“สัมภาษณ์งานเป็นไงบ้าง?”
คำถามจากเพื่อนสาวคนหนึ่งเมื่อหลายปีที่แล้ว ทำเอาผมกระอักกระอ่วนจนปาดเหงื่อแทบไม่ทัน เพราะอดสงสัยไม่ได้ว่า… “นี่เราต้องตอบว่าดี ไม่ดี เฉยๆ หรือก็โอเค ดีนะ” ปฏิเสธไม่ได้ว่าการสัมภาษณ์งานเป็นเสมือนหน้าด่านที่สองของผู้สมัครงานที่ต้องฝ่าฝันทะลุทะลวง และเจาะให้ผ่านขั้นตอนนี้ไปได้ด้วยดี หากเราทำสำเร็จ บริษัทนั้นก็เหมือนลูกไก่ในกำมือไปโดยปริยาย
หลายคนสงสัยว่า…แล้วตำราวิชาการพิชิตด่านสัมภาษณ์งานนั้นมันคืออะไรกันแน่! วันนี้เรามีข้อมูลๆหนึ่งที่อยากจะมาแบ่งปันผู้อ่านทุกท่าน เป็นเคล็ดลับมัดใจในการสัมภาษณ์งานจากหัวหน้าฝ่าย HR ของบริษัท Google นั่นเอง และนี่คือ 6 กฎเหล็ก ที่จะทำให้เรามีชัยในทุกการสัมภาษณ์งานครับ
เตรียมตัว…เตรียม ‘ไว้’
ว่ากันว่า, เตรียมตัวดี…มีชัยไปกว่าครึ่ง ก่อนถึงวันสัมภาษณ์งานขอให้เราใช้เวลาสักนิดในการเตรียมตัวและทำการบ้าน ลองจด 20 คำถาม ที่เราคิดว่าสามัญชนคนสัมภาษณ์งานต้องถาม อาทิ “ทำไมถึงเลือกสมัครมาที่นี่?” / “คุณจะช่วยบริษัทเราได้อย่างไรบ้าง?” เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อให้เราได้รู้จักเตรียมความพร้อม จะทำการรบศึกไหน…ก็ต้องรู้จักเช็คสนามรบด้วยครับ
เตรียม ‘ตอบ’…เตรียมใจ
เมื่อจดลิสคำถามได้แล้ว ก็ถึงเวลาที่ต้องใส่คำตอบกันเสียหน่อย เขียนคำตอบของคำถามนั้นๆที่เราคิดว่าเป็นคำตอบที่ควรตอบและดีที่สุด เข้าใจว่าการเขียนเป็นเรื่องที่น่าเบื่อและเจ็บปวดสำหรับสามัญชนอย่างเราๆ แต่มันช่วยทำให้เราท่องคำตอบได้ขึ้นใจ อีกทั้งยังทำให้เราได้มีเวลาตกผลึกและคิดทบทวนกับคำตอบนั้นๆอีกด้วย หากมัวแต่กินแกงร้อนไปรอฉะเอาหน้างาน…ระวังจะชวดเอาได้นะครับ
แผน ‘สาม’ รอง
สำหรับทุกๆคำถาม ควรจะมี 3 คำตอบเผื่อสำรองเอาไว้ ทำไมต้อง 3 ด้วยล่ะ? นั่นก็เพราะว่าสิ่งที่เราคิดว่าดีที่สุด อาจไม่ใช่สิ่งที่คนสัมภาษณ์อยากได้ยิน เราควรจะมีคำตอบสำรองเอาไว้ เพื่อหยิบยื่นป้อนคำตอบเหล่านั้นให้กับผู้สัมภาษณ์ได้อย่างฉับไว จำไว้เสมอครับว่า…มี ‘ครบ’ ดีกว่า ‘ขาด’
พิสูจน์ ‘ตู’ เอง
ทุกคำตอบควรจะมีการอ้างอิงเล่าย้อนถึงสมัยวัยเรียนหรืออดีต ว่าเราสามารถทำอย่างว่าได้จริงเพราะเราเคยมีประสบการณ์ในการทำแบบนั้นมาแล้ว อาทิ “คุณมีความเป็นผู้นำอย่างไร?” “เพราะผมมีบุคลิกที่กล้าแสดงออกและมักจะชักนำคนอื่นได้ดีเสมอ อย่างตอนสมัยมหาลัยผมได้มีโอกาส…”
กล่องดวงตา
เป็นเรื่องที่เรารู้ๆกันดีอยู่แล้วว่าการสื่อสารกับใครคนนึง เราควรจะมองสบตาของเขา ไม่ว่าจะพูดรายงานหน้าชั้น จีบสาว ไม่เว้นแม้กระทั่งสัมภาษณ์งานด้วยเช่นกัน การสบสายตาขณะที่เรากำลังพูดกับคนๆนั้น หรือเขากำลังพูดกับเรา จะทำให้คนที่สื่อสารด้วยรู้สึกสนใจในสิ่งที่เราพูดมากขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้เราดูเป็นคนมีความเชื่อมั่นในตัวเองอีกด้วย…แววตาบอกความมุ่งมั่นเสมอครับ
เสียง ‘หลง’
แน่นอนว่าเมื่อแววตามัดใจได้แล้ว น้ำเสียงต้องตามมาติดๆครับ เราควรจะพูดให้มีน้ำเสียงที่คล่องแคล่ว ฟังชัด และมีท่วงทีในการผ่อนหนักผ่อนเบา ตามสถานการณ์ของบทสนทนานั้นๆ จำไว้ครับว่า…น้ำเสียงบอกพลัง
อนึ่ง, ตามหลักนรลักษณ์แล้ว สามสิ่งที่สำคัญมากที่สุดคือ 1.น้ำเสียง 2.แววตา 3.ราศี ทั้งสามสิ่งนี้ถูกควบคุมด้วยสิ่งเพียงสิ่งเดียว คือ ‘ใจ’ เมื่อใจดีทุกอย่างดีหมด น้ำเสียงบอกพลัง แววตาบอกความมุ่งมั่น ราศีบอกความสุขความสบายใจ เหมือนดังคำกล่าวที่ว่า…ทุกสิ่งสำเร็จได้เพราะ ‘ใจ’ ดูแลจิตใจให้ดีนะครับ