ในยุคที่มิจฉาชีพอาละวาดหนักผ่านโลกออนไลน์ สร้างความเสียหายมหาศาลอย่างชัดเจนด้วยตัวเลขความสูญเสียกว่า 115,000 ล้านบาท ซึ่งมันคือเงินเก็บทั้งชีวิตของใครบางคน จนสร้างความหวาดระแวงกัดกินสังคมไทยอย่างเงียบเชียบ โดยรายงานล่าสุดจาก Whoscall Report 2025 พบสถิติที่ชี้ว่า คนไทยถึง 72% เคยเผชิญหน้ากับกลโกงในรูปแบบต่างๆ และยิ่งไปกว่านั้น 60% หรือมากกว่าครึ่งเคยตกเป็นเหยื่อมาแล้ว
“เรื่องนี้ต้องถึงโหนกระแส” สะพานเชื่อมเหยื่อสู่สังคม
สถานการณ์เช่นนี้ กลายเป็นปัญหาระดับชาติที่ต้องมีทางออกและเข้าถึงได้จริง ส่งผลให้เกิดความร่วมมือกัน เมื่อ “Whoscall” แอปพลิเคชันคัดกรองสายเข้าบนสมาร์ทโฟนจับมือรายการ “โหนกระแส” ที่หลายคนรู้จักเป็นอย่างดีกับพิธีกรคมกริบอย่าง “หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย” ตัวแทนของประชาชนผู้เดือดร้อน
การร่วมมือกันครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่การตลาด แต่ได้ก่อให้เกิดฟีเจอร์ที่เป็นรูปธรรมและทรงพลังที่สุด จนกลายเป็นฟีเจอร์ “เรื่องนี้ต้องถึงโหนกระแส” ที่ถูกเพิ่มเข้ามาในแอปพลิเคชัน Whoscall โดยตรง
โดยฟีเจอร์นี้ทำหน้าที่เป็นเหมือน “สะพาน” เชื่อมโยงเหยื่อผู้ถูกหลอกลวงกับรายการโหนกระแส จากเดิมที่ผู้เสียหายอาจไม่รู้จะต้องเริ่มจัดการกับเหตุการณ์หลอกลวงอย่างไร ไม่รู้ว่าจะไปร้องเรียนที่ไหน หรือกลัวไม่ปลอดภัยหากต้องเปิดเผยตัวตน ฟีเจอร์นี้จะช่วยให้สามารถส่งเรื่องราว, หลักฐาน และข้อมูลทั้งหมด อาทิ ลิ้งค์ รูปภาพ ไปยังทีมงานรายการโหนกระแสโดยตรงผ่านแอปฯ Whoscall ที่ปลอดภัยและเป็นความลับ
นอกจากฟีเจอร์นี้จะช่วยเป็นส่วนหนึ่งในการเข้าช่วยแก้ปัญหาเบื้องต้นแล้ว ในด้านความรู้สึกเหยื่อไม่ต้องเผชิญอย่างโดดเดี่ยว และช่วยให้เหยื่อรู้สึกพร้อมลุกขึ้นมาต่อสู้ เพื่อให้เรื่องราวที่เกิดขึ้นนำไปสู่การเป็นคดีใหญ่ ที่นอกจากช่วยแก้ปัญหาแล้ว ยังช่วยป้องกันไม่ให้คนอีกมากมายต้องตกเป็นเหยื่อซ้ำรอยเดิม นี่ถือเป็นการสร้างบทเรียนสาธารณะ และเปลี่ยนผู้เสียหายให้กลายเป็นผู้ที่ช่วยปกป้องสังคม
ทำไมต้องเป็น “โหนกระแส” และ “หนุ่ม กรรชัย”
การเลือกจับมือกับโหนกระแสผ่าน “หนุ่ม กรรชัย” ที่ได้รับเลือกให้เป็นพรีเซนเตอร์คนแรก ของ Whoscall ประเทศไทย สะท้อนให้เห็นถึงภาพลักษณ์ของหนุ่ม กรรชัย ที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่พิธีกรรายการ แต่กลายเป็นสัญลักษณ์ของ “ที่พึ่งพา” ของสังคม สะท้อนถึงภาพลักษณ์ของ Whoscall ที่กล้าชนกับปัญหาและตีแผ่ความจริงเพื่อให้เกิดการแก้ไข ด้วยฟีเจอร์การเตือนภัยของแอปฯ Whoscall และการส่งเรื่องตรงถึงรายการโหนกระแส ช่วยสร้างความเชื่อมั่นและแรงผลักดันให้คนกล้าที่จะออกมาเปิดโปงกลโกงต่างๆ มากขึ้น
การร่วมมือครั้งนี้จึงเป็นมากกว่าแคมเปญการตลาด แต่เป็นการสร้าง “ecosystem” หรือระบบนิเวศแห่งความปลอดภัย ที่ซึ่งเทคโนโลยี AI ของ Whoscall, พลังของชุมชนผู้ใช้งานนับล้าน และพลังสื่อของโหนกระแส ถูกหลอมรวมเข้าด้วยกันเพื่อเป้าหมายเดียว คือการทำให้สังคมไทยปลอดภัยจากภัยจากการหลอกลวงผ่านระบบออนไลน์ให้มากที่สุด
นอกจาก ความร่วมมือกับรายการ “โหนกระแส” แล้ว Whoscall ยังได้ร่วมมือกับ “แสนสิริ” ในการสร้างคอมมูนิตี้ที่ปลอดภัยและน่าอยู่ แก่ครอบครัวลูกบ้านและชุมชนกลุ่มเสี่ยงในสังคม โดยเฉพาะผู้สูงอายุและกลุ่มที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดในโครงการคุณภาพของแสนสิริ รวมถึงร่วมกันปลูกฝังจิตสำนึกของการเป็นพลเมืองดี (Good Citizenship) ในสังคมดิจิทัล ที่ไม่ได้แค่ดูแลตัวเองให้ปลอดภัย แต่ร่วมกันสร้างสังคมที่ปลอดภัยให้คนรอบข้าง
จากแอปฯ บอกชื่อสู่แพลตฟอร์มพิทักษ์ภัย
หากย้อนกลับไป หลายคนรู้จัก Whoscall ในฐานะแอปฯ ที่ช่วยระบุเบอร์โทรศัพท์ที่ไม่รู้จัก ทำให้ผู้ใช้งานรู้ทันก่อนว่าสายที่จะรับมีโอกาสที่จะเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือนักขายทางโทรศัพท์ที่อยากรับสาย นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของ Whoscall โดยในงาน “Trust Conference Bangkok 2025” ที่ผ่านมา Whoscall ได้ประกาศวิสัยทัศน์ใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม นั่นคือการยกระดับตัวเองจากการเป็นแอปฯ Caller ID สู่การเป็น “แพลตฟอร์มปกป้องภัยดิจิทัลแบบครบวงจร”
วิสัยทัศน์นี้เกิดมาจากความเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า ภัยคุกคามในยุคดิจิทัลนั้นซับซ้อนและหลากหลายเกินกว่าจะป้องกันได้ง่ายๆ โดย Whoscall จึงวางยุทธศาสตร์ใหม่ผ่าน 3 เสาหลักสำคัญ ทั้ง
- การปกป้อง (Protection): ไม่ใช่แค่การรู้ว่าใครโทรมา แต่คือการพัฒนาระบบป้องกันที่ขับเคลื่อนด้วย AI (AI-Powered Defense) ที่สามารถเรียนรู้และตรวจจับกลโกงรูปแบบใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น ทั้งรูปภาพและลิ้งค์ นอกจากนี้ยังมีระบบแจ้งเตือนด้วยเสียงของ “หนุ่ม กรรชัย” สำหรับผู้ที่มีปัญหาการมองเห็น โดยเฉพาะผู้สูงอายุ
- พลังคอมมูนิตี้ (Community): หัวใจสำคัญที่ทำให้ Whoscall แข็งแกร่ง คือการมีส่วนร่วมจากผู้ใช้งานทุกคน (User Reporting) ทุกครั้งที่มีคนรายงานเบอร์มิจฉาชีพเข้ามา ก็เหมือนกับการช่วยติดป้ายเตือนภัยให้เพื่อนร่วมสังคมอีกหลายคนได้รับรู้ พลังของมวลชนจะเป็นเกราะป้องกันที่ดีที่สุด
- นวัตกรรมสำหรับทุกไลฟ์สไตล์ (Innovation): เพื่อให้ Whoscall เป็นแพลตฟอร์มที่ใช้ได้ในชีวิตประจำวัน การสร้างสรรค์ฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความปลอดภัยในการใช้ชีวิตยุคดิจิทัลจึงเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบลิงก์แปลกปลอม, การเช็กเบอร์บัญชีม้า หรือแจ้งเตือนเมื่อข้อมูลส่วนตัวเรารั่วไหล (ID Security)
เบื้องหลังฟีเจอร์สำคัญต่าง ๆ ของ Whoscall คือระบบป้องกันภัยอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยเสริมความแม่นยำด้วย Gemini และฐานข้อมูลเว็บไซต์ต้องสงสัยกว่า 10 ล้านรายการจาก ScamAdviser ซึ่งเป็นพันธมิตรระดับโลกด้านการวิเคราะห์กลโกงออนไลน์
มิจฉาชีพะ
ท้ายที่สุดแล้ว การต่อสู้กับมิจฉาชีพไม่ใช่หน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่ง ไม่ใช่แค่ตำรวจ, ไม่ใช่รายการโหนกระแส และไม่ใช่แค่ Whoscall แต่เป็นหน้าที่ของทุกคนที่ต้องร่วมมือกัน การตระหนักรู้ ไม่ไว้วางใจอะไรง่ายๆ และการใช้เครื่องมือที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์ การผนึกกำลังของ Whoscall และโหนกระแสในครั้งนี้ ก็คือการประกาศ “สงคราม” กับเหล่ามิจฉาชีพที่ได้ยกระดับขึ้นแล้ว และผู้เสียหายจะไม่ได้สู้อย่างโดดเดี่ยวอีกต่อไป