ช่วงที่ผ่านมามีการเปิดเผยข้อมูลต่างๆ ที่ชี้ให้เห็นถึงสภาพเศรษกิจของไทยที่มีแนวโน้มตกต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่หน่วยงานด้านเศรษฐกิจของภาครัฐออกมาส่งสัญญาณถึงการปรับลดตัวเลข GDP ลง ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยทั้งสงครามการค้าจีนกับสหรัฐฯ และค่าเงินบาทที่แข็งตัว ส่งผลให้ยอดตัวเลขรายได้จากการส่งออกลดลง แต่ดูเหมือนตลาดรถยนต์จะสวนทางกับทิศทางของเศรษฐกิจ
โดย มร.มิจิโนบุ ซึงาตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ชี้ว่า ปีนี้ยังคงเป็นปีที่น่าจับตามองอีกปีหนึ่ง ซึ่งการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ และกิจกรรมส่งเสริมการขายจากค่ายรถยนต์ต่างๆ มีส่วนสำคัญต่อการเติบโตของตลาดรถยนต์ในประเทศ โดยยอดขายรถยนต์ในครึ่งปีแรกของปี 2562 มียอดขายรถยนต์รวมทุกค่ายอยู่ที่ 523,770 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 7.1% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
TOYOTA ยังมองว่า ตลาดรถยนต์รวมในครึ่งปีแรกเติบโตมากกว่าที่เคยคาดไว้ เป็นผลมาจากภาพรวมเศรษฐกิจของไทยที่มีความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง แต่ในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาตลาดรถยนต์มีการปรับลดลง ซึ่งคาดว่าเกิดจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอน และอาจส่งผลกระทบต่อตลาดรถยนต์ในช่วงครึ่งปีหลัง อย่างไรก็ตาม TOYOTA ยังเชื่อมั่นว่า ตลาดรถยนต์รวมในประเทศจะยังคงสามารถเติบโตอยู่ในระดับ 1 ล้านคัน
สำหรับยอดขายโตโยต้าในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 171,502 คัน เพิ่มขึ้น 20.8% ครองส่วนแบ่งการตลาด 32.7% ซึ่งมีปัจจัยหลักมาจากการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมาจนถึงต้นปีนี้ อาทิเช่น The All-New Camry ซึ่งมาพร้อมกับสถาปัตยกรรมยานยนต์ใหม่ TNGA และเครื่องยนต์ Dynamic Force ที่ให้ประสิทธิภาพการขับขี่สูงสุดใน Hilux Revo Z Edition รวมไปถึงกิจกรรมส่งเสริมการขายของ Yaris และ ATIV
นอกจากนี้ TOYOTA ยังได้เปิดตัว “The All-New Commuter” โดยได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และมียอดจองมากกว่า 2,000 คัน จากที่ตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 800 คัน ซึ่งมากกว่าเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่เป้าหมายของ TOYOTA ในปีนี้ ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 330,000 คัน คาดว่าเพิ่มขึ้น 4.7% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ครองส่วนแบ่งตลาดอยุ่ที่ 33%
สำหรับการส่งออกในครึ่งปีแรก TOYOTA ได้ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปจำนวน 138,538 คัน ลดลง 5% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ในส่วนของเป้าหมายการส่งออกในปี 2562 นั้น เราคาดการณ์ว่าปริมาณการส่งออกของ TOYOTA ปรับตัวลดลง 8% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 270,000 คัน เผ้นผลมาจากความต้องการที่ลดลงในภูมิภาคอเมริกากลาง อเมริกาใต้ และโอเชียเนีย
นั่นหมายความว่า คนไทยยังมีเงินมากพอจะซื้อรถยนต์ใหม่ป้ายแดง แม้จะลดลงเล็กน้อยแต่ยังอยู่ในอัตราการขายรถยนต์ถึง 1 ล้านคัน หากมองตัวเลขจะเห็นว่าครึ่งปีหลังเป็นช่วงที่ผลกระทบต่างๆ ในช่วงครึ่งปีแรกเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบสงครามการค้า รวมไปถึงสภาวะเศรษฐกิจช่วงที่ผ่านมา ซึ่งต้องติดตามต่อไปว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นจะรุนแรงแค่ไหน