอยู่ แต่จะประกอบไปด้วยน้ำตาล เนยโกโก้(โกโก้ที่อยู่ในรูปของไขมัน) นมสด และใส่กลิ่นวานิลลาลงไปด้วย ช็อกโกแลตขาวจะแตกหักง่าย หากเป็นของปลอมจะใช้น้ำมันพืชแทนเนยโกโก้
  • ลิควิดช็อกโกแลต
    เป็นช็อกโกแลตที่ไม่หวาน ส่วนใหญ่จะบรรจุขายเป็นขวด ขวดละ 1 ออนซ์  ด้วยความที่มันไม่ละลายจึงสะดวกในการใช้มาก พัฒนาขึ้นมาสำหรับใช้ทำขนมอบ แต่จะมีส่วนผสมของน้ำมันพืชมากกว่าเนยโกโก้
  • กูแวร์ตูร์ (couverture)
    เป็นชนิดที่มีลักษณะพิเศษ คือจะเป็นมันเงา โดยปกติจะมีส่วนผสมของเนยโกโก้อย่างน้อย 32% ทำให้มันสามารถคงตัวอยู่ในรูปของไขได้ดีกว่าชนิดอื่น ปกติแล้วจะใช้เฉพาะในร้านที่ทำขนมหวานเท่านั้น ส่วนใหญ่ใช้เคลือบผลไม้
  • กานาช
    ช็อกโกแลตชนิดนี้จะมีลักษณะข้นมาก เป็นที่นิยมนำไปทำเค้กช็อกโกแลต กานาช ทำโดยการเทวิปปิงครีมที่นำไปอุ่นลงไปในช็อกโกแลตสับละเอียดในปริมาณที่เท่ากัน ทิ้งไว้สักครู่จนช็อกโกแลตเริ่มละลายและคนให้เข้ากัน จะได้ส่วนผสมที่ข้นขึ้น อาจเติมเนยในปริมาณเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความเงาให้กับกานาชด้วย
  • Confectionery Coating
    เป็นช็อกโกแลตที่ใช้เคลือบลูกกวาด โดยนำไปผสมกับน้ำตาล นมผง น้ำมันพืช และสารปรุงแต่งรสชาติต่าง ๆ มีสีสันหลากหลาย ลูกกวาดที่ได้ไม่มีส่วนผสมของเนยโกโก้ เหมือนชนิดอื่น ๆ

ช็อกโกแลตในตลาดโลก

จากการวิเคราะห์อุตสาหกรรมช็อกโกแลตโดย M&M คาดการณ์ว่า ตลาดรวมของช็อกโกแลตทั้งหมดในโลก จะมียอดขายอยู่ที่ 98.3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2016 ซึ่งเติบโตขึ้นประมาณ 3%  ความต้องการช็อกโกแลตในเอเซียซึ่งเป็นภูมิภาคใหญ่ เป็นเหตุสำคัญที่ทำให้ยอดขายช็อกโกแลตในแต่ละปีโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง  ส่วนผู้นำตลาดในอุตสาหกรรมช็อกโกแลตของโลก(ประเมิณจากยอดขาย)ได้แก่ Kraft Food,Inc. ด้วยอดขายประมาณ 20ล้านเหรียญสหรัฐ ตามด้วย Mars,USA, Inc. และ Nestle SA Switzerland ผู้บริโภคทั่วโลกมีความต้องการช็อกโกแลตมากขึ้นทุกปี

ตามการรายงานของ The National Confectioners Association เผยว่า 52% ของชาวอเมริกันอ้างว่ารสชาติของช็อกโกแลตคือรสโปรดของพวกเขา และเมื่อไม่นานมานี้นักวิจัยได้ค้นพบว่าช็อกโกแลตมีแร่ธาตุและสารต่อต้านอนุมูลอิสระมากพอที่จะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจและมะเร็ง การบริโภคไม่ได้จำกัดแค่การของหวานอีกต่อไป แต่ผู้บริโภคบางกลุ่มกินช็อกโกแล็ตเพื่อเสริมสุขภาพด้วย

แผนภูมิแสดงอัตราการบริโภคช็อกโกแลตทั่วโลกในช่วงปี 1999-2000 และคาดการณ์ไปจนถึงปี 2020  stat choco

10 ประเทศที่บริโภคช็อกโกแลตมากที่สุดในโลก

country choco stat

 

10 เรื่องจริงเกี่ยวกับช็อกโกแลตที่คุณอาจไม่รู้มาก่อน

white choco stamp mnm usa eat choc milton hersheys   biggest choc bar dark choc heart 400 cocoa seed choco smell   netella

 

Copyright © MarketingOops.com


  • 141
  •  
  •  
  •  
  •