กิฟฟารีน เปิดตัว Giffarine AI Coach โค้ชเอไอสอน Live ขายของออนไลน์แบบ Personalize ครั้งแรกในอุตสาหกรรม MLM

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

 

ในยุคที่ทุกธุรกิจต้องเผชิญกับความท้าทายจากเทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ธุรกิจขายตรงหรือ MLM (Multi-Level Marketing) เองก็ต้องปรับตัวครั้งใหญ่เช่นกันหนึ่งในนั้นก็คือ กิฟฟารีน แบรนด์ขายตรงสัญชาติไทยที่อยู่มานานกว่า 29 ปี ก็เริ่มนำ AI มาเป็นเครื่องมือขับเคลื่อนธุรกิจด้วยเช่นกัน

เทคโนโลยี AI ที่ว่านั้นก็คือแอปพลิเคชัน “Giffarine AI Coach” ที่กิฟฟารีนจะนำมาใช้เป็น AI Agent ทำหน้าที่เป็น “โค้ชส่วนตัว” ที่จะมาช่วยนักธุรกิจสร้างสคริปต์สำหรับทำไลฟ์ขายของออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้นักธุรกิจกิฟฟารีน ซึ่งโปรเจ็กต์นี้ก็นับได้ว่าเป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรมธุรกิจขายตรงที่มีการนำ AI มาใช้จริงๆ จังๆ ก็ว่าได้

 

 

พญ.นลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด พูดถึงที่มาของแนวคิดนี้ว่า “เราเฝ้าดูนักธุรกิจของเราที่พยายามปรับตัวและเปลี่ยนตัวเองเข้าสู่การทำงานออนไลน์ แต่ก็พบว่ามีอุปสรรคหลายอย่าง ทั้งการสร้างคอนเทนต์ การไลฟ์ขายของ รวมถึงผู้นำนักธุรกิจเองก็คอมเมนต์ลูกทีมได้ยาก เพราะอาจมีลูกทีมจำนวนมาก หรือบางครั้งกลัวจะเกิดความรู้สึกไม่ดีต่อกัน เราเลยสร้างเครื่องมือที่สามารถช่วยทำสคริปต์การขายที่เข้าถึงผู้บริโภคได้หลากหลายกลุ่ม และยังสามารถให้คำแนะนำที่ตรงไปตรงมาจากการวิเคราะห์คลิปของนักธุรกิจแต่ละคนได้”

 

Microsoft และ FRONTIS เบื้องหลัง Giffarine AI Coach

 

โปรเจ็กต์ Giffarine AI Coach นี้ กิฟฟารีน ไม่ได้สร้างขึ้นได้เองแต่ได้สองบริษัทที่เก่งกาจด้านเทคโนโลยีอย่าง Microsoft และ FRONTIS มาร่วมพัฒนา Giffarine AI Coach จนสำเร็จ โดย Microsoft ใช้เทคโนโลยีคลาวด์และ AI อย่าง Azure AI Foundry และ Azure AI Search เพื่อประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาลและสร้างประสบการณ์แบบเฉพาะบุคคล เข้ามาช่วยพัฒนา

คุณธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย พูดถึงโปรเจ็กต์นี้ว่า “กิฟฟารีนถือเป็นแบรนด์ MLM สัญชาติไทยรายแรกที่พัฒนา ‘Giffarine AI Coach’ ในรูปแบบ AI Agent ไมโครซอฟท์เชื่อมั่นว่า AI จะเป็นพลังสำคัญสร้างอิมแพค และยกระดับกิฟฟารีนสู่การเป็น Frontier Firm ของธุรกิจขายตรงไทยในยุค AI ได้”

ในขณะที่ FRONTIS ในฐานะบริษัท Consulting และ Tech Company ผู้เชี่ยวชาญด้านการให้คำปรึกษาและวางแผนยุทธศาสตร์ธุรกิจด้วยเทคโนโลยี ก็ได้ให้คำแนะนำและร่วมพัฒนาแอปพลิเคชันกับกิฟฟารีนอย่างใกล้ชิด โดยคุณปริญญ์ บุญดีสกุลโชค CEO & Managing Partner ของ FRONTIS อธิบายว่า Giffarine AI Coach เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนขององค์กรที่จะเติบโตได้อย่างยั่งยืนในยุค AI Disruption ที่นำเทคโนโลยี AI มาใช้ในธุรกิจอย่างตรงจุด

“แอปพลิเคชันนี้ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยส่วนตัวที่เสริมศักยภาพ (Empower) ให้นักธุรกิจกิฟฟารีนทำงานได้อย่างมั่นใจและมีประสิทธิภาพ แอปพลิเคชันนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเป็น “สารเร่ง” ที่เปลี่ยนความพยายามให้เป็นความสำเร็จได้เร็วขึ้นในยุคใหม่” คุณปริญญ์ ระบุ

 

Giffarine AI Coach ดียังไง?

 

ความสามารถของ Giffarine AI Coach อธิบายง่ายๆว่าเป็นแอปพลิเคชัน AI ที่จะสามารถช่วยพัฒนาทักษะการไลฟ์ขายของให้กับนักธุรกิจกิฟฟารีนให้ดีขึ้นได้ โดย Giffarine AI Coach จะทำหน้าที่เหมือน “โค้ชส่วนตัว” มาช่วยสร้างสคริปต์การขายสินค้าหรือสร้างสคริปต์การชวนคนเข้ามาเป็นนักธุรกิจ Giffarine ก็ทำได้ นอกจากนี้ยังอัพโหลดคลิปวิดีโอที่เราซ้อมไลฟ์ขายของเข้าไปในระบบ ระบบก็จะวิเคราะห์จุดเด่นจุดด้อย สิ่งที่ต้องพัฒนามาให้เราอย่างละเอียดด้วย

ความน่าสนใจของ Giffarine AI Coach ก็คือสคริปต์และคำแนะนำจากการวิเคราะห์วิดีโอสามารถทำได้แบบเฉพาะบุคคลจริงๆ เราสามารถกำหนดเพศ อายุของเรา กำหนดกลุ่มเป้าหมายที่เราจะสื่อสารด้วย สินค้า Giffarine ที่จะขาย ไปจนถึงแพลทฟอร์มที่เราจะใช้ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, TikTok, Shopee หรือ YouTube ระบบก็จะมีสคริปต์และคำแนะนำที่เฉพาะเจาะจงลงไป และที่พิเศษก็คือ ระบบจะมีข้อมูลเชิงลึกของสินค้ากว่า 2,000 รายการ รวมถึงข้อมูลด้านธุรกิจขายตรงของกิฟฟารีนที่สั่งสมมานานกว่า 29 ปี มาแนะนำและช่วยเพิ่มโอกาสที่เราจะขายของหรือชวนคนเข้ามาร่วมทำธุรกิจให้เพิ่มมากขึ้นได้

 

การสร้างสคริปต์ด้วย Giffarine AI Coach

 

สำหรับฟีเจอร์การสร้างสคริปต์นั้น Giffarine AI Coach สามารถสร้างสคริปต์ได้มากกว่า 25,000 ล้านรูปแบบ นั่นหมายความว่าสคริปต์จะไม่มีทางซ้ำกันอย่างแน่นอน โดยระบบเรียนรู้จากปัจจัยต่างๆ เพื่อให้คำแนะนำที่เฉพาะเจาะจงทั้งสำหรับการขายสินค้าและรวมถึงการชวนให้คนมาเป็นนักธุรกิจกิฟฟารีน

โดยเราสามารถเลือกได้ตั้งแต่ “กลยุทธ์การขาย” ว่าเราอยากสื่อสารแบบไหนเช่น การเล่าประสบการณ์ส่วนตัว, การสาธิตการใช้สินค้า หรือการนำเสนอโปรโมชัน ส่วน “สไตล์การพูด” ก็เลือกได้ตั้งแต่การพูดแบบสนิทสนม เป็นกันเอง ไปจนถึงการพูดที่สนุกสนาน เฮฮา หรือจริงจัง รวมไปถึงยังสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่คุณต้องการจะสื่อสารได้ ไม่ว่าจะเป็นเด็ก, ผู้ใหญ่ หรือกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ เช่น วัยทำงานที่ใส่ใจภาพลักษณ์ เป็นต้น นอกจากนี้ยังสามารถใส่ข้อมูลไปด้วยว่าเราจะมีระยะเวลาการไลฟ์นานแค่ไหนด้วย

เมื่อกำหนดความต้องการแล้ว Giffarine AI Coach จะสร้างสคริปต์พร้อมคำแนะนำในการขาย ตั้งแต่เรื่อง จุดขายที่ต้องพูด สคริปต์ที่แนะนำให้พูดในไลฟ์ พร้อมกับสิ่งที่ต้องทำเช่น หยิบแท่งรองพื้นขึ้นมาโชว์กล้อง หรือสาธิตวิธีการเกลี่ยรองพื้นที่มือ เรียกว่าเป็นการแนะนำแบบเฉพาะเจาะจงแต่ละ SKU และข้อมูลที่ละเอียดไปจนถึงคำแนะนำในการเตรียมตัวก่อนไลฟ์ และข้อควรระวังด้วย

 

วิเคราะห์วิดีโอ Live ขายของด้วย Giffarine AI Coach

 

นอกจากการสร้างสคริปต์แล้ว Giffarine AI Coach ทำหน้าที่เป็นเหมือนเทรนเนอร์ส่วนตัวที่ช่วยวิเคราะห์วิดีโอไลฟ์สดของเราได้อย่างละเอียดด้วย สามารถให้คำแนะนำแบบเฉพาะเจาะจงเพื่อให้เรานำไปปรับปรุง และที่สำคัญ AI ผู้ช่วยที่ไม่มีอคติและไม่ทำให้คุณรู้สึกไม่ดีด้วย

ความสามารถของฟีเจอร์นี้ก็มีหลายอย่างด้วยกัน เช่น ความสามารถในการวิเคราะห์คุณภาพของเนื้อหาและคำพูด มันสามารถวิเคราะห์การใช้คำซ้ำ, การเน้นย้ำ, และความหลากหลายของคำพูดในคลิปวิดีโอของเราได้ สามารถดู “น้ำเสียงและอารมณ์” ดูระดับเสียงสูงต่ำเพื่อแนะนำให้รักษาระดับเสียงให้ดูน่าเชื่อถือได้

ไม่เฉพาะเนื้อหาและคำพูดเท่านั้นแต่ Giffarine AI Coach ยังช่วยดูภาพลักษณ์และบรรยากาศโดยรอบในคลิปไลฟ์ขายของของเราได้ด้วย สามารถตรวจสอบคุณภาพแสง, ฉากหลัง, และการแต่งกายเพื่อให้ดูเป็นมืออาชีพ รวมไปถึงสามารถเตือนไม่ให้พูดเกินจริงหรือพูดจาลักษณะก้าวร้าวหรือกดดันผู้ชมได้ด้วยเช่นกัน

 

ราคาแพ็กเกจและความปลอดภัย

Giffarine AI Coach ถูกออกแบบให้เป็นเว็บแอปพลิเคชันสามารถดาวน์โหลดได้ผ่านทั้ง Google Play Store สำหรับ Android และ App Store สำหรรับ iOS โดยทางกิฟฟารีน ให้ข้อมูลว่าในช่วงเริ่มต้นตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะมีผู้นำนักธุรกิจ (Leader) ประมาณ 2,000 รายเข้ามาใช้งาน

สำหรับแพ็กเกจราคาจะเริ่มต้นอยู่ที่ 300 บาท สามารถใช้ได้นาน 120 วันระบบจะคิดเป็นจำนวน “ข้อความ” เช่นเดียวกับการใช้ AI ทั่วไป โดยคำว่า “ข้อความ” ในที่นี้คือหน่วยนับที่ AI ใช้ในการประมวลผลและสร้างคำตอบออกมา เช่น หากใช้ 300 ข้อความ จะสามารถสร้างสคริปต์ได้ประมาณ 100 สคริปต์ ซึ่งบริการนี้เป็นระบบสมัครใจไม่มีการบังคับให้นักธุรกิจต้องซื้อแต่อย่างใด 

ในเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลเองก็เป็นสิ่งที่กิฟฟารีนให้ความสำคัญสูงสุด ซึ่งคุณธนวัฒน์  กรรมการผู้จัดการใหญ่ ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย ก็ยืนยันว่า ข้อมูลทั้งหมดที่ใช้ในแอปพลิเคชันจะอยู่บนแพลตฟอร์มที่เป็น Enterprise Level ของ Microsoft ทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลจะไม่รั่วไหลออกไป และจะไม่ถูกนำไปใช้เพื่อเทรนโมเดล AI สาธารณะอื่นๆ อย่างแน่นอน

ในขณะที่คุณปริญญ์ จาก FRONTIS ผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน Giffarine AI Coach ก็ยืนยันว่าได้ออกแบบระบบที่ข้อมูลทั้งหมดจะอยู่บนพื้นที่ของกิฟฟารีนโดยเฉพาะ ทำให้ข้อมูลแต่ละบุคคลไม่ปะปนกันและไม่รั่วไหลออกไปภายนอกอย่างแน่นอน

 

 

การใช้ AI ของกิฟฟารีนในครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ดีขององค์กรธุรกิจที่เริ่มปรับตัวนำเทคโนโลยีเข้ามาสร้างการเติบโต ซึ่งโปรเจกต์นี้ก็ไม่ใช่เป็นการนำ​ AI มาแทนที่การทำงานของมนุษย์แต่เป็นการสร้าง “AI Advantage” เพื่อ Empower หรือเสริมพลังให้นักธุรกิจมีความมั่นใจและสร้างความสำเร็จได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น นับเป็นอีกก้าวสำคัญที่จะทำให้กิฟฟารีนเป็น “Frontier Firm” หรือบริษัทแถวหน้าของธุรกิจขายตรงในยุค AI ได้อย่างยั่งยืนนั่นเอง

 


  •  
  •  
  •  
  •  
  •