เปิดยอดขาย Tesla ปี 2016–2023 ก่อน Model 3-Model Y ทำสถิติขายดีที่สุดในโลกปี 2023 ส่วนแบรนด์จีนตามมาติดๆอันดับ 3-5

  • 321
  •  
  •  
  •  
  •  

รู้หรือไม่ว่าบริษัท Tesla บริษัทที่เคยล้มลุกคลุกคลานจนเกือบจะล้มละลาย แต่ในช่วง 5 ปีหลังสุดนั้นมีมูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้นถึง 800% แล้ว ปัจจุบัน Tesla ผงาดขึ้นมากลายเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่ของโลกและสร้างความสั่นสะเทือนให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างรุนแรง แน่นอนว่าหนึ่งในเหตุผลสำคัญก็คือยอดขายรถยนต์ Tesla ที่พุ่งขึ้นมากถึง 30 เท่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ดังนั้นบทความนี้เราจะย้อนดูยอดขายของ Tesla กันตั้งแต่ปี 2016 แบบแยกโมเดลโดยเป็นข้อมูลจาก CleanTechnica เว็บไซต์ข่าวและข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้มองเห็นภาพการเติบโตของ Tesla กันให้ชัดมากยิ่งขึ้น

นับตั้งแต่ 2018 ยอดขาย Tesla ทั่วโลกขยับสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อ Tesla เริ่มโฟกัสที่การผลิต Tesla Model 3 ที่เปิดตัวในปี 2017 และเป้นโมเดลที่มีราคาประหยัดมากกว่า Model S และ Model X ที่เปิดตัวมาก่อนหน้านั้นก่อนจะเติบโตสูงขึ้นไปอีกในปี 2020 ที่เปิดขาย Tesla Model Y SUV ที่ราคาเข้าถึงได้อีกรุ่นก่อนที่ทั้ง Model 3 และ Model Y จะเป็นสองรุ่นที่ทำยอดขายพุ่งกระฉูดจนถึงทุกวันนี้ และนี่คือตารางยอดขาย รถยนต์ Tesla ทุกุร่น ตั้งแต่ปี 2016 ถึงปัจจุบัน

Note: ตั้งแต่ปี 2020 Tesla เริ่มรายงานยอดขาย Model 3 และ Model Y รวมกัน ดังนั้นจึงใช้ข้อมูลประมาณการณ์จาก CleanTechnica เป็นหลัก ที่มา: CleanTechnica

จากข้อมูลเห็นได้ว่า ปัจจัยสำคัญของยอดขายที่พุ่งสูงขึ้นในช่วงหลังนั้นเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลง lineup ของรถยนต์ที่นำออกสู่ตลาดใหม่ โดย Tesla เริ่มลดปริมาณการผลิต Model S และ Model X รถหรูสองรุ่นที่สร้างภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์ Tesla มาอย่างยาวนานลง ก่อนที่จะประสบความสำเร็จกับการเปลี่ยนผ่านมาเน้นสายการผลิต Model 3 และ Model Y ที่มีราคาถูกกว่าในช่วงปี 2020 ซึ่งในปีนี้นับเป็นปีแรกที่ Tesla กลับมาพลิกทำกำไรได้ส่วนหนึ่งเพราะ Model Y ก่อนที่ Model 3 และ Model Y จะทำสถิติรถยนต์ EV ที่ขายดีที่สุดในโลกในปี 2023 โดย Model Y ทำไปได้ 882,000 คัน ส่วน Model 3 ทำไปได้ 396,169 คัน (Q1-Q3 ปี 2023)

หลังจากนี้ไม่ใช่ว่า Tesla จะเป็นผู้นำในตลาดโลกเท่านั้น แต่แน่นอนว่าต้องเจอความท้าทายอีกมากแน่นอนทั้งรถยนต์ EV แบรนด์จีนที่เข้ามาแข่งขันในตลาดไทยอย่าง BYD ที่รถยนต์อย่าง BYD ATTO ก็ทำยอดขายทั่วโลกในปี 2023 ได้เป็นอันดับ 3 ของโลกที่ 265,000 คัน ตามมาด้วยอันดับ 4 อย่าง BYD DOLPHIN ที่ 222,825 คัน และอันดับ 5 เองก็เป็นรถแบรนด์จีนอย่าง GAC AION S ที่ทำได้ 160,693 คันด้วย ในขณะที่ Amazon คู่แข่งยักษ์ใหญ่ที่มี Ford หนุนหลังและเปิดตัวรถ EV หรูรุ่นแรกออกมาแล้วอย่าง R1T และ R1S ไปก่อนหน้านี้เองก็เตรียมใช้กลยุทธ์เดียวกันกับ Tesla ด้วยการเตรียมเปิดตัวรถรุ่น R2 ที่จะเป็น EV รุ่นราคาประหยัดที่เตรียมจะเปิดไลน์ผลิตในปี 2026 ด้วยเช่นกัน

ที่มา visualcapitalist


  • 321
  •  
  •  
  •  
  •