ทราบกันดีอยู่แล้วว่า Virtual reality หรือ VR เป็นเทคโนโลยีที่มีมานานแล้ว แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่แจ้งเกิดเต็มตัวเสียที ในขณะที่บรรดาบริษัทเทคโนโลยี VR ก็ตามล่าหาวิธี ที่จะขยายเทคโนโลยีนี้ให้มากขึ้น
ความนิยมอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนของ Eras Tour ของ Taylor Swift ได้สร้างแรงบันดาลใจให้แฟน ๆ ใช้ยอมจ่ายเงินหลายพันเหรียญเพื่อซื้อตั๋วคอนเสิร์ต ในขณะที่การเปิดตัวในโรงภาพยนตร์ก็ทําลายสถิติบ็อกซ์ออฟฟิศ ตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญบางคนในวงการ VR หวังว่า กระแสนี้อาจจะสร้างแรงบันดาลใจให้แฟน ๆ ของ Taylor ได้แก่ “Swifties” (ชื่อกลุ่มแฟนคลับ Taylor Swift) นําเทคโนโลยี Immersive มาใช้เพื่อสร้างความสมจริง
ทั้งนี้ การสร้างประสบการณ์ นอกเหนือจากที่สเตเดียมและบนจอภาพยนตร์ (แบบหลายประเทศทั่วโลก) Eras Tour ก็ยังถูกสตรีมบน Prime Video (ของ Amazon) ด้วย ซึ่งพบว่านอกจากจะสามารถสตรีมหนังมาดูผ่าน Prime Video’s VR บน Meta Quest ได้อีกด้วย นอกจากนี้ บน TikTok และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่นๆ วิดีโอของ Swifties ร้องเพลงขณะสวมชุดหูฟังได้กลายเป็นไวรัลที่คนแห่แชร์แห่ดูกันเป็นล้านๆ สิ่งนี้ทําให้คนในวงการไอที เกิดไอเดียว่าสามารถสร้างประสบการณ์การรับชมภาพยนตร์ของทัวร์ที่ทํารายได้สูงสุดในประวัติศาสตร์ดนตรี ผ่านประสบการณ์รูปแบบใหม่ที่เสมือนจริงได้
หลายคนอาจจะสงสัยว่า VR มีมานานแล้ว แต่ทำไมถึงยังไม่เข้าสู่กระแสหลัก ปัญหาส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่า ชุดหูฟัง VR เริ่มปรากฏขึ้นในร้านค้าในช่วงต้นยุค 90 แต่ความพยายามในช่วงต้นของผลิตภัณฑ์ในตลาดแมสค่อนข้างล้มเหลว โดยการสํารวจของ Deloitte ในปี 2022 พบว่าประมาณ 12% ของชาวอเมริกันและ 8% ของผู้ตอบแบบสอบถามในสหราชอาณาจักรเป็นเจ้าของชุดหูฟัง VR
เทคโนโลยีนี้ผู้บริโภคตอบรับกับสิ่งนี้ค่อนข้างช้า แต่ในขณะที่ต้นทุนการผลิตค่อนข้างสูง จนกระทั่งปี 2016 เมื่อ Oculus Rift ที่ได้มาโดย Facebook กลายเป็นผลิตภัณฑ์ VR ที่ใช้งานได้ในเชิงพาณิชย์เป็นครั้งแรก โดยวางจำหน่ายในราคา 600 ดอลลาร์ ทำให้ราคาของแว่น VR ลดลง ทั้งนี้ชุดหูฟังมิกซ์เรียลลิตี้ Meta Quest 3 ที่ลอนช์เมื่อตุลาคม 2023 มีราคาอยู่ที่ 499 ดอลลาร์ ส่วน Meta Quest 2 รุ่นก่อนมีจําหน่ายทั่วไปในราคา 249 ดอลลาร์ แต่ไม่ได้หมายความชุดหูฟังเสมือนจริงทุกตัวราคาถูกลง เพราะ Vision Pro ของ Apple ซึ่งเปิดตัวในเดือนกุมภาพันธ์ ราคาเริ่มต้นที่ 3,499 ดอลลาร์
โดยปกติแล้วราคาค่าบัตรคอนเสิร์ตมักจะถูกกว่าฮาร์ดแวร์บางรุ่นบางชนิดที่ออกมาใหม่ แต่สำหรับ Eras Tour กลับพลิกมุมมองใหม่ ราคาค่าตั๋วโดยเฉลี่ยสูงมากกว่า 3,800 ดอลลาร์ต่อใบ ทำให้คนในวงการ VR กล่าวว่ามีเหตุผลที่จะเชื่อว่าความนิยมที่ไม่เคยมีมาก่อนของ Taylor Swift อาจจะเป็นคําตอบในเรื่องอุปสรรคของทั้งเนื้อหาและต้นทุนก็ได้
“การซื้อชุดหูฟัง VR ในราคา 400 ดอลลาร์อาจฟังดูสูงเกินสมควร แต่ถ้าคุณคิดที่จะซื้อมันเป็นทางเลือกแทนการสัมผัสประสบการณ์คอนเสิร์ตของ Taylor Swift… 400 ดอลลาร์ฟังดูเป็นทางเลือกที่สมเหตุสมผล” Rolf Illenberger ซีอีโอ VRdirect กล่าว และบอกว่า สิ่งนี้อาจจะช่วยพัฒนาโครงสร้างประสบการณ์เวอชวลแบบใหม่ให้คุณได้ “จุดราคานี้สําหรับแฟนๆ Taylor Swift ไม่ใช่ข้อจำกัดในการชมซูเปอร์สตาร์ของพวกเขาแบบ วนซ้ำไปซ้ำมา เพื่อให้เกิดการดื่มด่ำกับประสบการณ์เสมือนจริง”
ปัจจุบันนี้ชุดหูฟัง VR ราคาไม่ได้แพงอย่างในอดีตแล้ว และหลายๆ คนในวงการไอที เชื่อว่าส่วนผสมหลักที่ขาดหายไปคือ ‘ซอฟต์แวร์’ หรือคอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก จึงมองว่านี่อาจจะเป็นแรงบันดาลใจให้คนทั่วไปซื้ออุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ใหม่
“Taylor Swift เป็น Killer app สําหรับโลก virtual reality” Tom Emrich ผู้เชี่ยวชาญด้าน VR และเขายังเป็น Swiftie อีกด้วย กล่าวและบอกว่า รู้สึกดีใจที่ได้เห็นความหลงใหลทั้งสองของเขามาพบกันบนโซเชียลมีเดียในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา “มันเป็นสัญญาณที่ยิ่งใหญ่ และตอกย้ําอีกครั้งว่า IP อันทรงพลังเป็นส่วนประกอบที่จําเป็นในการดึงดูดผู้คนให้มาที่อุปกรณ์ใหม่ล่าสุด”
ด้าน Emrich วัย 45 ปี ซึ่งทําหน้าที่เป็นผู้อํานวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์และแพลตฟอร์มความเป็นจริงเสริมของ Niantic Labs ในซานฟรานซิสโก ซึ่งเป็นบริษัทที่นํา Pokémon Go มาสู่โลก กล่าวว่า The Eras Tour Concert Film ถ่ายทําในรูปแบบ 2 มิติ ไม่ใช่ VR ด้วยกล้อง แทนที่จะให้แฟน ๆ ดื่มด่ำกับประสบการณ์คอนเสิร์ตที่ทําให้พวกเขารู้สึกเหมือนกําลังนั่งอยู่แถวหน้าเขากล่าวว่าประสบการณ์นี้เหมือนกับการดื่มด่ำที่โรงภาพยนตร์โดยมีหนังเรื่อง Eras Tour เล่นบนหน้าจอ
“นั่นเป็นเพียงประสบการณ์ระดับพื้นฐานที่คุณจะได้รับในความเป็นจริงเสมือน” พูดง่ายๆ ก็คือ หมายความว่าเนื้อหาจะดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อบันทึกเหตุการณ์โดยใช้เทคโนโลยีการถ่ายทํา 3 มิติ เช่น ประสบการณ์คอนเสิร์ต Megan Thee Stallion ปี 2023 หรืองาน Doja Cat ที่กําลังจะมีขึ้น ซึ่งออกแบบมาเพื่อให้แฟนๆ รู้สึกเหมือนกําลังยืนอยู่บนเวทีข้างศิลปินที่พวกเขาชื่นชอบ”
“เราตื่นเต้นมากที่ Swifties จะได้สัมผัสกับคอนเสิร์ตของ Taylor Swift ที่สร้างขึ้นสําหรับ VR” Emrich กล่าว เขาเสริมว่ายังไม่มีการยืนยันโครงการดังกล่าว ถึงอย่างนั้นเขายังคงมองโลกในแง่ดีว่า น่าจะมีโครงการหนึ่งเกิดขึ้น เนื่องจากแฟน ๆ ตื่นเต้นมากที่ได้ดูเวอร์ชัน 2D ใน VR
อุตสาหกรรมนี้เคยพยายามจุดประกายการยอมรับจํานวนมากผ่านความบันเทิงมาก่อน ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเป็นการแข่งขันกีฬาสดใน VR ได้รับความตื่นเต้นที่คล้ายคลึงกัน ตัวอย่างเช่น ในเดือนมีนาคม 2023 ESPN ได้แชร์วิดีโอ TikTok ของแฟน ๆ ที่เพลิดเพลินกับมุมมองข้างสนามของเกมสดของสมาคมบาสเกตบอลแห่งชาติ (NBA) จากห้องนั่งเล่นของพวกเขา แม้จะมีผู้เข้าชมมากกว่าสี่ล้านครั้งและไลค์มากกว่า 330,000 ครั้งบน TikTok อย่างเดียว แต่ก็ไม่ได้กระตุ้นให้แฟนกีฬายอมรับและโอบรับสู่กระแสแมสมากนัก
อย่างไรก็ตาม Illinberger ให้เหตุผลว่าคอนเสิร์ตเหมาะกับสื่อมากกว่า นั่นเป็นเพราะไม่เหมือนกับการแข่งขันกีฬาสด พวกเขาสามารถแก้ไขและสัมผัสกับ CGI หลังจากการถ่ายทําเพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ชม นอกจากนี้ การแข่งขันกีฬายังเต็มไปด้วยการหยุดและเริ่มในช่วงเวลาที่แฟน ๆ มักจะสนทนากันใช้อุปกรณ์อื่นกินและดื่ม หรือใช้เวลาเข้าห้องน้ำซึ่งไม่สะดวกเมื่อสวมชุดหูฟัง พูดง่ายๆ ว่า การชมคอนเสิร์ต ไม่เหมือนกับการชมกีฬาสด ซึ่งอาจจะไม่เหมาะที่จะใช้ VR ในการดูกีฬาก็ได้
คงต้องติดตามต่อไปว่า คอนเสิร์ตที่ประสบความสำเร็จ ไม่เฉพาะแต่ Eras Tour ของ Taylor Swift แต่อาจจะเป็นคอนเสิร์ตอื่นๆ ก็ได้ เช่น ‘Renaissance World Tour’ ของ Beyoncé ที่ประสบความสำเร็จมากไม่แพ้กัน อาจจะเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้เทคโนโลยี VR เข้าสู่กระแสแมสได้ในที่สุด.
Source: