#แตกฟองไอเดียระบายความซ่า เมื่อโซดาสิงห์ดึง Insight ผู้บริโภค ร่วมซ่าไปกับแบรนด์

ถือเป็น Big Move ของแบรนด์โซดาสิงห์ กับการสร้างประสบการณ์ Collaboration ผ่านแคมเปญ ระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค ผสมพลังซ่ากับความคิดสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่ ผ่านโปรเจคใหญ่ SINGHA SODA THE NEW MIX : แตกฟองไอเดีย ระบายความซ่า กับโซดาสิงห์ สื่อสารแบรนด์ ด้วยการนำ Insight ของผู้บริโภคผ่านงานศิลปะ นำ 6 ศิลปินรุ่นใหม่ หลากสไตล์ ร่วมถ่ายทอดนิยามความซ่าในแบบฉบับของตัวเอง ตอกย้ำภาพลักษณ์ผู้นำของโซดาสิงห์มาโดยตลอด

BIG MOVE : ขับเคลื่อนแบรนด์อย่างเข้าใจผู้บริโภค

นับว่าเป็น Big Move ของโซดาสิงห์ที่ประยุกต์แบรนด์ให้เชื่อมโยงเข้ากับงานศิลปะ สร้างความใกล้ชิดกับผู้บริโภคด้วยวิธีการสร้างแคมเปญที่ออกแบบมาเพื่อให้แบรนด์เดินเข้าหาผู้บริโภคอย่างเป็นมิตร พร้อมเสนอวิธีการสร้างสรรค์ผลงานมารวมกัน (Collaboration) ระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค นำคุณค่ามาสู่แบรนด์ และยังทำให้ผู้บริโภคได้ใกล้ชิด และรู้สึกร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ ทั้งยังตอบโจทย์ความซ่าของคนรุ่นใหม่ ที่ไม่หยุดนิ่งต่อการแสวงหาประสบการณ์ใหม่ๆ ไม่เพียงเท่านั้น แต่ Big Move ของสิงห์ในครั้งนี้จุดประกายภาพลักษณ์ความซ่าอันเป็นเอกลักษณ์ของโซดาสิงห์ให้เด่นชัดมากขึ้น ซึ่งทำให้แบรนด์นั้นมีความ fresh มีความ active พร้อมจะเปิดรับการเปลี่ยนแปลง และตอบโจทย์ nature ของผู้บริโภคอยู่ในทุกขณะ
การเพิ่มคุณค่าให้แบรนด์ด้วยงานศิลปะ คือสิ่งที่หลายแบรนด์ในประเทศไทยเริ่มหันมาโฟกัส โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเพิ่มคุณค่าด้วยกิจกรรมที่ก่อให้เกิด Collaboration ระหว่างแบรนด์กับงานศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นศิลปะจำพวก ภาพยนตร์ ดนตรี แฟชั่น หรืองานศิลปะแบบวิชวล (visual) อย่าง Street art หรือ Art installation ซึ่งไม่เพียงแต่ให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่มีความแอคทีฟ สร้างสรรค์ แต่ยังเพิ่มคุณค่าให้ศิลปินและวงการศิลปะในไทยอีกด้วย โซดาสิงห์ได้จับคู่ศิลปินรุ่นใหม่ที่มีสไตล์แตกต่างกันมาร่วมสร้างผลงานศิลปะแนว Street art ขนาดใหญ่ในย่านคึกคัก 3 แห่งทั่วกรุงเทพฯ

สามย่าน

หากคุณผ่านไปแถวสามย่านก็จะอาจได้เห็นงานศิลปะบนกำแพงที่ตระหง่านอยู่บนพื้นที่กว่า 250 ตารางเมตร นั่นคือผลงานที่เกิดขึ้นจากการร่วมฝีมือกันของ 2 Street artist รุ่นบุกเบิกของเมืองไทย ALEXFACE และ PHAIAMP ที่เคยทำให้ผลงานศิลปะบนกำแพงของไทยได้รับการยอมรับระดับนานาประเทศมาแล้ว

ใจกลางซอยเอกมัย

ย่านคึกคักที่จุดประกายไลฟ์สไตล์แบบ Day-Night คงหนีไม่พ้นย่านเอกมัย ที่ถูกเลือกให้เป็นหนึ่งในพื้นที่สร้างสรรค์ผลงาน Strees art ซึ่งกลายมาเป็น Landmark ย่านเอกมัย ความพิเศษของมันคือสไตล์ที่แตกต่างของศิลปิน 2 คน CTOBER29 และ NOLANOLEE ที่ถ่ายทอดงานออกมา เต็มพื้นกำแพงของที่อาคาร 4 ชั้น

วงเวียน22

เสน่ห์ของย่านนี้คือความดั้งเดิมของดีไซน์อาคารที่คงความเป็นตึกเก่าเอาไว้ ซึ่งมัน transform ตัวเองให้กลายมาเป็นชุมชนที่มีกลิ่นอายของความ Vintage และเมื่อมีการผสมผสานงานศิลปะสมัยใหม่เข้าไป มันคือการ Across the universe กันระหว่าง Pop art กับ สถาปัตยกรรมเก่า ที่ถูกถ่ายทอดออกมาเป็น Steer art ที่ไม่ได้เกิดความลงตัวไปซะทีเดียว แต่ทว่าความไม่ลงตัวนี้เองที่เป็นตัวสร้างเสน่ห์ให้งานชิ้นนี้ให้มีความ Contrast กันระหว่างเก่ากับใหม่ที่มันสามารถเกิดขึ้นได้ โดยไม่ทำลายกันและกัน โดยได้สองศิลปินต่างวัย JACKKRIT ANANTRAKUL และ JULI BAKER & SUMMER มาถ่ายทอดพลังผ่านงานศิลปะ ในย่านเก่า วงเวียน 22

ซึ่งผลงานเหล่านี้ ของทั้ง 6 ศิลปิน จะถูกนำไปใช้เป็นฉลากโซดาสิงห์รุ่น Limited Edition ที่จะถูกวางจำหน่ายช่วงปลายๆปี

Big Idea : ดึง Insight ผู้บริโภค ร่วมซ่าไปกับแบรนด์

นอกจากนี้ โซดาสิงห์ได้สร้าง Movement ต่อเนื่องจาก Big Idea ของแคมเปญ ด้วยการดึง Insight ความซ่าของผู้บริโภคมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ ด้วยการเปิดให้ผู้บริโภคปล่อยของ โชว์ไอเดียสร้างสรรค์ ออกแบบฉลากขวดโซดาสิงห์ของคุณเอง ในคอนเซ็ปต์ “นิยามความซ่าของคุณคืออะไร” กระตุ้นให้ทุกคนปลดปล่อยพลังความซ่าผ่านงานศิลปะ งานศิลป์ที่เป็นตัวของตัวเอง ผ่านแฟนเพจ Soda Singha ซึ่ง 6 ผลงานที่ถูกเลือกจากการตัดสิน จะถูกนำผลงานไปผลิตจริง

Marketing Oops! ได้รวบรวมผลงานออกแบบจากเหล่า Artist และ Illustrator ในเมืองไทย ที่ส่งเข้าร่วม #แตกฟองไอเดีย ระบายความซ่า ลงบนขวดโซดาสิงห์ ซึ่งเราเชื่อว่าทุกคนมีสไตล์ และความสร้างสรรค์ในแบบของตัวเอง และนี่คือโอกาสหนึ่งที่เกิดขึ้น เพื่อให้คุณได้ลองแสดงฝีมือสักครั้ง ไม่สำคัญว่าคุณจะทำอาชีพอะไร ถ้าพวกเขาทำได้ คุณก็ทำได้ ทุกผลงานมีสิทธิ์ลุ้นถูกคัดเลือกผลิตจริงเป็น Soda Singha The New Mix Limited Edition พร้อมเงินรางวัลรวม 300,000 บาท