ในยุคนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก Ransomware หรือการเรียกค่าไถ่ไฟล์ที่สำคัญ โดย Ransomware จะคล้ายๆ กับไฟล์โทรจัน (Trojan) ซึ่งมีที่มาจากตำนานกรีกในการส่งนักาบซ่อนตัวอยู่ในม้าโทรจันเพื่อลักลอบเข้าเมืองทรอย จนนำไปสู่การล่มสลายของเมืองทรอย เหล่า Hacker จะใช้รหัสที่สามารถฝังไว้ในเครื่องของเหยื่อที่ผูกไว้กับไฟล์โทรจัน เพื่อให้เป็นสะพานเชื่อมต่อกับเครื่องของ Hacker ได้โดยตรง
หลายคนที่ถูก Ransomware ส่วนใหญ่เป้าหมายคือการเข้าไปล็อคไฟล์สำคัญ ที่ Hacker คาดว่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องของชีวิตส่วนตัวและงานที่ทำอยู่ ซึ่งจะมีการเรียกเก็บเงินค่าไถ่เพื่อแลกกับการปลดล็อกไฟล์นั้นๆ โดยที่ผ่านมามีหลายบริษัทองค์กรจำนวนไม่น้อยที่ต้องสูญเสียเงินเป็นจำนวนมหาศาล หลังจากถูก Ransomware เล่นงาน บางคนถึงกับกล่าวว่า Ransomware ร้ายกาจกว่า Virus Computer
![defcon](https://cdn.marketingoops.com/wp-content/uploads/2019/08/206735287-e1565804942567.jpg)
ล่าสุดในงาน DEF CON Hacking Conference งานใหญ่ประจำปีที่รวมเหล่าจอมยุทธ์ เพื่อสร้างระบบความปลอดภัยที่ดีที่สุด ที่จัดขึ้นในเมืองลาสเวกัส โดยในงานดังกล่าวมีการระบุว่า Ransomware สามารถเข้าถึงกล้องดิจิตอลได้จากระยะไกล ซึ่ง Ransomware จะทำการนำไฟล์รูปทั้งหมดที่อยู่ในกล้องดิจิตอลเข้ารหัสล็อคไฟล์ไว้เพื่อทำการเรียกค่าไถ่ต่อไป
ทั้งหมดนั้นเกิดจากกล้องดิจิตอลในปัจจุบันที่มีฟังก์ชั่นการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง WiFi ซึ่ง Hacker เหล่านั้นจะทำการเชื่อมต่อระบบกับกล้องดิจิตอลผ่านทางการเชื่อมต่อไร้สาย แล้วทำการหลอกว่ามี Update Firmware ที่ต้องดาวน์โหลด เมื่อเจ้าของกล้องหลงเชื่อก็จะทำการ Update Firmware (ซึ่งจริงๆ แล้วไม่มี Firmware อะไรใหม่ทั้งสิ้น) Hacker ก็จะสามารถเข้าถึงไฟล์รูปทั้งหมดในกล้องได้ทันที โดยมีการยืนยันแล้วว่ากล้องที่มีปัญหาในเรื่องของ Ransomware มากที่สุดคือกล้อง Canon EOS 80D
![Canon DSLR](https://cdn.marketingoops.com/wp-content/uploads/2019/08/FQ6JveBEpF8KF2yN9jcgD3-1200-80-e1565805031577.jpg)
นอกจากนี้ยังมีการแนะนำว่า หากไม่มีการใช้ฟังก์ชั่น WiFi หรือ Bluetooth ควรปิดฟังก์ชันเหล่านั้นทิ้ง เพื่อป้องกันไม่ให้ Hacker เหล่านั้นลักลอบเชื่อมต่อสัญญาณ รวมไปถึงกล้องดิจิตอลขนาดเล็ก และอุปกรณ์อื่นๆ ที่มีฟังก์ชั่น WiFi
Source: ZDNet, Mashable, The Verge, engadget