เมื่อไม่นานนี้เราได้ฮือฮากับการเปลี่ยนชื่อบริษัท Facebook มาเป็น Meta ซึ่งพวกเราทุกคนคงเข้าใจได้ไม่ยากว่าชื่อ “Meta” ล้อไปกับเป้าหมายและยุทธศาสตร์ในอนาคตที่ต้องการก้าวไปสู่ Metaverse ซึ่งก็ไม่น่าจะมีอะไรแปลกที่แบรนด์จะเลือกใช้คำที่สื่อถึงตัวตนเองมากที่สุด และจะยิ่งสบายใจถ้าแบรนด์เหล่านั้นเป็นธุรกิจภายในประเทศที่ใช้ภาษาของตัวเอง แต่เมื่อไหร่ที่แบรนด์ก้าวสู่ตลาดโลกหมายความว่า การตั้งชื่อแบรนด์แต่ละครั้งจำเป็นต้องคำนึงถึงทุกคนที่อยู่ในตลาด รวมถึงชื่อแบรนด์ในภาษาอื่นๆ ทั่วโลก
เพราะบางครั้งการใช้ภาษาที่มีความหมายดีทั่วโลก แต่ดันมีความหมายแย่ในอีกภาษาหนึ่ง อาจจะส่งผลกระทบอย่างเบาก็เป็นเรื่องเฮฮาและล้อเลียนไปไม่จบไม่สิ้น แต่ถ้าร้ายแรงก็อาจจะกระทบต่อแบรนด์อย่างเลี่ยงไม่ได้ ขอยกกรณีตัวอย่างของ Meta เลยก็แล้วกัน ซึ่งอย่างที่กล่าวไปแล้วว่าชื่อ Meta คือการสื่อถึงตัวตนของแบรนด์ ทว่าคำว่า Meta ในภาษาฮิบรูดันแปลว่า “ตาย” ซึ่งไม่ใช่ความหมายที่ดีสำหรับแบรนด์ออกจะเป็นแนวแช่งตัวเองด้วยซ้ำ จึงไม่แปลกที่จะเห็นแฮชแท็กของชาวยิวระบุว่า #FacebookDead และดูเหมือนแฮชแท็กนี้ชาวยิวคงใช้กันอีกนานหลายปี
ถึงขนาดที่หลายคนบอกว่า นี่คือสัญญาณของอนาคตหลัง Mark Zuckerberg ถูกสอบสวนในหลายกรณี รวมไปถึงการตำหนิในกรณีที่ไม่มีการศึกษาด้านภาษาในต่างประเทศ และ Meta ไม่ใช่กรณีแรกที่มีการตั้งชื่อโดยไม่ได้ศึกษา ก่อนหน้านี้ Kim Kardashian เปิดตัวผลิตภัณฑ์ชุดกระชับสัดส่วนภายใต้แบรนด์ “Kimono (กิโมโน)” ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า ชุดกิโมโนเป็นชุดประจำชาติของญี่ปุ่น
โดยนายกเทศมนตรีเมืองเกียวโตได้ขอให้ Kim ยกเลิกการใช้แบรนด์ Kimono เนื่องจากกิโมโนเป็นวัฒนธรรมของญี่ปุ่นและเป็นสมบัติของโลกที่ทุกคนมีสิทธิ์ใช้ จึงไม่ควรให้กิโมโนเป็นของใครคนใดคนหนึ่ง ซึ่งภายหลัง Kim ได้เปลี่ยนชื่อแบรนด์ใหม่เป็น Skims
ขณะที่ Nissan ค่ายรถยนต์เคยเปิดตัวรถยนต์รุ่น MOCO ช่วงปี 2000 ซึ่งเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมในประเทศญี่ปุ่น แต่รุ่นนี้เป็นที่พูดถึงอย่างมากในสเปน และถือเป็นเรื่องที่โชคดีที่ Nissan ไม่ได้นำรถยนต์รุ่นนี้ไปขายที่ประเทศสเปน เพราะคำว่า MOCO ในภาษาสเปนแปลว่า “ปีศาจ” และคงไม่ดีมาถ้ามีปีศาจอยู่ในบ้านหรือไว้ใจให้ปีศาจพาไปไหนมาไหนตลอดเวลา
Source: CNN
