Larry Ellison โค่น Elon Musk ขึ้นแท่นรวยที่สุดในโลกได้อย่างไร แล้วทำไมหุ้น Oracle พุ่งถึงกว่า 40% ในวันเดียว?

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

ตำแหน่งมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ซึ่งหลายคนคุ้นเคยกับชื่อของ Elon Musk มาตลอดปี ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงแล้วเมื่อคืนที่ผ่านมา เมื่อคนที่ก้าวขึ้นมาโค่นบัลลังก์ในครั้งนี้คือ Larry Ellison ผู้ก่อตั้งอาณาจักรซอฟต์แวร์ที่เราคุ้นหูกันในชื่อ Oracle

คำถามที่ทุกคนสงสัยก็คือ เขาทำได้อย่างไร? และอะไรคือเหตุผลที่ทำให้หุ้นของบริษัทที่หลายคนมองว่า “เป็นเทคโนโลยีรุ่นใหญ่” กลับพุ่งทะยานขึ้นถึงกว่า 40% ภายในวันเดียว? Marketing Oops! สรุปมาให้อ่านกันในบทความนี้

เบื้องหลังความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้น 3.7 ล้านล้านบาท

Larry Ellison เครดิตภาพ drserg / Shutterstock.com

หากจะตอบคำถามว่า Larry Ellison โค่น Elon Musk ได้อย่างไร คำตอบนั้นเกิดขึ้นภายในเวลาแค่ 24 ชั่วโมงเท่านั้น โดย เรื่องทั้งหมดเริ่มต้นเมื่อ Oracle ประกาศผลประกอบการรายไตรมาส ซึ่งตัวเลขที่ออกมานั้น “ดีเกินคาด” ไปมาก แต่สิ่งที่ทำให้ตลาดฮือฮาจริง ไม่ใช่แค่ตัวเลขที่ว่านั้น แต่เป็น “วิสัยทัศน์แห่งอนาคต” ที่บริษัทฉายภาพให้เห็น

นั่นคือการประกาศว่า Oracle กำลังจะเป็นผู้เล่นคนสำคัญในอุตสาหกรรมที่แข่งขันกันอย่างดุเดือดที่สุดในทศวรรษนี้ นั่นก็คือเทคโนโลยี AI

ผลลัพธ์คือ ตลาดตอบรับอย่างถล่มทลาย หุ้น Oracle (ORCL) พุ่งขึ้นพรวดเดียวถึงกว่า 40% ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นในวันเดียวที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท

และด้วยความที่ Larry Ellison คือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด การดีดตัวของหุ้นครั้งนี้จึงส่งผลให้ความมั่งคั่งของเขาพุ่งขึ้นถึง 101,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3.7 ล้านล้านบาท ภายในวันเดียว!

ตัวเลขมหาศาลนี้เอง ที่ทำให้ทรัพย์สินรวมของเขาพุ่งไปแตะ 393,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แซงหน้า Elon Musk ที่มีทรัพย์สินอยู่ที่ 385,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ได้สำเร็จเป็นครั้งแรก

แล้วทำไมหุ้น Oracle ถึงพุ่งกว่า 40%? 

Larry Ellison CEO Oracle เมื่อปี 2011 เครดิตภาพ 3.drserg / Shutterstock.com

ในอดีต ภาพจำของ Oracle คือบริษัทซอฟต์แวร์ยักษ์ใหญ่ที่เชี่ยวชาญเรื่องระบบฐานข้อมูล (Database) สำหรับองค์กร ซึ่งอาจจะดูไม่หวือหวาเท่ารถยนต์ไฟฟ้าหรือจรวดไปดาวอังคาร

แต่สิ่งที่ Oracle ทำมาตลอดคือ การซุ่มพัฒนาเทคโนโลยีที่เรียกว่า “Oracle Cloud Infrastructure (OCI)”

ปัจจุบัน อุตสาหกรรมเทคโนโลยีกำลังอยู่ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดเพื่อพัฒนา AI Model ที่ดีที่สุดและฉลาดที่สุด ไม่ว่าจะเป็นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Google, Microsoft, Meta หรือบรรดาสตาร์ทอัพหน้าใหม่

หัวใจสำคัญของการพัฒนา AI ที่ซับซ้อนเหล่านี้ คือพลังการประมวลผลมหาศาล ซึ่งต้องอาศัย Cloud Infrastructure หรือโครงสร้างพื้นฐานบนคลาวด์ที่มีประสิทธิภาพสูง เพื่อรองรับการสร้างและฝึกฝน AI โดยเฉพาะ

ภาพป้ายสำนักงาน Oracle ในประเทศโปแลนด์ เครดิตภาพ Longfin Media / Shutterstock.com

กลยุทธ์ของ Oracle นั้นชัดเจนว่าไม่ได้เลือกกระโดดลงไปแข่งขันเพื่อสร้าง AI ที่ดีที่สุด แต่เลือกที่จะเป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ที่จำเป็นสำหรับบริษัทที่พัฒนา AI เหล่านั้นแทน

พูดง่ายๆ คือ Oracle กำลังสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้บริษัทอื่นสามารถนำไปต่อยอดสร้างนวัตกรรม AI ของตัวเองได้

นักลงทุนใน Wall Street มองขาดว่า ไม่ว่าสุดท้ายแล้วใครจะเป็นผู้ชนะในสงคราม AI แต่บริษัทที่ขายเครื่องมือพื้นฐานอย่าง Oracle จะเป็นผู้ชนะในเกมนี้

ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่ตอกย้ำความเชื่อมั่นของนักลงทุนคือข่าวใหญ่ที่ Oracle ได้ลงนามข้อตกลงมูลค่ามหาศาลกับ OpenAI ผู้สร้าง ChatGPT เพื่อให้บริการ Cloud Infrastructure รองรับการทำงานของ AI ระดับโลก

โดยมีรายงานว่าสัญญานี้อาจมีมูลค่าสูงถึง 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตลอดระยะเวลา 5 ปีเลยด้วย

ดีลนี้เปรียบเสมือนการประกาศว่า Cloud Infrastructure ของ Oracle นั้นมีประสิทธิภาพสูงจนผู้สร้าง AI ที่ล้ำที่สุดในโลกยังต้องเลือกใช้

นอกจากนี้ Oracle ยังมีลูกค้ารายใหญ่อย่าง Nvidia และ TikTok อยู่ในมือ ซึ่งยิ่งทำให้ภาพของการเป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานสำหรับยุค AI แข็งแกร่งขึ้นไปอีก

ภาพนี้ตรงกันข้ามกับหุ้นของ Tesla ที่ปีนี้ปรับตัวลดลงไปแล้ว 13% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าสปอตไลต์ของโลกการลงทุนได้ย้ายจาก “ผู้สร้างนวัตกรรมที่จับต้องได้” ไปยัง “ผู้สร้างโครงสร้างพื้นฐานที่มองไม่เห็น” ซึ่งเป็นหัวใจของการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งต่อไป ดังนั้น ชัยชนะของ Larry Ellison ในครั้งนี้ จึงเป็นเหมือนสัญญาณที่ชัดเจนว่า ขุมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในยุคต่อไป อาจไม่ได้อยู่ที่ตัว AI ที่เราเห็น แต่มันจะซ่อนอยู่ในโครงสร้างพื้นฐานที่ขับเคลื่อนมันอยู่เบื้องหลังนั่นเอง


  •  
  •  
  •  
  •  
  •