ถึงตอนนี้ ใครยังคิดว่าธุรกิจหรือแบรนด์ของตัวเองไม่มีความเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคดิจิทัล หรือ Digital Transformation (ดิจิทัล ทรานฟอร์มเมชั่น) อีกบ้าง? ไม่ว่าคุณจะอยู่ในช่วงเริ่มทำความเข้าใจ หรือกำลังมองหาจุดเริ่มต้นเพื่อก้าวสู่เทคโนโลยีขั้นต่อไป เราขอทำหน้าที่อธิบายเพื่อให้คุณเข้าใกล้เทคโนโลยีมากขึ้นอีกนิด และเข้าใจว่าเทคโนโลยีนั้นช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจได้อย่างไร…?
เริ่มต้นให้เข้าใจง่ายที่สุด ก็คือ…ทุกธุรกิจสามารถเติบโตในยุค Digital Transformation จากการใช้ประโยชน์ของเทคโนโลยี เพื่อเข้าถึงข้อมูล เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงแบรนด์ต่างๆ ได้อย่างเสรี แต่จากอิสระในการใช้และเข้าถึงเทคโนโลยีนี้ยังมีเงื่อนไขบางประการ คือ ภาคธุรกิจต้องพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้อย่างทันท่วงที ซึ่งเทคโนโลยีที่จะสามารถเสริมสร้างศักยภาพให้ธุรกิจได้นั้น จำเป็นต้องมีข้อมูลประกอบการวิเคราะห์เพื่อตอบคำถามให้ธุรกิจได้อย่างสมบูรณ์
ข้อมูล…สร้างประโยชน์ได้มากกว่าที่เคย
แม้ว่ายุคแห่งการเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยีนี้ จะทำให้เกิดบรรทัดฐานใหม่สำหรับภาคธุรกิจทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ อุตสาหกรรมทุกประเภทล้วนได้รับผลกระทบ เนื่องจากทั้งแบรนด์และผู้บริโภคต่างมีโอกาสเข้าถึงข้อมูลระหว่างกันได้โดยอิสระ ทำให้แบรนด์จำเป็นต้องรับฟังผู้บริโภคมากขึ้น ส่วนนี้เองที่ทำให้ข้อมูลมีความสำคัญมากกว่าที่เคย! วิธีการใหม่ๆ ถูกสร้างสรรค์เพื่อสร้างผลลัพธ์ให้เป็นที่พึงพอใจ ดังนั้น ความท้าทายที่ภาคธุรกิจต้องพบอย่างเลี่ยงไม่ได้ ก็คือ การวิเคราะห์ข้อมูล การจัดการ และการประยุกต์ใช้ แต่เพียงเท่านั้นยังไม่พอ! เพราะโอกาสที่คุณจะใช้ประโยชน์จากข้อมูลทางธุรกิจเพื่อสร้างกลยุทธ์หรือรักษาฐานลูกค้าเอาไว้ ก็คือ “กลยุทธ์การเลือกทำเลที่ตั้ง” (Location Strategy) ซึ่งมีหน้าที่อธิบายสภาพแวดล้อมที่เกิดขึ้นให้เป็นข้อมูลเชิงลึกทางธุรกิจที่คุณไม่เคยเข้าถึง
ทำไมต้องกลยุทธ์ “Location Strategy”
หลายคนอาจสงสัยว่ากลยุทธ์การเลือกทำเลที่ตั้งนั้นจำเป็นอย่างไร คำตอบคือ…การนำข้อมูลตำแหน่งที่ตั้งมาเป็นเครื่องมือในการบูรณาการและวิเคราะห์เพื่อประโยชน์ทางธุรกิจ ภายใต้แนวคิดที่มีหลักการอย่างชัดเจนเพื่อความเข้าใจในข้อมูลซึ่งเป็นประโยชน์แก่ธุรกิจและผู้บริโภค ทั้งยังทำให้องค์กรสามารถกำหนดและวางชั้นข้อมูลที่แตกต่างกันเพื่อค้นหาข้อมูลที่ซ่อนอยู่ ไม่ว่าจะตัวยอดขาย การร้องเรียนของลูกค้า สัญญาเช่า และบัญชีสินค้า แต่ภาคธุรกิจสามารถทำความเข้าใจและวิเคราะห์ข้อมูลของตนเอง สู่ความพึงพอใจแก่ลูกค้า การกำหนดกลยุทธ์เหนือคู่แข่งขัน หรือแม้แต่วิธีการเพิ่มกำไร
เมื่อเราเริ่มวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ปัจจัยด้านทำเลที่ตั้งเป็นหลักและนำมาจับคู่อย่างเหมาะสม อาจทำให้ข้อมูลที่ดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องกันนั้นมีน้ำหนักมากขึ้นจากหลักฐานสนับสนุนนั่นเอง เช่น การใช้ข้อมูลเรื่องสภาวะอากาศและข้อมูลยอดขาย มาวิเคราะห์ร่วมกันเพื่อเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมไปจำหน่ายที่ร้านค้าหรือตลาดในพื้นที่นั้นๆ ถือเป็นการใช้ข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจและขับเคลื่อนองค์กรไปพร้อมกัน
อย่างไรก็ตาม ข้อดีของการใช้ข้อมูลทำเลที่ตั้งนั้น สามารถทำได้ตั้งแต่การสร้างและวิเคราะห์แผนที่แบบง่ายจนถึงการเจาะลึกผ่าน Big Data และป้อนข้อมูลแบบ Real time เพื่อทำให้สามารถประเมินความสำคัญของแต่ละปัญหาที่เกิดขึ้นหรือช่วยจัดการธุรกิจให้เป็นระบบได้พร้อมกัน ยกตัวอย่าง…บริษัท U.S. Cellular ผู้ให้บริการระบบไร้สายครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ซึ่งประยุกต์ใช้หลักการดังกล่าวเพื่อเลือกสถานที่ตั้งร้านค้าปลีกตามรูปแบบการจับจ่ายของผู้บริโภค คู่แข่ง และข้อมูลทางการตลาด โดยนำข้อมูลเหล่านี้มาช่วยในการวิเคราะห์หาพื้นที่ที่บริษัทจะได้เปรียบคู่แข่งและมีโอกาสทำยอดขายได้สูงสุด ถือเป็นการสร้างรูปแบบใหม่ในการแข่งขันทางธุรกิจโดยอาศัยข้อมูลที่มีอยู่ในการตัดสินใจ (Business Intelligence)
เพิ่มศักยภาพของธุรกิจด้วยปลดล็อกข้อมูล
คุณรู้หรือไม่? การเรียกดูข้อมูลแบบ Real time ถือเป็นมิติใหม่ที่สามารถสร้างความแตกต่างจากธุรกิจแบบเดิมๆ ได้โดยสิ้นเชิง จากการใช้กลยุทธ์ทำเลที่ตั้ง องค์กรสามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากทั้งลูกค้าและปัจจัยภายนอกได้ทันท่วงที ทั้งนี้…เมื่อมีการนำข้อมูลธุรกิจผนวกเข้ากับข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้ อาทิ สำนักงานสำมะโนประชากร อาจทำให้เราสามารถคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในตลาดทั้งระดับท้องถิ่นและภาพรวมตลาดขนาดใหญ่
จากข้อมูลของบริษัท Planet Fitness of Maryland ซึ่งเริ่มการวิเคราะห์ทำเลที่ตั้งและฐานที่อยู่ของสมาชิกประจำ โดยให้รหัสสีที่อยู่ของสมาชิกฟิตเนสตามลำดับการเข้าร่วม ก็ทำให้เราเห็นรูปแบบทางภูมิศาสตร์ที่แสดงโอกาสทางการตลาดของบริษัทในการขยายธุรกิจไปยังพื้นที่ที่เหมาะสมเพื่อรองรับการขยายตัวของสมาชิก ถือเป็นการยืนยันประโยชน์จากการใช้ข้อมูลเชิงลึกจากการสร้างแผนที่เสมือนจริง
ทั้งนี้ ความสำคัญของการผนวกข้อมูล Big Data เข้ากับการวิเคราะห์แบบ Real time จนนำมาสู่กลยุทธ์การเลือกทำเลที่ตั้ง จะช่วยให้องค์กรตลอดจนบุคลากรสามารถเห็นแนวทางการบริหารจัดการและหาคำตอบสนับสนุนการตัดสินใจในทุกๆ วัน รวมถึงสามารถปรับและพัฒนากลยุทธ์เพื่อช่วยให้ตัดสินใจได้ดีและรวดเร็วขึ้นจากการวิเคราะห์ผลกระทบที่มีต่อธุรกิจ สามารถเข้าใจการบริหารจัดการงานในปัจจุบัน ทั้งยังช่วยให้ผู้บริหารสามารถลดความกังวลที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต จากการเข้าถึงข้อมูลและวางแผนอนาคตทางธุรกิจอีกด้วย
อย่าปล่อยให้คำว่า Digital Transformation นำคุณเข้าสู่ยุคที่ผู้บริโภคเป็นตัวแปรสำคัญ เพราะกลยุทธ์การเลือกทำเลที่ตั้งก็มีอำนาจ…ช่วยคุณกำหนดทิศทางธุรกิจให้กลับมาสู่ผู้ประกอบการได้อีกครั้ง แต่หากว่าต้องการพึ่งพาเทคโนโลยีจากผู้ให้บริการตัวจริงที่มีความเชี่ยวชาญ ก็สามารถศึกษาและติดตามเทคโนโลยี Location Strategy หรือ หากสนใจเข้าร่วมงานสัมมนาด้านระบบภูมิสารสนเทศ ครั้งที่ 22 (TUC 2017) สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก www.esrith.com หรือ www.facebook.com/ESRITHAILAND เปิดมุมมองใหม่ทางธุรกิจด้วยระบบการวิเคราะห์ข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ