Coco Chanel หรือชื่อเต็มคือ Gabrielle Bonheur Chanel ผู้ให้กำเนิดแบรนด์แฟชั่นแถวหน้าของโลก สตรีผู้ต่อต้านขนบธรรมเนียมประเพณีของสาวฝรั่งเศสในยุคก่อนได้อย่างละมุนละม่อม ด้วยการปฏิวัติโลกแฟชั่นของผู้หญิงไปตลอดกาล จนอาจกล่าวได้ว่าสิ่งที่เธอทำนั้นมัน เก๋ เท่ สวยสตรอง และทรนงที่สุดในประวัติศาสตร์แฟชั่น คำนิยามนี้เกินจริงไปหรือไม่ เราอยากให้ผู้อ่านเป็นผู้ตัดสินด้วยตัวเอง จากเรื่องราวของ Chanel ตำนานแบรนด์เนม 107 ปี ที่เราตั้งใจอยากบอกเล่า มาดำดิ่งกับโลกแฟชั่นที่อยู่เหนือกาลเวลาไปพร้อมๆกันเลย
1. Gabrielle Bonheur Chanel เติบโตมาในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า เพราะแม่ของเธอตายตั้งแต่เธออายุ 12 ปี ส่วนพ่อหายตัวไป และพออายุ 18 เธอก็ย้ายไปอยู่หอพักหญิงที่นับถือคริสต์นิกายคาทอลิคที่เป็นคอนแวนต์ในเมืองมูแลง และก็ที่นี่เองที่เธอได้เรียนการเย็บปักถักร้อยมา พร้อมกับร้องเพลงเพื่อหารายได้พิเศษ ชื่อ Coco Chanel ได้มาตอนนี้นี่แหละ เพราะเพลงที่เธอชอบร้อง “Ko Ko Ri Ko” กับ “Qui qu’a vu Coco”
2. จับพลัดจับผลูอย่างไรก็ไม่ทราบ ตอนอายุ 23 ปี เธอได้เป็นภรรยาลับๆของอดีตทหารม้าทายาทเศรษฐีอุตสาหกรรมสิ่งทอ “Etienne Balsan” เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ ชาแนล เริ่มออกแบบหมวก และไม่นานเธอก็เป็นช่างทำหมวกที่รับใบอนุญาตและเปิดร้านของตัวเองครั้งแรกเมื่อ ปี 1910 ที่ถนน Cambon กรุงปารีส โดยใช้ชื่อร้านว่า “Chanel Modes”
3. หมวกของ ชาแนล โด่งดังจากการที่นักแสดงสาว Gabrielle Dorziat ใส่หมวกชาแนลเข้าฉากในหนังสองเรื่องคือเรื่อง Bel Ami และ Les Modes
4. ในปี 1913 ชาแนล เปิด boutique ของตัวเองขึ้นแห่งแรกที่ Deauville โดยใช้ชื่อว่า CHANEL เธอดีไซน์เสื้อผ้าออกมาหลากหลายแบบทั้งชุดสำหรับเล่นกีฬา ชุดทำงาน และชุดลำลอง เสื้อผ้าของเธอมีดีไซน์ที่แปลกตาแต่กลับเรียบหรูดูดีอย่างไม่น่าเชื่อ รวมทั้งหมวก กระเป๋า เครื่องประดับ ผ้าพันคอ รวมถึงน้ำหอม
5. ชาแนลเปิด Boutique เพิ่มอีก 2 แห่งในปี 1915 และ 1918 ตามลำดับ ที่ Biarritz, France และ 31 rue Cambon in Paris
6. ชาแนล เป็นผู้หญิงที่มีความมั่นใจ เป็นตัวของตัวเอง และมีทัศนคติความคิดแบบหัวสมัยใหม่ ทำให้เธอเป็นคนมีเสน่ห์ บรรดาชายผู้สูงศักดิ์และร่ำรวยหลายคนหลงใหลเธอ และการได้เป็นคนถูกใจของ Grand Duke Dimitri แห่งรัสเซีย เป็นโอกาสอันนำไปสู่การเปิดตัวน้ำหอม Chanel No.5 ในปี 1921
7. Chanel N°5 เป็นน้ำหอมตัวแรกของโลกที่ตั้งชื่อตามเจ้าของแบรนด์ เป็นผลงานแถวหน้าของ ชาแนล ที่เป็นอมตะและคลาสสิคในทุกยุคสมัย ช่วงเริ่มโปรโมท Chanel No.5 ถูกวาง position ไว้ว่า “A very improper perfume for nicely brought up ladies” น้ำหอมของเธอได้รับความนิยมอย่างมากในแวดวงไฮโซและคนสูงศักดิ์ทั้งในปารีสและลอนดอน และเป็นหนึ่งในผลงานที่ทำให้แบรนด์ Chanel ติดหูและเป็นที่รู้จักเป็นวงกว้างไปทั่วทั้งยุโรปและอเมริกา จวบจบวันนี้ Chanel No.5 ยังคงเป็นน้ำหอมแถวหน้าของโลกที่ติด ranking เสมอ หากมีการจัดอันดับ
8. CHANEL N°22 น้ำหอมรุ่นที่สองออกตามมาติดๆในปี 1922
9. ครั้งแรกกับเครื่องสำอางที่ออกมาอย่างเป็นทางการเมื่อ ปี 1924 เป็น the first makeup collection ที่ประกอบด้วย ลิปสติก และ แป้งฝุ่น
10. GARDÉNIA น้ำหอมรุ่นที่สามจาก ชาแนล ออกมาในปี 1925 ตามมาติดๆด้วยรุ่น BOIS DES ILES ในปี 1926
11. ชาแนลเปลี่ยนทัศนติของผู้หญิงเกี่ยวกับรูปร่างของตัวเองไปตลอดกาล ด้วยความที่เธอเป็นผู้หญิงที่มีรูปร่างเหมือนผู้ชาย ไม่ได้ตัวใหญ่กำยำ แต่เธอเป็นคนผอมและไม่มีส่วนโค้งเว้า และเธอเชื่อว่าเราควรใส่เสื้อผ้าให้เหมาะสมกับสรีระตัวเอง
ในสมัยนั้นแฟชั่นที่ได้รับความนิยมของผู้หญิงคือชุดรัดเอวคลอเซ็ท และกระโปรงบานสุ่ม จะทำให้ผู้สวมใส่มีทรวดทรงองเอว แลดู feminine อย่างมากในยุคนั้น แต่ไม่ใช่ว่าผู้หญิงทุกคนจะมีเรือนร่างที่เอื้ออำนวย แถมชุดแบบนั้นค่อนข้างทรมานไม่น้อยเลยทีเดียว
เธอจึงดีไซน์เสื้อผ้าที่สวมใส่สบายดูเท่ เก๋ และมีสไตล์ และเน้นไปที่สีขาวดำเทา ส่วนหนึ่งเชื่อว่าน่าจะ inspire มาจากเครื่องแต่งกายแม่ชีสมัยเธออยู่บ้านเด็กกำพร้า ที่ดูเรียบง่ายและสง่างาม
12. ในปี 1926 ชาแนลแนะนำผู้หญิงให้ได้รู้จักกับ “Little Black Dress” เดรสยาวทรงตรงประเข่าที่เผยให้เห็นข้อเท้าของผู้หญิงเป็นครั้งแรก เป็น iconic style ที่ดีไซน์มาเพื่อเปลี่ยนผ่านยุคแฟชั่นของผู้หญิงไปตลอดกาล ซึ่งนิตยสาร Vogue อเมริกันยกย่องให้ Little Black Dress ของชาแนลด้วยประโยคที่ว่า “the CHANEL ‘Ford’ dress, the frock that all the world will wear.”
13. ผ้า 2 ชนิดที่ ชาแนล นำมาตัดเสื้อผ้าและดีไซน์จนได้แบบที่โดดเด่นไม่เหมือนใครคือผ้า Jersey และ Tricot
14. ปี 1927 ชาแนลออกน้ำหอมรุ่นที่ 5 “CUIR DE RUSSIE” ดีไซเนอร์น้ำหอมรุ่นนี้คือ Ernest Beaux ชาวรัสเซียผู้เป็นหนึ่งในผู้ร่วมออกแบบ Chanel N°5 โดยน้ำหอมรุ่นนี้รังสรรค์ขึ้นด้วยแรงบาลดาลใจจากเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของรัสเซีย
15. ปี 1927 สกินแคร์ไลน์แรกจากชาแนลถูกรังสรรค์ขึ้นด้วยความเชื่อที่ว่า “luxury begins with perfect skin”
16. “Bijoux de Diamants,” คอเลคชั่นเครื่องประดับจากชาแนลที่ออกมาให้ได้ยลโฉมเมื่อปี 1932
17. ปี 1935 ถูกยกให้เป็น Peak of fame ของ Coco Chanel เพราะเธอมีลูกจ้างกว่า 4,000 คน พร้อมทั้งยังเป็นเจ้าของ boutique อีก 5 แห่ง
18. สงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้ boutique ของเธอปิดตัวลงไป 4 แห่ง เหลือที่ Cambon ที่ยังคงเปิดดำเนินการอยู่ ในภาพคือทหารอเมริกันที่มาซื้อน้ำหอม Chanel N°5
19. หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลง 10 ปีต่อมา Coco Chanel กลับมาอีกครั้งในวัย 71 ปี ด้วยการเปิด Couture House เธอมาพร้อมแรงบันดาลใจที่จะปฏิวัตโลกแฟชั่นเป็นครั้งที่สองด้วยผลงานใหม่ล่าสุดและเป็นออริจินัลของเธอ
20. แล้วปี 1955 เราก็ได้ยลโฉมน้ำหอมผู้ชายรุ่นแรกของชาแนล “POUR MONSIEUR” สร้างสรรค์โดย Henri Robert
21. และเมื่อ กุมภาพันธ์ 1955 ชาแนลได้ออก “The 2.55 bag” กระเป๋าถือลายบุข้าวหลามตัดตัดเย็บด้วยหนังสีดำ พร้อมด้วยอะไหล่และโซ่สีทอง ที่เป็น style iconic ของชาแนลมาตลอดกาล ด้วยดีไซน์ของกระเป๋าสะพายไหล่ที่น้ำหนักเบาแต่แข็งแรง ง่ายต่อเปิดปิดใช้งาน และพกพา “2.55” จึงได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว
22. Two-Tone sling-back shoe รองเท้าที่ชาแนลออกแบบขึ้นในปี 1957 เป็นต้นแบบของความยูนีคของรองเท้าสตรีเพราะเป็นรองเท้าคัทชูแบบส้นแบน แต่เก๋ ดูมีสไตล์และเข้ากับเสื้อผ้าได้ง่าย บริเวณหัวรองเท้าเป็นดีไซน์หัวแหลมสีตัดกับตัวบอดี้
23. ปี 1970 ชาแนลออกน้ำหอมรุ่น N°19
24. Coco Chanel หรือ Gabrielle Bonheur Chanel เสียชีวิตวันที่ 10 มกราคม 1971 เธอจากไปในวัย 87 ปี และเป็นช่วงที่เธอกำลังออกแบบงานคอลเลคชั่นฤดูใบไม้ผลิของปีนั้นอยู่พอดี
25. การมาของ Ready-to-Ware Collection ในปี 1978 จาก The House of CHANEL ทำให้ทั่วโลกได้รู้จักกับชาแนลมากขึ้น
26. ปี 1983 Karl Lagerfeld ได้รับตำแหน่งเป็น Artistic Director ของชาแนล และเป็นดีไซเนอร์ให้ Ready-to-Wear, Accessory collections และ Haute Coutureทั้งหมด
27. PREMIÈRE นาฬิการุ่นแรกจากชาแนล ดีไซน์โดย Jacques Helleu ที่ออกมาเมื่อปี 1987 โดยได้รับแรงบัลดาลใจมาจาก Place Vendôme และรูปทรงขวด Chanel N°5
28. CHANEL ALLURE ปฐมบทแห่งความสดชื่นของน้ำหอมสำหรับผู้หญิงจากชาแนล ด้วยกลิ่นหอมละมุนอ่อนๆ ออกมาเมื่อปี 1996 พร้อมกับ ALLURE HOMME สำหรับผู้ชาย
29. “J12” sport watch ไลน์แรกจากชาแนล ที่ดีไซน์ออกมาให้เหมาะกับทั้งชายและหญิง ในปี 2000
30. Coco Mademoiselle น้ำหอมที่ขับพลังความเป็น feminine ของผู้หญิงให้เซ็กซี่ มั่นใจ และสง่างามไปในคราเดียวกัน ผ่านกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ โดยได้รับแรงบันดาลใจมากจาก Coco Chanel ออกมาเมื่อปี 2002
httpv://youtu.be/aRV-2_Un-kk
31. ปี 2007 ชาแนลออกคอลเลคชั่นน้ำหอม “LES EXCLUSIFS DE CHANEL” เป็นคอลเลคชั่นหายากที่มีขายเฉพาะใน boutique เท่านั้น
32. ปี 2011 Culture Chanel ถูกจัดแสดงอยู่ใน The Museum of Contemporary Art (MOCA) ที่เซี่ยงไฮ้ และอีกที่ในปักกิ่ง The National Art Museum of China (NAMOC)
33. ชาแนลเฉลิมฉลอง the iconic jacket ของตัวเองในปี 2012 ด้วยการจัดนิทรรศการภาพถ่าย และจัดทำ Photo books ภายใต้ชื่อ “THE LITTLE BLACK JACKET: CHANEL’S CLASSIC REVISITED BY CARL LAGERFELD AND CARINE ROITFELD”
httpv://youtu.be/g1nq9qa_U-4
34. N°5 Culture Chanel Exibition 2013 นิทรรศการที่จัดแสดงขึ้นเพื่อถ่ายทอดความสัมพันธ์อันยาวนานระหว่าง Chanel และ งานศิลปะ โดยชูความเป็น iconic เหนือกาลเวลาของน้ำหอม Chanel N°5
35. Classic Chanel Suit 1965
Source: Chanel.com
Source: Wikipedia
Source: “Coco Chanel เฟมินิสต์ผู้ไม่ยอมก้มหัวให้โชคชะตา” โดย จรินพร สนิทวงศ์ ณ อยุธยา