ในยุคที่เศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายจากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว พฤติกรรมการออมของแต่ละ Generation ได้กลายเป็นตัวบ่งชี้สำคัญที่สะท้อนทั้งสภาพเศรษฐกิจและโอกาสทางธุรกิจ การศึกษาพฤติกรรมการออมจากมุมมองของแต่ละ Generation จึงเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และกลยุทธ์ทางการตลาดที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัล
การแบ่งกลุ่มและพฤติกรรมการออมตาม Generation
Generation Z (อายุ 15 ปีขึ้นไป) เจเนเรชันแห่งความตระหนักรู้
Generation Z เป็นกลุ่มที่มีลักษณะเด่นในเรื่องการบริหารเงินที่จริงจังเกินความคาดหมาย โดยมีจุดเปลี่ยนสำคัญจากสถานการณ์ COVID-19 ที่ทำให้เห็นถึงความสำคัญของการเตรียมตัวรับมือกับภาวะฉุกเฉิน
พฤติกรรมที่โดดเด่น:
- แบ่งสัดส่วนเงินอย่างมีระบบ โดยให้ความสำคัญกับเงินสำรองฉุกเฉินเป็นอันดับแรก (เป้าหมาย 6-12 เดือนของรายได้ หรือ 20% ของรายได้)
- วางแผนเกษียณเร็วกว่าเจเนเรชันก่อนหน้า เลือกสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำ เช่น เงินฝากออมทรัพย์ เนื่องจากความรู้ทางการเงินและตัวเลือกที่รู้จักยังมีจำกัด
จากผลสำรวจ Gen Z Finance Survey 2568 โดยวิจัยกรุงศรี พบข้อมูลที่น่าสนใจ:
- 69% ของ Gen Z มีความกังวลมากที่สุดเรื่องค่าครองชีพสูง
- 70% เริ่มเก็บเงินและลงทุนเป็นประจำ
- เป้าหมายการออมอันดับ 1 คือ การออมไว้ใช้ยามฉุกเฉิน (6%)
- 80% เลือกออมในบัญชีธนาคาร เพื่อความมั่นคงและปลอดภัย
ความขัดแย้งภายใน: แม้จะให้ความสำคัญกับการออม แต่เกือบครึ่งหนึ่งก็ยังคิดว่า “ใช้จ่ายตอนนี้แฮปปี้กว่าออม” ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญในการบรรลุเป้าหมายทางการเงิน
Generation Y: เจเนเรชันแห่งการเติบโตทางการเงิน
Generation Y เป็นกลุ่มที่มีฐานะทางการเงินที่มั่นคงขึ้น จึงมองหาผลิตภัณฑ์ที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น เช่น ออมทรัพย์ดิจิทัลดอกเบี้ยสูง และการลงทุน
พฤติกรรมที่โดดเด่น:
- สนใจผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดหย่อนภาษี (กองทุนรวม, ประกัน)
- ให้ความสำคัญกับประกันภัยมากขึ้น โดยเฉพาะหลังเห็นผลกระทบจาก COVID-19
- มีความรู้ทางการเงินมากกว่า Gen Z จึงกล้าเสี่ยงในการลงทุนมากขึ้น
Generation X: เจเนเรชันแห่งความระมัดระวัง
Generation X เป็นกลุ่มที่ระมัดระวังทางการเงินมากขึ้นหลังจากเห็นความไม่มั่นคงของชีวิตและการสูญเสียเงินเก็บ
พฤติกรรมที่โดดเด่น:
- ให้ความสำคัญกับการซื้อประกันภัยเพื่อดูแลตนเองและครอบครัว
- เน้นความปลอดภัยของเงินลงทุนมากกว่าผลตอบแทนสูง
- มีประสบการณ์ชีวิตที่ทำให้เข้าใจถึงความสำคัญของการวางแผนทางการเงิน
Baby Boomer: เจเนเรชันแห่งประเพณี
Baby Boomer ยังคงนิยมการเก็บเงินในรูปแบบจับต้องได้และมีความมั่นคงสูง
พฤติกรรมที่โดดเด่น:
- นิยมสมุดบัญชี พันธบัตร หรือสลากออมสิน
- เริ่มเปิดรับเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ดิจิทัลมากขึ้น แต่ยังต้องการความมั่นใจในความปลอดภัย
กรณีศึกษา Kept by Krungsri – นวัตกรรมที่ตอบโจทย์ Gen Z
ความท้าทายของตลาด
จากการศึกษาพบว่า แม้ Gen Z จะมีความรู้ทางการเงินและเป้าหมายชัดเจน แต่ยังมีอุปสรรคสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น
- มองว่าเงินฝากประจำยุ่งยาก ต้องใช้เงินก้อนใหญ่
- ขาดวินัยในการออมอย่างต่อเนื่อง
- ไม่รู้จักผลิตภัณฑ์เงินฝากประจำปลอดภาษี

กลยุทธ์การตลาดแบบ Behavioral Design
Kept by Krungsri ได้พัฒนากลยุทธ์ “มีวินัย = แฮปปี้” โดยใช้หลักการ The Habit Loop สร้างวงจรนิสัยการออม ผ่าน 4 ขั้นตอน ดังนี้
- ตัวกระตุ้น (Make it obvious)
- ออกแบบกระปุกโดดเด่นบนหน้าแรก
- สร้างความน่าสนใจตั้งแต่แรกเห็น
- แรงขับให้อยาก (Make it attractive)
- แสดงผลอัตราดอกเบี้ยและยอดเงินปลายทางชัดเจน
- สร้างแรงบันดาลใจและแรงจูงใจ
- การลงมือทำ (Make it easy)
- เริ่มต้นเพียง 500 บาทต่อเดือน
- เปิดบัญชีออนไลน์ผ่านแอปได้ทันที
- มีระบบแจ้งเตือนและฝากอัตโนมัติ
- รางวัล (Make it satisfying)
- เห็นดอกเบี้ยงอกเงยทุกวัน
- แชร์ความสำเร็จบนโซเชียล
- สร้างความภูมิใจและแรงบันดาลใจ
ความสำเร็จของ Kept คนรุ่นใหม่สนใจเรื่องการออมมากกว่า 80%
ผลลัพธ์ทางธุรกิจ ทั้งนี้ ความสำเร็จของ Kept สะท้อนให้เห็นถึงความถูกต้องของกลยุทธ์ โดยปัจจุบันมีผู้ใช้งานกว่า 705,000 ราย
Gen Y และ Gen Z คิดเป็นสัดส่วน 86% ของผู้ใช้งาน ส่วน Gen Z เติบโตเร็วที่สุด (30-40% ในปีที่ผ่านมา) ยอดเงินฝากเติบโต 18% ในปี 2567
เปิดตัวกระปุกใหม่ “Happy tax free”
ล่าสุด Kept by krungsri ประกาศเปิดตัวอินโนเวชันใหม่ล่าสุด กระปุก “Happy tax free” เงินฝากประจำปลอดภาษีในแอป Kept เปลี่ยนวินัยที่เคยเป็นเรื่องยากให้กลายเป็นสมการ “มีวินัย = แฮปปี้” ด้วยการออกแบบการใช้งานที่ทำให้การออมเงินเป็นเรื่องง่าย เห็นเป้าหมายปลายทางชัดเจน มีความสำเร็จเล็กๆ ระหว่างทาง ผู้เริ่มต้นออมก็สามารถใช้งานและบรรลุเป้าหมายได้ เพื่อช่วยให้คนรุ่นใหม่มีวินัยในการออมเงินสำหรับเป้าหมายในอนาคต ให้ทุกคนมีความสุขในการเก็บเงิน ควบคู่ไปกับการใช้ชีวิตตามไลฟ์สไตล์ที่ชอบ ภายใต้แนวคิดว่า “การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ สร้างสิ่งยิ่งใหญ่เสมอ ปรับนิดชีวิตเปลี่ยน” พร้อมเปิดตัว แคมเปญสื่อสาร “มีวินัย = แฮปปี้”
พร้อมกับเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ที่ชวนคนรุ่นใหม่เริ่มก้าวแรกของการออมอย่างมีวินัยไปด้วยกัน โดยถ่ายทอดพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่เปรียบเทียบการออกกำลังกายที่ต้องทำอย่างมีวินัย และสะท้อนว่าการมีวินัยทางการเงินไม่จำเป็นต้องกดดัน หากมีเครื่องมือที่ง่าย สนุก และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ก็สามารถไปถึงเป้าหมายได้ ภาพยนตร์โฆษณาจึงกลายเป็นสื่อกลางที่ชวนคนรุ่นใหม่เริ่มก้าวแรกของการออมอย่างแฮปปี้
สำหรับ “Happy tax free” เงินฝากประจำปลอดภาษี เพียง 500 บาทต่อเดือน พร้อมดอกเบี้ยที่สูงกว่าบัญชีออมทรัพย์ทั่วไป รับดอกเบี้ยเต็มๆ ไม่เสียภาษี เลือกวันฝากอัตโนมัติได้ตามใจ มีระบบแจ้งเตือนทุกเดือนเพื่อไม่พลาดการออม และสามารถเลือกฝากได้ทั้งแบบ 24 เดือน (ดอกเบี้ย 2.00% ต่อปี*) หรือ 36 เดือน (ดอกเบี้ย 1.70% ต่อปี*) ที่ให้ประสบการณ์การออมใหม่ ออมง่าย มีตัวช่วยตลอดการออม
บทสรุป
การทำความเข้าใจพฤติกรรมการออมของแต่ละเจเนเรชันเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาธุรกิจทางการเงินที่ยั่งยืน ความสำเร็จของ Kept by Krungsri แสดงให้เห็นว่าการนำหลัก Behavioral Economics มาประยุกต์ใช้ สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมการออมที่ดูเหมือนยาก ให้กลายเป็นเรื่องง่ายและสนุกได้
ในอนาคต ธุรกิจที่สามารถปรับตัวและตอบโจทย์ความต้องการของทุก Generation พร้อมกันจะเป็นผู้ที่อยู่รอดและเติบโตได้อย่างยั่งยืนในตลาดการเงินที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว