อย่างที่ทราบกันแล้วว่าระบบ AI มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ รวมไปถึงการคาดการณ์ได้ด้วยตัวเอง ความพิเศษของ AI คือความสามารถในการเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง ซึ่งสามารถคิดวิเคราะห์ในรูปแบบของข้อมูลที่ซับซ้อนได้ จนเคยมีคนกล่าวว่า AI มีการตัดสินใจได้แม่นยำกว่ามนุษย์ด้วยซ้ำ
นั่นทำให้ทีมนักวิจัยและพัฒนาซอฟท์แวร์จาก 3 มหาวิทยาลัย คิดค้นระบบ AI ต้นแบบที่จะทำหน้าที่ในการตัดสินคดีความได้ โดยประกอบไปด้วยทีมนักวิจัยและพัฒนาจากมหาวิทยาลัย คอลเลจ ลอนดอน (University College London – UCL), มหาวิทยาลัยเชฟฟิลด์ (University of Sheffield) และมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย (University of Pennsylvania)
ซึ่งทีมนักวิจัยและพัฒนาเหล่านี้ได้เลือกใช้ข้อมูล กรณีศึกษาการตัดสินคดีความของศาลยูโรเปี้ยน (European Court) เกี่ยวกับคดีสิทธิมนุษยชน จากการทดสอบพบว่า หลังระบบทำการเรียนรู้ข้อมูลคดีความ ทำให้สามารถตัดสินคดีได้แม่นยำสูงถึง 79%
ทันทีที่ผลการศึกษาเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ ก็ได้รับการเตือนถึงความกังวลในการใช้ระบบ AI เข้ามาตัดสินคดีความ โดยทีมวิจัยและพัฒนาชี้ว่า คดีความต่างๆ ที่ผ่านมาใช้กระบวนการตัดสิน โดยอาศัยประสบการณ์และแนวความคิดของผู้พิพากษามาเป็นปัจจัยในการตัดสินโทษที่ควรจะได้รับ ขณะที่ระบบ AI นั้นไม่มีอคติ ซึ่งจะเป็นการโดยอาศัยหลักฐานและพยานมาวิเคราะห์
นักวิชาการหลายคนที่ยังกังวลชี้ว่า เมื่อระบบ AI เข้ามามีอำนาจในการตัดสินถูกผิด อาจจะนำมาซึ่งการเสียหายที่ใหญ่หลวงต่อชีวิตและสังคมของมนุษย์
โดยนักวิจัยและพัฒนาจากสถาบันเทคโนโลยีจอร์เจีย (Georgia Institute of Technology) แนะนำว่า ระบบ AI ที่ถูกนำมาทดลองการตัดสินคดีความนั้น จะต้องให้ระบบเรียนรู้เรื่องของจริยธรรมด้วย ซึ่งควรให้รับบทำการเรียนรู้เรื่องจริยธรรมเสมือนเด็ก
แม้ว่าผลการทดสอบจะได้ผลเป็นที่น่าพอใจ แต่ยังไม่มีการระบุว่าจะมีการนำระบบ AI เข้ามาใช้ในกระบวนการยุติธรรมหรือไม่อย่างไร
ที่มา : Newsweek