ในโลกธุรกิจที่หมุนเร็ว การที่บริษัทจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำและสร้างมูลค่ามหาศาลให้กับบริษัทไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ NVIDIA ภายใต้การนำของซีอีโออย่าง Jensen Huang (หวง เหรินซวิน หรือ เจ็นเซิน หวง) ทำได้ด้วยมูลค่าตลาดที่พุ่งทะยานสู่ 4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคมที่ผ่านมา กลายเป็นบริษัทแรกในประวัติศาสตร์โลกที่ทำได้
ถามว่าเรื่องนี้น่าตื่นเต้นแค่ไหน ก็ลองนึกดูว่า NVIDIA ใช้เวลาเพียงแค่ปีเศษเท่านั้นในการเพิ่มมูลค่าจาก 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐไปสู่เกือบ 4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่รวดเร็วจน Apple และ Microsoft ยังตามไม่ทันโดยราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นกว่า 2.4% สู่ 164 ดอลลาร์สหรัฐ
แล้วอะไรคือเคล็ดลับเบื้องหลังความสำเร็จที่ไม่ธรรมดานี้ นอกจากวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลและกลยุทธ์ทางธุรกิจที่เฉียบคมแล้ว สไตล์การทำงานและวิธีคิดของ Jensen Huang เองก็เป็นส่วนสำคัญที่ผลักดันให้ NVIDIA ก้าวมาถึงจุดนี้ได้
ดังนั้นบทความนี้ Marketing Oops! จะพาไปเจาะลึก “5 เคล็ดลับการทำงานสไตล์ Jensen Huang” ที่น่าสนใจและน่าเรียนรู้กันว่ามีอะไรกันบ้าง
1. มองการไกลและกล้าเดิมพัน (Visionary & Bold Bets)
Jensen Huang ไม่ใช่แค่ซีอีโอที่มีความสามารถในการบริหารเท่านั้น แต่เค้าคือ “นักพนันที่เฉียบคมในวงการธุรกิจ” เป็นคนที่มีความสามารถพิเศษในการ “มองทะลุอนาคต” กล้าที่จะวางเดิมพันครั้งใหญ่กับสิ่งที่กำลังจะมาถึงตั้งแต่ยังไม่มีใครเห็นภาพชัดเจน
เรื่องราวก็อย่างที่รู้กันว่า NVIDIA ก่อตั้งขึ้นในปี 1993 โดยเน้นที่ GPU (Graphics Processing Unit) สำหรับวิดีโอเกม แต่ Huang มองเห็นว่า GPU เหล่านี้มีศักยภาพมหาศาลในการประมวลผลแบบขนาน ซึ่งเหมาะกับการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (AI) จึงเริ่มเบนเข็มจากตลาดเกมมาลุยตลาด AI อย่างเต็มตัว นี่คือการเดิมพันครั้งใหญ่ที่เปลี่ยนเกมและผลักดันให้ NVIDIA สู่การเป็นผู้นำด้าน AI ฮาร์ดแวร์ในวันนี้
Jensen Huang ได้กล่าวถึงการพลิกธุรกิจเอาไว้ว่า “นี่คือการพลิกโฉมครั้งใหญ่สำหรับบริษัทของเรา” และ “โฟกัสของบริษัทถูกเปลี่ยนไปจากธุรกิจหลักแล้ว”
“หน้าที่ของซีอีโอทุกคนคือการมองไปรอบๆ เพื่อมองหาโอกาสที่ซ่อนอยู่ คุณต้องเป็นคนที่เชื่อว่าบริษัทสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่บริษัทเชื่อว่าตัวเองทำได้” Jensen Huang ระบุ
2. อีเมล์ T5T เทคนิคดักจับสัญญาณในองค์กร
Jensen Huang มีสไตล์การสื่อสารที่แตกต่างจากซีอีโอทั่วไปอย่างสิ้นเชิง และเคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่าเค้าไม่ชอบข้อมูลที่ผ่านการสรุปหรือปรุงแต่ง แต่ต้องการ “ความจริง” และ “ข้อมูลดิบ” จากหน้างานจริงๆ
นั่นทำให้เกิดระบบอีเมลที่เรียกว่า “T5T” (Top 5 Things) คือพนักงาน NVIDIA กว่า 30,000 คน ไม่ว่าจะตำแหน่งไหน ต้องส่งอีเมลสั้นๆ ที่บอก 5 เรื่องสำคัญที่กำลังทำ คิด หรือสังเกตเห็นในส่วนงานของตัวเอง ซึ่ง Jensen Huang ก็อ่านอีเมลเหล่านี้ทั้งหมด ทุกวัน!
เค้าบอกว่า “ถ้าคุณส่งมา ผมจะอ่านมัน” และ “มันง่ายที่จะรับรู้สัญญาณที่แรง แต่ผมต้องการที่จะดักจับสัญญาณเหล่านั้นตั้งแต่ตอนที่มันยังแผ่วเบาอยู่” สิ่งนี้ทำให้ผู้นำที่อาจอยู่ห่างไกลกับพนักงานระดับปฏิบัติการมากๆสามารถจับสัญญาณเล็กๆ ปัญหาเล็กๆ หรือแม้แต่เทรนด์ใหม่ๆ ได้ก่อนใคร
นอกจากนี้ เค้าไม่ชอบเก็บตัวอยู่ในห้องทำงานส่วนตัว แต่เลือกที่จะทำงานจากห้องประชุม และมักจะใช้ไวท์บอร์ดในการคิดวิเคราะห์ นี่แสดงให้เห็นถึงการเปิดกว้างและพร้อมที่จะทำงานร่วมกับผู้อื่นเสมอ และที่สำคัญ เค้าไม่เชื่อในรายงานรูปแบบเดิมๆ เพราะเค้ามองว่า มันเป็นแค่ข้อมูลที่ถูกกรองมาแล้ว กว่าจะมาถึงมือเค้ามันก็แทบจะไม่ได้ให้ข้อมูลอะไร
ดังนั้นเค้าจึงต้องการข้อมูลที่สดใหม่และมาจากแหล่งที่ใกล้เคียงกับเหตุการณ์จริงมากที่สุด เพื่อการตัดสินใจที่รวดเร็วและแม่นยำนั่นเอง
3. ทุ่มเทและเสียสละ Work-Life Balance ไม่มีอยู่จริง
Jensen Huang เป็นคนที่บ้างานมากๆ และยอมเสียสละเพื่อเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ของบริษัท เค้าเชื่อว่าความสำเร็จที่แท้จริงไม่ได้มาจากการทำงานที่สบายหรือมีความสุขตลอดเวลา
เค้าเคยพูดเอาไว้ว่า “ผมทำงานตั้งแต่วินาทีที่ตื่นนอนจนถึงวินาทีที่เข้านอน และผมทำงาน 7 วันต่อสัปดาห์ ตอนที่ผมไม่ได้ทำงาน ผมก็กำลังคิดถึงเรื่องงานอยู่”
พูดง่ายๆว่าชีวิตของ Jensen Huang ไม่มีเส้นแบ่งที่ชัดเจนระหว่างชีวิตการทำงานกับชีวิตส่วนตัวเลย ความหลงใหลในบริษัทและภารกิจแทรกซึมอยู่ในทุกช่วงเวลาที่กำลังลืมตาตื่น
เค้าท้าทายความเชื่อที่ว่างานที่ดีที่สุดคือสิ่งที่นำมาซึ่งความสุขตลอดเวลา “เมื่อคุณต้องการสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ มันไม่ใช่เรื่องง่าย และเมื่อคุณกำลังทำสิ่งที่ไม่ง่าย คุณก็ไม่ได้สนุกกับมันเสมอไปหรอก” และว่า “ผมไม่ได้รักทุกวันของการทำงาน ไม่ใช่ทุกวันที่จะนำความสุขมาให้ผม แต่ผมรักบริษัททุกวินาที” Jensen Huang กล่าว
ที่สำคัญก็คือ Jensen Huang เชื่อว่าแนวคิดเรื่อง “Work-Life Balance” แทบจะไม่มีอยู่จริง สำหรับคนที่ต้องการสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ความสำเร็จต้องอาศัยความทุ่มเทอย่างเต็มที่ให้กับสิ่งที่ทำ และเค้ายังจำประสบการณ์ที่บริษัทเกือบจะล้มละลายได้ทั้งหมด
Jensen Huang เชื่อว่าคู่แข่งที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่บริษัทอื่น แต่คือ “ความพอใจในตัวเอง” การหยุดนิ่งและพอใจกับสิ่งที่มีอยู่ นี่คือเหตุผลที่ทำให้เค้ายังคงทำงานหนักแบบไม่หยุด
4. มาตรฐานสูงและเน้นการสร้างผลงาน
Jensen Huang มีสไตล์การเป็นผู้นำที่มีความคาดหวังสูงมากๆ และเน้นที่ผลลัพธ์ที่จับต้องได้ โดยจะเน้นลดขั้นตอนบริหารจัดการโดยมีผู้บริหารระดับสูงที่รายงานตรงมากถึง 50 คน ซึ่งมากกว่าซีอีโอของบริษัทส่วนใหญ่ในโลกนี้ เพื่อให้การตัดสินใจรวดเร็วขึ้น
Jensen Huang คาดหวังให้ผู้บริหารทุกคนทำงานด้วยตัวเองให้มากที่สุด ไม่ต้องรอให้ใครมาจูงมือทำ ซึ่งเป็นการส่งเสริมให้เกิดความรับผิดชอบและประสิทธิภาพในการทำงาน
ที่สำคัญคือ แทนที่จะพูดถึงตัวเองหรือความสำเร็จส่วนตัว Huang กลับชอบที่จะพูดถึงผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยมและให้เครดิตทีมงานที่สร้างสรรค์สิ่งเหล่านั้นขึ้นมามากกว่า ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญกับผลงานและความร่วมมือของทีม
5. นำบริษัทสู่รากฐานอุตสาหกรรม
ความสำเร็จของ NVIDIA ไม่ได้มาจากแค่เทคโนโลยี แต่มาจากการสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งและยึดมั่นในหลักการที่ถูกต้อง
NVIDIA ไม่ได้ขายแค่ชิปแต่ยังลงทุนและร่วมมือกับบริษัทต่างๆ ในวงการ AI เพื่อเร่งการเติบโตและทำให้เทคโนโลยี AI เข้าถึงผู้บริโภคและธุรกิจได้เร็วขึ้น ซึ่งรวมถึงการสร้างพันธมิตรกับผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ สิ่งนี้ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับตำแหน่งของ NVIDIA ในตลาด เรียกว่า NVIDIA ไม่ได้เป็นแค่ผู้ผลิตชิป แต่เป็น “ผู้สร้างรากฐาน” ให้กับอุตสาหกรรม AI ทั้งหมดก็ว่าได้
และภายใต้การนำของ Jensen Huang ทำให้ NVIDIA ดำเนินธุรกิจด้วยมาตรฐานการกำกับดูแลกิจการที่สูงมากๆ ซึ่งสร้างความไว้วางใจจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและเสริมสร้างชื่อเสียงของบริษัทให้แข็งแกร่งขึ้นไปอีก
บทเรียนจาก Jensen Huang และ NVIDIA แสดงให้เห็นว่าความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ไม่ใช่อยู่ดีๆจะเกิดขึ้นได้ แต่มันมาจากวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน ความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง การลงทุนในนวัตกรรมใหม่ๆ ตลอดเวลา และเหนือสิ่งอื่นใดคือความเป็นผู้นำที่เด็ดเดี่ยว พร้อมลุยเป็นอีกตัวอย่างที่ผู้บริหารรุ่นใหม่ควรเอาไปปรับใช้ เพื่อพาองค์กรของคุณให้เติบโตในยุคที่ AI เข้ามามีบทบาทมากๆอย่างทุกวันนี้
ที่มา: Economic Times, The Guardian, LinkedIn, Entrepreneur