ฝ่ามรสุม-โต้คลื่นความท้าทาย สู่โอกาสและเทรนด์ปี 2023 จากมุมมอง “ผู้นำองค์กร”

  • 23
  •  
  •  
  •  
  •  

CEO 2023

ปี 2022 เป็นปีที่หลายธุรกิจมองว่าเร่ิมเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ หลังผ่านพ้นวิกฤต COVID-19 ทว่าแสงสว่างนั้นกลับกลายเป็นแสงสว่างที่ดูมัวๆ ไม่ได้สว่างสดใสอย่างที่คิด ซึ่งเป็นผลมาจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ต้องเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อ ซ้ำเติมด้วยความขัดแย้งอย่างสงครามรัสเซีย-ยูเครน ก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) ระหว่างรัสเซีย กับยุโรป และส่งผลให้เกิดวิกฤตพลังงาน รวมถึงสงครามการค้าและเทคโนโลยีที่ยังไม่จบระหว่างจีนและสหรัฐฯ จนส่งผลกระทบไปทั่วโลก อีกทั้งในหลายประเทศ รวมทั้งไทยยังเจอวิกฤตสิ่งแวดล้อม และภาวะโลกรวนที่เกิดถี่ขึ้น

นอกจากนี้ประเทศไทยยังมีปัญหาความเหลื่อมล้ำสูง และเป็นปีที่เข้าสู่สังคมผู้สูงวัยโดยสมบูรณ์ (ประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป มีจำนวน 20% ของประชากรทั้งประเทศ) กระทบต่อตลาดงานในอนาคต เนื่องจากประชากรวัยทำงานลดลง

ในปี 2023 คาดการณ์กันว่าความเสี่ยงและความท้าทายจากปีที่ผ่านมาจะยังคงอยู่ ทั้งในระดับโลก และประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจผันผวน ราคาสินค้าแพงขึ้น สงคราม ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ตลอดจนสถานการณ์ความไม่แน่นอนต่างๆ

MarketingOops! ได้จัดทำบทความชุดนี้ขึ้น นำเสนอมุมมองและแนวคิดของผู้นำองค์กร ทั้ง CEO และผู้บริหารระดับสูง เพื่อเป็นแรงบันดาลและเสริมสร้างไอเดียที่จะช่วยให้ธุรกิจนำไปปรับใช้ เตรียมความพร้อมรับความท้าทายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

 

เศรษฐา ทวีสิน ปะธานอำนวยกาและกรรมกาผู้จัดกาใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)

มองว่าปี 2023 จะเป็นปีที่ความผันผวนทางเศรษฐกิจยังคงมีอยู่ เราจะได้เห็นการฟื้นตัวรูปตัว K ที่ชัดเจนขึ้น ความแตกต่างระหว่างผู้ที่แข็งแกร่งจะยิ่งถ่างห่างจากผู้ที่มีความอ่อนไหวทางสังคมและเศรษฐกิจเยอะขึ้น นี่คือความท้าทายของเศรษฐกิจและธุรกิจภาพรวมที่เราต้องช่วยกันจัดการ

“ผมคิดว่าถึงเวลาที่ผู้นำธุรกิจไทยต้องกล้าที่จะออกมา Call Out ในเรื่องที่ถูกต้องและสำคัญต่อสังคม เศรษฐกิจ ผมเองคาดหวังเรื่องพวกนี้จากผู้นำธุรกิจทุกคน ธุรกิจรายใหญ่อาจะต้องถามตัวเองว่าเราได้มีส่วนช่วยเอื้อ หรือผลักดันคนที่ตัวเล็กกว่าบ้างไหม เพราะประเทศจะเดินหน้าได้ก็ต้องไปด้วยกัน ถ้าเรามีความจริงใจและหวังดีต่อส่วนรวม เราก็ต้องกล้าพูดและทำในสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ”

CEO Sansiri 2023

 

Mr. Tony Fernandes CEO, Capital A

“Capital A” หรือที่เราคุ้นเคยกับธุรกิจ AirAsia” กล่าวถึงความเสี่ยงและความท้าทายสำหรับการทำธุรกิจในปี 2023 ว่า ความเสี่ยงอันดับหนึ่ง คือเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่สำหรับบางธุรกิจอาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้ เพราะผมคิดว่าระบบการเงินจำเป็นที่จะต้องเคลียร์เอาท์ออกไป อีกเรื่องคือ ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitical) ซึ่งค่อนข้างเห็นได้ชัดตามข่าวสารต่างๆ ซึ่งสนับสนุนด้วยสัญญาณที่เกิดขึ้นทั้งในจีนและยุโรป รวมไปถึงปัญหาเรื่องของการสลายของลัทธิชาตินิยมในหลายๆ ส่วนของโลก มากไปกว่านั้น เรายังมีเรื่องของสถานการณ์ทางคลังและเศรษฐกิจที่กำลังโดนภาวะเงินเฟ้อผสมกับอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น เงินดอลลาร์ที่แข็งค่า และราคาของพลังงานที่แพงขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวมองว่า พวกเราได้ผ่านภาวะที่เลวร้ายที่สุดมาแล้ว

สำหรับคำแนะนำที่คิดว่าจะทำให้ก้าวข้ามความท้าทายต่างๆ ไปได้ Mr. Tony ระบุว่า อย่างแรกเลย คือการบริหารจัดการกับต้นทุน เพื่อขยาย Top line และลด Bottom line โดยที่ AirAsia พวกเราพยายามขยาย Top line ผ่าน รายได้ที่ได้จากค่าตั๋วโดยสาร และรายได้ของสายการบินจากการขายสินค้าหรือบริการที่นอกเหนือจากค่าโดยสารอื่นๆ อีก บวกกับการที่เราวางแผนที่จะลดคอร์สค่าใช้จ่ายและต้นทุนต่างๆ พร้อมกับดูแลกระแสเงินสดให้เป็นด้านบวกอยู่ตลอด ก็น่จะทำให้เราผ่านไปได้ ซึ่งไอเดียนี้ทำให้เราผ่านในจุดที่แย่ที่สุดของโควิด-19 มาแล้ว อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่ยังมี Demand (เรื่องการท่องเที่ยและการเดินทาง) ก็เชื่อว่าเราจะมีโอกาสและทางรอดเพื่อเติบโตต่อไปได้

ส่วนเรื่องเทรนด์และโอกาสสำคัญในปี 2023 Mr. Tony กล่าวว่าสำหรับ Capital A เรามี 2 อย่างด้วยกัน อย่างแรก คือด้าน “โลจิสติกส์” แน่อนว่าการค้าขายยังมีอยู่แม้อาจจะดรอปลงไปบ้าง แต่จะถูกแทนที่ด้วย Ecommerce ซึ่งจะเป็นโอกาสที่ยอดเยี่ยมสำหรับธุรกิจการขนส่งทางไกล โดยเฉพาะกับสายการบินของเรา

อย่างที่ 2 คือ ซึ่งอาจจะฟังดูแปลกๆ ไปนิด แต่ส่วนตัวคิดว่า ฟองสบู่ได้แตกไปแล้วสำหรับบริษัทเทคโนโลยี (Tech Companies) หลายๆ แห่ง นั่นหมายความว่าค่าใช้จ่ายกำลังตกลงเพราะผู้คนจะไม่ยอมจ่ายเหมือนแต่ก่อน และที่สำคัญที่สุด คือบริษัทหรือองค์กรที่ดำเนินการแบบไร้ตรรกะทางการทำธุรกิจ จำเป็นที่จะต้องเร่งสร้างความยั่งยืนและดำเนินธุรกิจอย่างเหมาะสมที่สุด ด้วยการประเมินคุณค่าที่สมเหตุสมผล ซึ่งต้องถือว่าเป็นโอกาสอันดีเยี่ยมของ Capital A ซึ่งเป็นบริษัทดิจิทัล ที่ต้องสู่กับการแข่งขันที่ไม่สมเหตุสมผล เนื่องมาจากการทะลักของเงินทุนจากพวกนักลงทุนมากมาย

และเมื่อเราให้ Mr. Tony นิยามปี 2023 ว่าคืออะไร สำหรับเขา

“น่าตื่นต้น”

โดยเขาให้คำอธิบายเพิ่มเติมว่า มันคือการเกิดใหม่ เพราะมี CEO เพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้มีโอกาสได้รีสตาร์ทบริษัทตัวเองใหม่อีกครั้ง

“ผมมีความสุขมากที่ได้เริ่มต้นธุรกิจสายการบินเมื่อ 21 ปีที่แล้ว และตอนนี้ AirAsia ก็ได้เริ่มต้นใหม่อีกด้วยเครื่องบินเพียงแค่ 2 ซึ่งนับเป็นความท้าทายเป็นอย่างยิ่ง และยังเป็นโอกาสที่ได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน ดังนั้น ผมตื่นเต้นมาก เพราะมีหลายคนเลยที่ขีดฆ่าเราออกจากสารบบ เพราะไม่เชื่อในวิสัยทัศน์ของพวกเราบนแนวคิดดิจิทัล ดังนั้น ผมชอบที่จะพิสูจน์ให้เห็นว่าพวกเขาผิด ดังนั้น ผมจึงรู้สึกตื่นเต้นมากกับปี 2023

CEO Capital A-2023

 

ขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย

สำหรับในปี 2023 ธนาคารกสิกรไทยมองว่า แม้ภาพรวมเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยน่าจะปรับตัวดีขึ้น แต่ยังคงต้องเผชิญความท้าทายจากการชะลอตัว รวมถึงวิกฤตพลังงาน และนโยบายการเงินที่ดอกเบี้ยยังต้องปรับขึ้นต่อเนื่องเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ขณะที่ปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ทั้งความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน และ จีน-สหรัฐฯ ยังเป็นประเด็นที่สร้างความไม่แน่นอน ทั้งการกีดกันการค้า เทคโนโลยี ความผันผวนของราคาพลังงานและอาหารในตลาดโลก

ด้านการท่องเที่ยวมีการฟื้นตัวต่อเนื่อง ซึ่งน่าจะทำให้เศรษฐกิจไทยปี 2023 เติบโตดีกว่าปีที่ผ่านมา แต่เป็นการเติบโตที่กระจุกตัวในบางอุตสาหกรรม อีกทั้งภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนยังคงต้องวางแผนการเงินอย่างรอบคอบ รองรับความเสี่ยงที่ดอกเบี้ยอาจจะปรับขึ้นมากกว่าที่คาดและความผันผวนของค่าเงิน

นอกจากนี้ ธนาคารกสิกรไทยยังมองโอกาสในปี 2023 โดยเแบ่งออกเป็น 3 โอกาสหลัก ทั้ง โอกาสจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว โดยเฉพาะซัพพลายเชนท่องเที่ยวมีโอกาสจากรูปแบบหรือเทรนด์การเดินทางที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น Wellness/Sustainable Tourism ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถตอบโจทย์ความต้องการที่เฉพาะเจาะจงของนักท่องเที่ยวได้

โอกาสจากการกระจายความเสี่ยงของฐานการผลิตทั่วโลก เป็นผลจากปัญหาห่วงโซ่อุปทานและความขัดแย้งระหว่างประเทศ ส่งผลให้นักลงทุนต้องกระจายความเสี่ยงไปยังหลายภูมิภาคทั่วโลก ซึ่งจะทำให้ธุรกิจมีโอกาสหากมีความพร้อมและความสามารถเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของซัพพลายเชนในระดับโลกของอุตสาหกรรมแห่งอนาคตได้ และ โอกาสจากเทรนด์ความยั่งยืน โดยเฉพาะ ESG ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้งสภาพภูมิอากาศ เกณฑ์คู่ค้าและพฤติกรรมลูกค้า ทำให้การลงทุนในเทรนด์ความยั่งยืนเป็นโอกาสและทางรอดสำหรับธุรกิจที่จะช่วยให้มีโอกาสยืนหยัดและเติบโตในระยะยาว

โดยธนาคารกสิกรไทยยังคงดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวัง สอดรับกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ไม่ทั่วถึง ภายใต้การบริหารความเสี่ยง ความท้าทาย และการจัดการต้นทุนที่เหมาะสม พร้อมทั้งสนับสนุนลูกค้าในมิติต่างๆ ทั้งการเงิน ให้ความรู้ และเทรนด์ต่างๆ เพื่อสร้างโอกาสในการดำเนินธุรกิจ เพื่อให้ลูกค้าบุคคลและลูกค้าธุรกิจสามารถก้าวผ่านวิกฤตและเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน รวมทั้งขยายโอกาสการเข้าถึงบริการธนาคารให้แก่ประชาชนในสังคมวงกว้างมากขึ้น ประกอบกับการให้ความรู้ในการสร้างวินัยทางการเงินเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

โดยคุณขัตติยาให้คำนิยามปี 2023 ว่า

“ยังต้องเผชิญความท้าทาย”

เศรษฐกิจไทยฟื้นตัว แต่ยังคงไม่ทั่วถึง ยังมีผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว และดอกเบี้ยขาขึ้น

CEO KBank-2023

 

วัลยา จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)

แสดงทรรศนะความท้าทายในปี 2023 ว่า จากการวิเคราะห์ของนักวิเคราะห์การลงทุนพบว่า ความผันผวนทางเศรษฐกิจโลกที่เกิดขึ้นในปี 2022 จะยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่องไปจนถึง 2024 (2565 – 2567) ทั้งความขัดแย้งระหว่างประเทศ (รัสเซียและยูเครน / สหรัฐอเมริกาและจีน) วิกฤติราคาน้ำมันและอาหารที่ราคาสูงขึ้นจากภาวะเงินเฟ้อทั่วโลก และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก เป็นต้น

“อย่างไรก็ตาม ในทุกวิกฤติ มีโอกาส และเซ็นทรัลพัฒนามองความท้าทาย เป็นโอกาสในการลงทุนและการปรับเปลี่ยนสู่สิ่งที่ดีกว่าเดิมอยู่เสมอ เราลงทุนต่อเนื่องมาโดยตลอด ไม่ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจรอบตัวจะเป็นอย่างไร

เพราะเรามองภาพการเติบโตแบบระยะยาว จึงไม่เคยหยุดลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ พร้อมมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ อยู่เสมอ ภายใต้กลยุทธ์ที่ชัดเจนและสอดรับกับความเปลี่ยนแปลง และความท้าทายที่เกิดขึ้น”  

โดยเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2022 เราได้เปิดตัว 2 โครงการมิกซ์ยูสแห่งใหม่คือ “เซ็นทรัล นครสวรรค์” เปิดไตรมาส 1/2024 และ “เซ็นทรัล นครปฐม” เปิดไตรมาส 2/2024 รวมงบลงทุน 14,000 ล้านบาท เพื่อต่อยอดแผนธุรกิจ 5 ปี (2022 – 2026) ในการเดินหน้าสู่ “Retail-Led Mixed-Use Development” ของเรา

ส่วนแนวทางก้าวข้ามผ่านความเสี่ยงและความท้าทายในปี 2023 คุณวัลยา ขยายความเพิ่มเติมว่า เซ็นทรัลพัฒนา” เรามีดีเอ็นเอของ Dynamism ความไม่หยุดนิ่ง และมีความพร้อมที่จะปรับตัวอย่างยืดหยุ่นไปด้วยกัน ต้องพร้อมปรับเปลี่ยนให้เท่าทันเทรนด์โลก และการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคตลอดเวลา รวมถึงมองหาโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจอยู่เสมอเพื่อขยายโอกาสการเติบโตในอนาคต

โดยเซ็นทรัลพัฒนาพร้อม Transform ธุรกิจภายใต้ 4 กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่

1. Business Diversification ขยายไปสู่ธุรกิจใหม่ๆ ที่เชื่อมโยงและส่งเสริมธุรกิจหลัก

2. Power of Synergy ผนึกกำลังทั้งภายในกลุ่มเซ็นทรัล และพาร์ทเนอร์ธุรกิจ เพื่อสร้าง Impact ที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิมทั้งระดับประเทศและระดับโลก

3. Business Model Shift ปรับโมเดลธุรกิจให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของลูกค้า และช่วยให้ธุรกิจของคู่ค้าเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน

4. Omnichannel Experience เชื่อมโยงประสบการณ์แบบ O2O (Offline to Online) แบบ 360 องศา เพื่อสามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตและความต้องการของลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ขณะที่เทรนด์และโอกาสปี 2023 คุณวัลยา ฉายภาพเทรนด์ใหญ่ดังนี้

1. Digital Transformation ในปี 2022 เราได้ลงทุนไป 500 ล้านบาท เพื่อจัดตั้งทีม Business & Digital Transformation เพื่อให้องค์กรพร้อมทรานฟอร์มสู่การเป็น Omnichannel Platform ที่มากกว่าการเชื่อม offline และ online แต่จะเชื่อมโยงทุกธุรกิจใน ecosystem เข้าด้วยกัน และเชื่อมโยงธุรกิจของคู่ค้าไปยังลูกค้า แบบ B2B2C เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้ลูกค้าในอนาคต

รวมไปถึงการเทรนนิ่งพนักงานให้มีความรู้ และทักษะ พร้อมทรานส์ฟอร์มสู่เศรษฐกิจดิจิทัลอย่างเต็มตัว และการปรับเปลี่ยน Office Space รวมถึงรูปแบบการทำงานให้เป็น Hybrid Style มากขึ้น เพื่อพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต

2. Environmental Sustainability จากสถานการณ์ภาวะโลกร้อนที่เริ่มส่งสัญญาณชัดเจนมากขึ้น ทำให้เกิดการตื่นตัวเรื่องสิ่งแวดล้อม และกระแสการปรับตัว ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต ซึ่งอาจนำไปสู่โอกาสทางธุรกิจมหาศาล และเซ็นทรัลพัฒนา เป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญเรื่องความยั่งยืน ใส่ใจดูแลสิ่งแวดล้อม ชุมชนและสังคมมาโดยตลอด และเราได้ตั้ง Goal ที่จะเป็นองค์กรอสังหาริมทรัพย์รายแรกสู่ Net Zero ภายในปี 2050 และได้เริ่มทำกิจกรรมด้านอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและพลังงานที่เป็นรูปธรรมชัดเจนมากขึ้น อาทิ

– Green Bond:  การออกและเสนอหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) จำนวน 2,000 ล้านบาท เป็นครั้งแรกของวงการอสังหาริมทรัพย์และค้าปลีกของไทย

The Urgent Project: ร่วมกับพาร์ทเนอร์ชั้นนำของประเทศไทย จัดงาน Experiential Sustainability Exhibition ครั้งแรกที่สร้างความเข้าใจในเรื่องความยั่งยืนที่เข้าใจง่าย และเข้าถึงไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่

โครงการปลูกป่าซับคาร์บอน: เพื่อร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และสนับสนุนการดูดซับคาร์บอนผ่านการปลูกป่า สร้างสมดุลให้กับสภาพภูมิอากาศของโลก โดยมีเป้าหมายในการปลูกป่า 500 – 1,000 ไร่ต่อปี (ภายใน 10 ปี / ระหว่างปี 2022 – 2032) หรือจนกว่าจะครบ 1 ล้านต้น

EV Charger: เชื่อว่าในปีหน้าเทรนด์ EV จะเริ่มเป็นที่นิยมมากยิ่งขึ้น ซึ่งเราได้มองการณ์ไกลถึงเรื่องนี้และริเริ่มจุดให้บริการ EV charger และรถยนต์ Hybrid มาตั้งแต่ปี 2017 แล้ว โดยล่าสุดเราได้จับมือกับกลุ่มปตท. และ EVOLT ขยายสถานี EV Charging Station ในศูนย์การค้าเซ็นทรัล 38 แห่งทั่วประเทศ ภายในปี 2022 เพื่อส่งเสริม และรองรับเทรนด์การใช้พลังงานสะอาด ก้าวสู่สังคมคาร์บอนต่ำที่จะเกิดขึ้นชัดเจนในปีหน้าอีกด้วย

รวมไปถึง Green Initiatives ต่างๆ ที่บริษัทฯ ทำอย่างต่อเนื่อง อาทิ การพัฒนาโครงการตามแนวทางและมาตรฐาน Green Building, การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์, การใช้พลังงานสะอาดด้วยการติดตั้ง Solar Rooftop, แผนแม่บทการประหยัดพลัง (Energy Efficiency) รวมไปถึง Waste Management ลดขยะฝังกลบ เป็นต้น

สำหรับนิยามปี 2023 คุณวัลยาให้นิยามว่าเป็น

“Better Futures”

เพราะไม่ว่าสถานการณ์ข้างหน้าจะเป็นอย่างไร เซ็นทรัลพัฒนาเรามีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนา ยกระดับ และสร้างสรรค์อนาคตที่ดีและยั่งยืน ตามวิสัยทัศน์ของเรา “Imagining better futures for all” เพื่อขับเคลื่อนประเทศไปสู่อนาคต

CEO Central Pattana-2023

 

สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อาร์เอส กรุ๊ป

หรือที่เรารู้จักกันดีในนาม “เฮียฮ้อ” กล่าวถึงความท้าทายและความเสี่ยงของธุรกิจในปีหน้าว่าความเสี่ยงในเรื่องของความไม่ ชัดเจนและผลกระทบทางธุรกิจที่มาจากภาวะเงินเฟ้อทั้งทั่วโลกและประเทศไทย เพราะจะกระทบกับกำลังซื้อของผู้บริโภค ทั้งระดับกลาง-ล่าง ส่วนระดับแมส เราไม่รู้ว่าจะขนาดไหนและจะหยุดเมื่อไหร่ แต่คิดว่าในปี 2023 ปัจจัยลบในภาพใหญ่ จะน้อยกว่า 2-3 ปีที่ผ่านมา เพราะจะมีปัจจัยบวกมากกว่า อารมณ์การอยากจับจ่ายใช้สอย และอยากท่องเที่ยว จะมีมากขึ้น รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติได้กลับมาแล้ว จะส่งผลให้ทั้งผู้ประกอบการและประชาชนมีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจ และกล้าใช้เงินมากขึ้น

“ดังนั้น แนวทางที่จะสามารถเอาชนะความเสี่ยงทางธุรกิจได้ เฮียคิดว่าอย่างแรกต้องบริหารเรื่องสถานะการเงินของบริษัทให้ปิดความเสี่ยง ให้มีความรอบคอบมากขึ้น สอง ต้องมีสภาพคล่อง ถ้าจัดการสองเรื่องนี้ได้ ก็จะทำให้เราใช้โอกาสได้ เพราะในการทำธุรกิจเฮียจะมองเรื่องโอกาสมากกว่ามองผลลบอื่น ๆ”

สำหรับภาพรวมเทรนด์และโอกาสในปี 2023 ผู้ก่อตั้ง อาร์เอส กรุ๊ป กล่าวว่า ในภาพรวมคิดว่าเทรนด์ใหญ่ยังไม่เปลี่ยน ทั้ง Aging Society, Clean energy, Health & Wellness และ Social life ยังเหมือนเดิม ซึ่งอาร์เอส กรุ๊ป ก็จะดูในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเราว่ามีอะไรบ้าง เพราะเราเชื่อว่า เรื่องของ Pet Industry คือเทรนด์ใหญ่ที่ล้อกับไลฟ์สไตล์ของผู้คนในยุคนี้ซึ่งโตมาก เชื่อว่าตอนนี้แซงจนเป็นเทรนด์หลักเราจึงสนใจตลาดนี้ ในขณะที่ธุรกิจบันเทิง โดยเฉพาะเพลงและโชว์บิส เราคิดว่าธุรกิจเพลงกลับมาสู่ New S-Curve แล้วเราจะกลับมาบุกเต็มที่และการมาครั้งนี้จะสร้างความว้าวในแบบที่ทุกคนไม่คาดคิด

ท้ายที่สุด นิยามปังๆ ในปีหน้าขอเรียกว่าเป็น

“ปีแห่งการก้าวกระโดด และเก็บเกี่ยว”

นิยามนี้ “เฮียฮ้อ” ให้เหตุผลว่า การก้าวกระโดดและเก็บเกี่ยว เพราะเชื่อมั่นว่าจะเป็นปีฟ้าหลังฝน คนทำธุรกิจอยู่กับโควิด-19

ตั้งแต่ปี 2020 คือหนักมาก วันนี้หมดแล้ว เรื่องอื่นถือเป็นเรื่องเล็กสำหรับธุรกิจที่จะมีปัญหาเป็นปกติ ใครจะออกจากบ้านไปเก็บเกี่ยวอะไรได้ก็คือโอกาสแล้ว ทั้งนี้ การเก็บเกี่ยวสำหรับ อาร์เอส กรุ๊ป ใน 3 ปีที่ผ่านมา เราทำอะไรไปเยอะมาก จึงมองว่าปีหน้าจะเป็นปีแห่งการก้าวกระโดดเพื่อเก็บเกี่ยว ซึ่งทั้ง 2 เรื่องนี้ก็จะล้อไปกับ Business Model ที่ได้กางแผนเอาไว้และเราจะประกาศจัดระเบียบใหม่ เพื่อบอกว่าเป็นบริษัทไหนในเครือที่จะเอาเข้าตลาดหลักทรัพย์บ้าง

CEO RS Group-2023

 

ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ ประธานด้านยุทธศาสตร์ฯ และกรรมการผู้จัดการ บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์

หรือ “ดร.ยุ้ย” กล่าวถึงความเสี่ยงและความท้าทายสำหรับการทำธุรกิจในปี 2023 ว่า ในปีหน้าสิ่งที่เราต้องเผชิญเลย 1. ภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Economic Recession) ซึ่งเกิดจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น Supply Disruption (การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน) จนทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ ราคาสินค้าแพงแต่ค่าแรงเท่าเดิม พร้อมๆ กับที่มีการขึ้นอัตราดอกเบี้ย นี่คือสิ่งที่เราต้องเจอในภาวะเศรษกิจถดถอย แต่ปีนี้และปีหน้าอาจจะต่างไปจากเดิม เพราะมีอีกปัจจัยเพิ่มขึ้นได้แก่ “Social Challenge” ก็คือความท้าทายทางสังคม เช่น สังคมผู้สูงอายุที่จะเพิ่มมากขึ้นแต่เรายังขาดความพร้อมรองรับตรงจุดนี้

และ 2. ปัญหาสิ่งแวดล้อม Climate Change ซึ่งจะเห็นได้ชัดขึ้นแน่นอน โดยที่เป็นอีกหนึ่งความท้าทายด้าน Social Challenge ของภาคธุรกิจเช่นกันที่จะต้องตอบสนองในจุดนี้ให้ได้ เพราะผู้บริโภคกำลังมองหาสิ่งเหล่านี้จากบริษัทต่างๆ และพร้อมจะสนับสนุนแนวคิดนี้ด้วย

“แต่สิ่งที่เป็นความท้าทายใหญ่ก็คือ ในส่วนของบริษัทใหญ่ๆ ทำได้ ไม่มีปัญหาแม้ว่าจะทำให้เกิดต้นทุนต่างๆ เพิ่มขึ้น แต่กลับมาฝั่งรายเล็กๆ จะทำได้หรือไม่เพราะมันคือต้นทุนที่แพงขึ้นมา นี่จึงเป็นความท้าทายที่เราจะเห็นในปีหน้าอย่างแน่นนอน”

สำหรับคำแนะนำในการที่จะเอาชนะความท้าทายต่างๆ ในอนาคต ดร.ยุ้ย กล่าวว่า แม้จะบอกว่า Social Challenge คือความท้าทาย แต่ขณะเดียวกันส่วนตัวก็ชอบ เพราะว่าในอีกทางหนึ่งมันก็เป็นโอกาสเช่นกัน เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่บอกว่ามี Challenge นั่นหมายถึงว่าคุณมี Opportunity เช่นกัน แต่จุดที่ยากกว่าคือ “เมื่อเรามองเห็นแล้วแต่จะทออกมาอย่างไร แก้ Pain Point นั้นได้อยางไร”

ยกตัวอย่างว่า ถ้าเป็น เสนาฯ เมื่อเรามองว่าหาก Social Challenge คือการที่คนแก่ล้นเมือง ดังนั้น เราก็มาสร้างสิ่งที่เรียกว่า Primary Care ให้เราสามารถดูแลคนแก่ได้ในบ้าน โดยไม่ต้องออกไปสร้างความแออัดให้กับโรงพยาบาล เสีย Supply size ของโรงพยาบาล หรือแม้แต่คนทั่วไปเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ ก็ไม่ต้องไปถึงโรงพยาบาล สามารถดูแลตัวเองที่บ้านได้เลย

ดังนั้น Primary care ควรจบที่บ้าน เราก็มาดูต่อว่า ถ้าเช่นนั้น Telemedicine เป็นคำตอบให้ Primary care หรือไม่ เช่นเราทำบ้าน หรือคอนโด ให้สามารถ Telemedicine ที่สะดวกสบายแก่ลูกบ้านมากขึ้น ตรงนี้ได้ไหม เพราะอย่าลืมว่า เรา (เสนาฯ) ไม่ได้ขายเซอร์วิส Telemedicine ต่เราทำบ้านที่อยู่อาศัยเพื่อตอบโจทย์ Social Challenge ที่กำลังจะเกิดขึ้น

“ดังนั้น ถ้าถามว่าธุรกิจจะเอาชนะความท้าทายต่างๆ ในอนาคตได้อย่างไร มันก็คือการสร้างความแตกต่าง การสร้างความสามารถการแข่งขันให้ธุรกิจนั่นเอง”

สำหรับเทรนด์ในปี 2023 และอนาคตสำหรับสิ่งที่ควรจับตามอง ดร.ยุ้ยบอกว่า น่าจะเป็น Green Trend and Sustainability คือเทรนด์ทางด้านสิ่งแวดล้อม และ Health Trend เทรนด์ที่เกี่ยวกับสุขภาพ ซึ่งมองว่าในการอด็อป 2 เทรนด์สำคัญนี้ มี 2 แบบที่ทำได้ หนึ่งคือ เราเพิ่ม 2 เรื่องนี้ลงไปใน Core Business ของเรา เพื่อสร้างควาแตกต่างให้กับธุรกิจ

สำหรับนิยามปังๆ หนึ่งคำให้กับปี 2023 ดร.ยุ้ย ให้เรียกว่า

“นักวิ่งมาราธอน”

เพราะมองว่าในปี 2023 ไม่ใช่แค่จะต้องเป็นนักวิ่งที่วิ่งเก่ง วิ่งได้เร็วเท่านั้น แต่จะต้องวิ่งชนิดที่เรียกว่า ต้องมีความอึด ต้องมีความทนทานด้วย ถึงจะก้าวผ่านเอาชนะมันไปได้ เพราะมีควาท้าทายต่างๆ มากมายที่รออยู่ข้างหน้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอย ภาวะเงินเฟ้อ ฯลฯ แต่ถึงกระนั้นก็ยังเป็นเรื่องที่ดี เป็นโอกาสที่ดีที่เราจะต้องรีบคว้าเอาไว้ให้ได้ด้วย เพียงแต่ปีหน้าอาจจะต้องระวังเรื่องของ ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ให้มากๆ เลย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อยากดีไฟน์ปี 2023 ให้เป็นปีแห่งนักวิ่งมาราธอน เหมาะสมที่สุด

CEO SENA-2023

 

สาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)

กล่าวถึงปี 2023 ว่ายังคงเจอความท้าทาย ทั้งเงินเฟ้อ ดอกเบี้ยสูงขึ้น ปัจจัยด้าน Recession ที่คนพูดถึงกันมากว่าจะเกิด หรือไม่เกิดขึ้น ขณะเดียวกันการบริหารจัดการภายใต้โลกมิติใหม่ นับตั้งแต่เกิด COVID-19 เปลี่ยนแปลงไปมาก ทำให้ผู้คนถูก force และคุ้นชินกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ไปแล้ว เช่น การทำงานที่ไม่เหมือนเดิม อีกทั้งประเทศไทยยังมีปัจจัยด้านสังคมผู้สูงวัย

เพราะฉะนั้นถึงแม้จะมีการพูดกันว่าต่อไปโลกจะ Deglobalization (การทวนกระแสโลกาภิวัฒน์) แต่ในความเป็นจริงทุกอย่างเชื่อมโยงกัน ทำให้ความท้าทายเหล่านี้ยังคงมีอยู่

“สิ่งเหล่านี้เป็นโจทย์มหากาพย์ที่ต้อง rethink ใหม่ ดังนั้นในแง่ของผู้ประกอบการเอง ต้องดูว่าจริงๆ แล้ว Core Business ของธุรกิจเราคืออะไร ยังมีโอกาส หรือมีช่องว่างอะไรที่สามารถเติมเต็มได้ เพื่อนำมาปรับให้เข้ากับ Core Business โดยในที่สุดแล้วผลที่ได้ออกมา ต้องสามารถตอบโจทย์ 1. ธุรกิจยังสามารถเติบโตได้ไหม ยังเป็น Growth Engine ที่วิ่งได้อยู่หรือไม่ และ 2. ธุรกิจมีความคล่องตัว มีการบริหารจัดการด้านต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพเพียงใด”  

นอกจากนี้ในฐานะที่ คุณสาระ ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมประกันชีวิตไทย ได้ฉายภาพโอกาสและเทรนด์ของธุรกิจประกันในปี 2023 ว่า ปัจจุบันอัตราการถือครองกรมธรรม์ประกัน (Penetration Rate) ในประเทศไทย อยู่ที่ 3.9% ของจำนวนประชากร เปรียบเทียบกับสิงคโปร์ อยู่ที่ 7.5% ไต้หวัน 12% แอฟริกาใต้ 15% จะเห็นได้ว่าประเทศไทยยังมีช่องว่างในการเติบโตของตลาดประกัน เพียงแต่คนในวงการประกันต้องยอมรับในโลกมิติใหม่

“จากเดิมคนประกันถูกสอนมาเป็น Inside-out และผลักดันด้วย commission ผลิตภัณฑ์ประกันตัวไหนให้ commission เยอะ ก็เน้นขายตัวนั้น แต่โลกใบใหม่ไม่ใช่อย่างนั้นแล้ว ผู้คนเข้าถึงข้อมูลได้ มีความรู้ความเข้าใจ และต้องการผลิตภัณฑ์และบริการที่สามารถ personalize ให้ตรงกับความต้องการของตัวเอง

เพราะวันนี้คือโลกของ “Outside-in” รวมทั้งปัจจัยภายนอกอื่นๆ ที่ไม่ใช่แค่มิติของลูกค้า เป็นตัว drive วิธีการคิดต้องไปด้วยกันกับ Outside-in ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ การให้บริการ การใช้เทคโนโลยี โดยที่คนประกันต้องเป็น “ผู้ให้คำแนะนำ” (Advice) ไม่ใช่เป็น “คนขาย” และทุกอย่างอยู่บนพื้นฐานของ Data

อย่างปัจจุบันเราเห็นภาพว่าประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย ภาคธุรกิจประกันสามารถตอบโจทย์สังคมผู้สูงวัย ทำให้ผู้สูงอายุอยู่ได้โดยไม่เป็นภาระกับใคร อยู่ได้อย่างภาคภูมิใจ ทำอย่างไรให้เราเป็นทางเลือกของผู้บริโภค ทั้งในมุมของ Health และ Wealth

CEO Muang Thai Life Assurance-2023

 

เรืองโรจน์ พูนผล ประธานกลุ่มบริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG)

โดยในปี 2023 คุณเรืองโรจน์ หรือ คุณกระทิง มองว่า เศรษฐกิจมีความเสี่ยงที่จะถดถอยลงอย่างมาก จากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วเพื่อสู้กับเงินเฟ้อ แต่เงินเฟ้อก็จะยังพุ่งขึ้น รวมทั้งตลาดใหญ่ๆ อย่าง อเมริกา, จีน, ยุโรปยังไม่ฟื้น ทำให้โอกาสที่เศรษฐกิจจะถดถอยอย่างรวดเร็วมีสูงมาก และการที่เศรษฐกิจไทยพึ่งพานักท่องเที่ยว หากนักท่องเที่ยวจีนยังไม่กลับมาก็เป็นไปได้สูงว่า เศรษฐกิจไทยจะยังไม่ฟื้นตัวเต็มศักยภาพ โดยอาจต้องรออีก 2-3 ปี กว่าจะกลับมาฟื้นตัวเต็มที่

ส่งผลให้ประเทศไทยตามหลังเพื่อนบ้านอย่างอินโดนีเซียที่กำลังเติบโตแบบก้าวกระโดด (Leap Frog) อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ภาค SME และการเกษตรก็ยังสูญเสียความสามารถในการแข่งขันลงไปทุกๆ วัน เมื่อการบริโภคภายในประเทศยังไม่ฟื้นตัวทำให้ขาดกำลังซื้อ ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยเหลือตัวขับเคลื่อนเพียงแค่การใช้จ่ายของภาครัฐและจะทำให้การก่อหนี้ยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปอีก ทั้งหนี้สาธารณะและหนี้ภาคเอกชน โดยเฉพาะคนตัวเล็กๆ และธุรกิจขนาดเล็กถึงกลาง

นอกจากนี้ เมื่อรวมกับการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของ Digital Disruption และการเข้ามาของ Disruptive Technology ที่มีความท้าทายอย่างมาก เช่น รถไฟฟ้าจะทำให้หลายๆ อุตสาหกรรมของไทยต้องเร่งปรับตัวตาม S Curve และ Disruptive Technology เหล่านี้

ในปี 2023 จึงเป็นเวลาของการปรับตัวของธุรกิจ โดยเฉพาะการเร่งทำ Transformation ขององค์กร ทั้งการมองหา Business Model ใหม่ๆ การมองหาตลาดใหม่ๆ และการนำ Technology เข้ามาใช้ในองค์กร เพื่อให้องค์กรเพิ่ม Productivity แบบก้าวกระโดด โดยเฉพาะการนำ AI + Automation มาใช้ เพื่อลดต้นทุน รวมทั้งการรัดเข็มขัดองค์กรให้มีการใช้จ่ายอย่างระมัดระวังและถือเงินสด รวมถึงการมองกระแสเงินสดให้ตัวเองอย่างน้อยอยู่รอดจนพ้นปี 2023 และอาจจะต้องยาวถึง 2024

สำหรับองค์กรที่มีความเข้มแข็งทางการเงินควรใช้โอกาสนี้ในการเร่งทำ Transformation แบบก้าวกระโดด และ Acquire ทั้ง Talents ทั้ง Resources และลงทุนสร้าง Business Model ใหม่ๆ เพื่อที่หลังจากปี 2023 -2024 ธุรกิจจะสามารถเติบโตอย่างก้าวกระโดดนำคู่แข่งแบบไม่เห็นฝุ่น

Productivity Boost โดยเฉพาะการนำ AI + Automation มาใช้จะกลายเป็นเทรนด์สำคัญของปี 2023 เพื่อให้องค์กรลดเวลาและใช้ทรัพยากรน้อยลง แต่ได้ผลลัพธ์ที่มากขึ้นแบบก้าวกระโดด รวมทั้งในขณะเดียวกันองค์กรก็ต้องให้ความสนใจกับสิ่งแวดล้อม และ Social Impact มากขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน ที่สำคัญ South East Asia กำลังจะเข้าสู่ยุคทองที่มีอินโดนีเซียและเวียดนามเป็นหัวหอก ธุรกิจจึงควรใช้โอกาสนี้ในการขยายธุรกิจไปในประเทศเหล่านี้ โดยเฉพาะอินโดนีเซียที่กำลังก้าวกระโดด (Leap Frog) ในทุกๆ Sectors ทั้ง B2C และ B2B ภาคธุรกิจควรใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์

คุณเรืองโรจน์ ยังให้คำนิยามในปี 2023 ว่า

“A Year of Survival”

ถือเป็นปีแห่งความท้าทายขั้นสุดที่ทุกๆ คนต้องพยายามให้อยู่รอดให้ได้ แต่หลังปี 2023 ไปน่าจะเริ่มเข้าสู่การฟื้นฟูและภูมิภาคนี้น่าจะเริ่มเข้าสู่ยุคทองและเราจะต้องอยู่รอดอย่างเข้มแข็งเพื่อที่จะแสวงหาโอกาสจากยุคทองนี้ให้ได้

CEO KBTG-2023

 

ธนา เธียรอัจฉริยะ ประธานกรรมการ บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

กล่าวถึงความท้าทายในปี 2023 เรียกว่าเป็นเหมือน Perfect Storm ทุกอย่างมาพร้อมกันหมด ตั้งแต่ค่าเงินผันผวน ของแพงขึ้นมหาศาล ต้นทุนแพง เงินเฟ้อ มีความเสี่ยงสงคราม และไทยยังมีเลือกตั้งอีก ความผันผวนเหล่านี้ เราเรียนรู้มาจากช่วง COVID-19 ธุรกิจแต่ละที่ คงต้องรับมือต่างกัน แต่ทุกธุรกิจต้องทำเหมือนกันคือ Cash is King ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน ธุรกิจต้องมี “เงินสด” ไว้เป็นทุนสำรองอยู่ได้หลายๆ เดือน เพราะความผันผวนจะสูงมาก

อีกอันหนึ่งที่เป็นปัญหาใหญ่มากของประเทศไทยคือ “ความเหลื่อมล้ำของชนชั้น” สูงมาก คนรวย ยิ่งรวย ของ Luxury ขายดีมาก ชนชั้นกลางเดือดร้อน เงินเดือนฐานล่างไม่ขึ้น ดังนั้นจะเกิดความตึงเครียดทางชนชั้น

อย่างไรก็ตามท่ามกลางความผันผวนรอบด้าน คุณธนา มองว่าเมืองไทยยังมีโอกาส ด้านการท่องเที่ยว”

“เมืองไทยยังมีโอกาสด้านการท่องเที่ยว อย่างตอนนี้เกิดวิกฤตที่ยุโรป ชาวยุโรปต้องเจอกับค่าไฟแพงขึ้นเป็น 10 เท่า และกังวลเรื่องสงคราม กลัวรัสเซียปิดท่อก๊าซ จะกระทบการใช้ชีวิตในช่วงฤดูหนาว นี่คือโอกาสของประเทศไทยที่เราน่าจะโปรโมทว่าเราเป็น Heaven ของชาวยุโรป หรืออย่างอเมริกา เจอกับเงินเฟ้อ ทำให้ของแพงขึ้น ถ้ามาเมืองไทย ค่าใช้จ่ายต่างๆ ถูกกว่า ดังนั้นเราต้องวางแผนเรื่องท่องเที่ยวให้ดี เพราะการท่องเที่ยวเป็นความหวังของไทยที่ยังมีโอกาสสูงมาก”

คุณธนา ได้ทิ้งท้ายถึงนิยามในปี 2023 ว่า

Cash is King

ทั้งสำหรับธุรกิจ และบุคคลทั่วไป ต้องเก็บสำรองเงินสดไว้ และออมเงิน เพื่อเตรียม safety ไว้

Chairman of Board Director Bluebik-2023

 

สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส)

“AIS” ในฐานะเครือข่ายคมนาคมที่ให้บริการคนไทยมากว่า 32 ปี พร้อมกับความท้าทายรอบด้าน ยังคงทุ่มเทสร้างโครงข่ายดิจิทัลจากเทคโนโลยี 5G ครอบครองคลื่นมากที่สุด 1420 เมกะเฮิรตซ์ วางโรดแมปธุรกิจมุ่งสนับสนุนการใช้ชีวิตของทุกคน ภาคอุตสาหกรรม ตลอดจนเศรษฐกิจดิจิทัล พร้อมเปิดใจความท้าทายครั้งใหม่ที่จะเจอในปี 2023 ในเรื่องของ ภาวะเศรษฐกิจถดถอย จาก อัตราเงินเฟ้อ อัตราแลกเปลี่ยน , ความไม่แน่นอนของทุกสถานการณ์, ปัญหาสงคราม และ Geo Politic ที่ยังกระทบกับราคาพลังงานและเศรษฐกิจโลก รวมไปถึง ทัศนคติต่อการใช้ชีวิตของคนยุคใหม่

อีกทั้งชี้แนวทางการก้าวข้ามความเสี่ยงด้วยการมุ่งสู่ การรักษาสมดุล หรือ Balance ของการทำ Organization Effectiveness  โดยควรต้องให้ความสำคัญกับ Digital Transformation อย่างเข้มข้น และ Human resource management ใน 3 ด้าน คือ การ Re Skill พนักงาน ปัจจุบัน, จ้างพนักงานใหม่ที่มีความเชี่ยวชาญใน New Tech หรือ ใช้ Outsource ไปเลย

นอกจากนี้ คุณสมชัย ยังมองเห็นโอกาสในปี 2023 คือเรื่องของ การ Digitize กระบวนการทำงาน จากเครื่องมือต่างๆ เช่น Blockchain, AI, AR/VR, ML ที่จะช่วยให้รูปแบบการทำงานยกระดับไปอีกขั้น รวมถึงการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน ที่รักษาสมดุลของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะด้านการดูแลสิ่งแวดล้อม ที่ต้องอยู่ในกระบวนการทำงานทุกด้านอย่างแท้จริง

ส่วนนิยายของปี 2023 ในฉบับคุณสมชัย 

“The Whole new World”

ปีแห่งการก้าวสู่ The Whole new World เมื่อโลกเปลี่ยนแปลงจากการมาถึงของโควิด เมื่อปี 2020-2022 ที่ทุกคนรู้สึกถึงความไม่แน่นอน และยังมองไม่ออกว่า ปลายทางโลกจะเปลี่ยนไปอย่างไร ดังนั้นจึงทำให้ปี 2023 เรากำลังก้าวสู่โลกใบใหม่ที่มีวิธีคิดแตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

CEO AIS-2023

 

วรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย

กล่าวถึงความเสี่ยงและความท้าทายสำหรับการทำธุรกิจในปี 2023 ว่า สำหรับปีหน้าถือเป็นอีกหนึ่งปีแห่งความท้าทายที่เราจะต้องเผชิญกับวิกฤตและความไม่แน่นอนในหลายด้าน นักวิเคราะห์ต่างมองว่าโลกกำลังจะต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งมีผลกระทบมาจากปัจจัยต่างๆ อาทิ ภาวะเงินเฟ้อ ความขัดแย้งระหว่างประเทศ และการกีดกันทางการค้า รวมไปถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ปัจจัยเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อภาคธุรกิจ

ทั้งนี้ แนวทางที่คิดว่าจะสามารถจะฝ่าฟันและเอาชนะผ่านไปได้นั้น คุณวรฉัตร มองว่า  จากความท้าทายที่กล่าวมาข้างต้น ทำให้ทุกธุรกิจต้องเตรียมตัวรับมือกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่ง 3 แนวทางในการรับมือกับความท้าทายและความเสี่ยงที่ผู้ประกอบการและนักธุรกิจควรพิจารณา มีดังนี้

1. การดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบ แน่นอนว่าการเติบโตให้กับธุรกิจยังคงเป็นสิ่งสำคัญ แต่ด้วยสถานการณ์และปัจจัยความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นและส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ นักธุรกิจจะต้องบริหารธุรกิจด้วยความระมัดระวัง และวางแผนรับมือกับความเสี่ยงด้านต่างๆ ให้ธุรกิจสามารถไปต่อได้อย่างไม่สะดุดหากมีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้น

2. สร้าง Brand Loyalty ให้เหมือนมีแฟนคลับ ยอดขายเพียงชั่วคราวผ่านการทำโปรโมชันไม่อาจสร้างธุรกิจที่ยั่งยืนได้ ในยุคที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน และความไม่แน่นอนนั้น สิ่งสำคัญที่ทุกธุรกิจควรให้ความสนใจคือการสร้างจุดแข็งของแบรนด์ เพื่อจับกลุ่มลูกค้าที่ใช่ที่จะเลือกใช้บริการเพราะคุณค่ามากกว่าแค่ราคาของสินค้า ซึ่งจะเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีความเหนียวแน่น และจะสนับสนุนธุรกิจของคุณ

3. กำหนดกลยุทธ์ระยะยาว ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นในโลก การวางแผนและกำหนดกลยุทธ์ระยะยาว จะช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ จากการมองเห็นความเสี่ยงจากรอบด้าน ทำให้สามารถคาดการณ์ทิศทางการเติบโตของธุรกิจ และรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้

สำหรับเทรนด์และโอกาสของธุรกิจในปี 2023 ผู้บริหาร แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า มองว่าโอกาสทางธุรกิจในปีหน้าจะมี 4 เทรนด์สำคัญด้วยกันที่น่าจับตามอง ดังนี้

1. Global tourism rebound: เนื่องจากประเทศไทยเป็นหนึ่งใน Tourist destination ของนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก ภาคธุรกิจการท่องเที่ยวจึงเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าจับตามองในปี 2023 ดังนั้น ธุรกิจที่สอดคล้องเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มโรงแรม หรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางอย่าง แกร็บ จึงต้องเตรียมความพร้อมในการมอบบริการคุณภาพให้เพียงพอต่อการรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ

2. Quick Commerce: เทรนด์ในการสั่งสินค้าออนไลน์ ที่เรียกว่า Quick Commerce หรือ การสั่งซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคผ่านช่องทางออนไลน์แบบออนดีมานด์ เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าจับตามอง ด้วยไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคดิจิทัลที่ต้องการความสะดวกสบายในการจับจ่ายใช้สอยและความรวดเร็วในการจัดส่งแบบทันที บริการประเภทนี้จึงมีโอกาสเติบโตสูง ตามที่เราได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ GrabMart ไปในช่วงกลางปี ว่าปัจจุบันมีอัตราการซื้อสินค้าประเภทของสดและของชำผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์เพียง 2% เท่านั้น

3. Digital Payment: สังคมไร้เงินสดยังคงเป็นเทรนด์ที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านความสะดวกสบาย สามารถชำระได้ทุกที่ทุกเวลา ความปลอดภัยทางธุรกรรม สามารถตรวจสอบประวัติการชำระเงินย้อนหลังได้ พร้อมกันนี้ยังเป็นช่องทางให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินต่างๆ ได้

4. Environment: เรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นประเด็นสำคัญที่คนทั่วโลกให้ความสนใจ ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในปัจจัยที่มีผลต่อการตัดใจในการเลือกสนับสนุนสินค้าและบริการต่างๆ ดังนั้น การวางเป้าหมายที่ชัดเจนในการร่วมรักษาสิ่งแวดล้อม และสร้างโลกที่ยั่งยืนจึงเป็นสิ่งที่ทุกธุรกิจไม่ควรละเลย

สำหรับนิยามปังๆ หนึ่งคำให้กับปี 2023 คุณวรฉัตร ให้นิยามเรียกว่า

“ปีวัดใจ”

เพราะมองว่าในปี 2023 นี้ จะเป็นปีที่ทุกคนต้องปรับตัวรับมือกับความเปลี่ยนแปลงและความท้าทายใหม่ๆ ที่คาดไม่ถึง ซึ่งการทำธุรกิจแบบทุ่มเงิน แจกโปรโมชัน เพื่อดึงดูดลูกค้า อาจจะทำให้บางธุรกิจไม่สามารถไปต่อได้ ดังนั้น ปีนี้จึงเป็น “ปีวัดใจ” ว่าแต่ละคนจะมีการเปลี่ยนแปลงทิศทางการดำเนินธุรกิจอย่างไรเพื่อให้ธุรกิจสามารถเติบโต และดำเนินต่อไปได้อย่างยั่งยืน

CEO Grab Thailand-2023

 

ยอด ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE MAN Wongnai 

แสดงทรรศนะถึงความท้าทายปี 2023 ว่าในมุมมองของเทคโนโลยีทั่วโลก น่าจะเป็นปีที่ tough เพราะคาดว่าธุรกิจเทคโนโลยียังคงไม่ฟื้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมูลค่าหุ้น หรือการพลิกฟื้นมาเป็นกำไร เนื่องจากมีการคาดการณ์กันว่าจะเกิด Recession ซึ่งมีผลต่อบริษัทเทคโนโลยีในไทยด้วย

อย่างเราเอง ต้องระแวดระวังการใช้เงิน เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพึงระวังไว้ เพราะบรรยากาศของการลงทุนในฝั่ง Tech น่าจะยังไม่ค่อยดีเท่าไร ซึ่ง ณ ตอนนี้ ทุกคนคิดว่าปี 2023 จะแย่กว่าปี 2022 ก่อนที่มันจะดีขึ้นหลังจากนั้น

ซีอีโอ LINE MAN Wongnai ขยายความเพิ่มเติมว่า ปี 2023 ยังเป็นปีที่ท้าทายอย่างมากในเรื่องปัญหาปากท้องของประชาชน เพราะแม้กระทั่งในช่วงปลายปี 2022 เราเริ่มเห็นแล้วว่า “เดือนชนเดือน” นี่มาจริงๆ อย่าง Food Delivery ช่วงกลางเดือน มีการ consume น้อยลงอย่างเห็นได้ชัดเจน และต้องรอช่วงปลายเดือนถึงจะกลับขึ้นมา

“คนอาจจะไม่ได้มีเงินเหลือเยอะ แม้จะสั่ง Food Delivery ในช่วงกลางเดือนเลยด้วยซ้ำ ซึ่งก่อนหน้านี้เรายังไม่ค่อยเห็นรูปแบบในลักษณะนี้ แต่มาเห็นชัดตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นมาว่า คนไม่มีเงินจริงๆ จึงเป็นเรื่องน่ากังวลว่าคนไม่มี wealth ในการบริโภคอาหารนอกบ้าน ซึ่ง Food Delivery ก็ถือเป็นอาหารนอกบ้านอย่างหนึ่ง โดยส่วนตัวผมเลยมีมุมมองที่ต้องระแวดระวังด้านเศรษฐกิจ”

ขณะที่โอกาส หรือเทรนด์ในปี 2023 นั้น คุณยอด แสดงความคิดว่า 1. ถ้ามองในมุมการแข่งขัน หลายบริษัทที่อยู่ในวงการ Tech อาจหนักกว่าเรา และมีการลดคน ลดค่าใช้จ่าย ทำให้การแข่งขันลดลง ก็เป็นหนึ่งโอกาสสำหรับบริษัทที่ยังดำเนินธุรกิจอยู่

และ 2. ปัจจุบันทุกบริษัทอยากลดค่าใช้จ่าย ดังนั้นบริษัทสามารถเพิ่ม Productivity ได้ด้วยการสร้าง Software หรือสร้างเทคโนโลยีใหม่ ที่ช่วยให้ค่าใช้จ่ายลดลง เพราะเราไม่สามารถขยายคนได้ตลอดตามขนาดธุรกิจที่เติบโต เช่น ธุรกิจโต 10 เท่า บริษัทไม่สามารถขยายคนได้ 10 เท่า ดังนั้นบริษัทจะโต ต้องมีเทคโนโลยี มี software ต่างๆ มาช่วยบริหารจัดการลดต้นทุน เป็นอีกหนึ่งโอกาสที่องค์กรต่างๆ น่าจะนำมาปรับใช้มากขึ้นในช่วงที่ต้นทุนทุกอย่างสูงขึ้น

สำหรับนิยาม ปี 2023 คุณยอด บอกกับ MarketingOops! ว่า

Winter has come”

ทั้งเศรษฐกิจในภาพรวม และทั้งเศรษฐกิจในภาพรวม และเศรษฐกิจในวงการ Tech ยังคงต้องระมัดระวัง

CEO LINE MAN Wongnai-2023

 

ชูเกียรติ รุจนพรพจี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน)

สำหรับในปี 2023 คุณชูเกียรติ มองว่า ความเสี่ยงของกลุ่มธุรกิจแบ่งออกเป็น 2 ประเด็น ทั้งในเรื่องสภาพคล่องของคนทำธุรกิจและการขาดแคลนแรงงานที่มีคุณภาพโดยเฉพาะภาคบริการ สำหรับสภาพคล่องของคนทำธุรกิจ เกิดจากการที่ธนาคารพาณิชย์จะต้องกลับไปอยู่ในสถานะที่นโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทยมีการปรับเปลี่ยนเรื่องของการผ่อนปรนการตั้งสำรองหนี้ที่ไม่ได้จ่าย

ส่วน การขาดแคลนแรงงาน ก็จะติดข้อจำกัดในภาคบริการโดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยว ซึ่งทั้ง 2 สิ่งนี้จะเป็นสาเหตุให้ภาคธุรกิจมีสภาพเป็นคอขวดและทำให้หลายคนอาจจะชะงักในการสร้างการเติบโตและทำธุรกิจปีหน้า

โดย คุณชูเกียรติ มองว่า ในเรื่องของการบริหารสภาพคล่องในบริษัทและการบริหารคน โดยเฉพาะการจัดการคนให้สามารถทำงานได้หลายประเภทจากคนคนเดียวกัน แหล่งรายได้ต้องมีเพิ่มมากกว่าแหล่งเดิมๆ ซึ่งสิ่งนั้นอาจจะเป็นสิ่งที่ยากในการปรับตัวและเปลี่ยนแปลง ซึ่งทำให้สิ่งนั้นเองมีความท้าทาย แต่ความท้าทายนี้มันคือสิ่งที่ิในสังคมอีก 3-5 ปีข้างหน้าเราจะพบเจอในทุกวันแน่นอน ต่อไปใน 1 คนต้องทำได้หลายงาน และมีแหล่งรายได้หลายประเภท ไม่สามารถยึดติดกับแหล่งรายได้แหล่งใดแหล่งหนึ่ง ยกตัวอย่างเช่น กลุ่มธรุกิจโรงแรมที่พบเจอสถานการณท์างเศรษฐกิจจากโควิด เป็นต้น

สำหรับโอกาสในปี 2023 จะเป็นเรื่องโอกาสในการขยายตลาดไปสู่ต่างประเทศ เพื่อหาโอกาสใหม่ๆ ในส่วนของ SABUY ณ จุดที่เรายืนอยู่ เราพยายามสร้างสมดุลโดยการทำต้นทุนต่อหน่วยให้ต่ำ และมีสเกลในการทำงานในการบริหารต้นทุนและบริหารรายได้ โดยใช้สเกลจาก Power of Ecosystem ของ SABUY ซึ่งสิ่งนี้เองจะทำให้ “SABUY” รอดจากวิกฤตในครั้งนี้

นอกจากนี้ SABUY ยังมองช่องทางในการขายเพื่อเป็น Infrastructure ให้กับคนไทยและอาเซียน ที่สำคัญคือการกระจายทรัพยากรและการเข้าถึงโอกาสในการหารายได้ รวมถึงโอกาสในการลดต้นทุนจากสเกลที่ SABUY มี ซึ่งทั้ง 2 สิ่งนี้จะเป็นสิ่งที่ SABUY มุ่งเน้นที่จะลงทุนและสร้างให้เกิดขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นกลุ่มธุรกิจ SABUY จะมีการขยายไปภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (South East Asia) ซึ่งไม่ได้ต้องการทำให้ดูเท่ห์ โก้หรูแต่เป็นวิถีที่จะทำให้กลุ่ม SABUY สามารถรอดจากวิกฤตและอนาคตที่มีการแข่งขันสูง และจะทำให้สามารถเติบโตและมีความยั่งยืนได้

“เพิ่มโอกาสของธุรกิจและคน”

เป็นปีที่ต้องมีการกระจายการหารายได้จากหลายช่องทาง มีความตั้งใจที่จะทำต้นทุนต่อหน่วยให้ต่ำ และมีวินัยในการใช้เงินเพราะปี 2023 จะเป็นปีที่มากกว่า 25% ของทุกธุรกิจจะไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้

CEO SABUY Group-2023

 

ดร. วีระพงศ์ โก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ลาซาด้า ประเทศไทย 

แสดงความคิดเห็นต่อปี 2023 ว่า มีปัจจัยไม่แน่นอนหลายอย่างในภาคเศรษฐกิจ เช่น นโยบายการเงินที่ออกมาจากธนาคาร ไม่ว่าจะเป็น Fed ของอเมริกา หรือธนาคารแห่งประเทศไทย หรือนโยบายทางธุรกรรมต่างๆ สิ่งที่เราพยายามมุ่งมั่นทำคือ ต้องเตรียมตัว และวางแผน Plan B – Plan C – Plan D ไม่ว่าสถานการณ์ในโลกจะเป็นอย่างไร ต้องมี Plan เพื่อทำให้ธุรกิจเรายังสามารถเติบโตได้ต่อไป

“เราต้องลงทุนในสิ่งที่เป็นพื้นฐานของการทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซ คือ ทำโปรดักต์ให้ดี ทำโลจิสติกส์ให้ดี ทำระบบชำระเงินให้ดี และรักษา discipline ที่เรามีในการลงทุนต่างๆ เพราะสาเหตุที่ทำให้ LAZADA เติบโตมาได้อย่างยั่งยืนใน 2 – 3 ปีที่ผ่านมา โดยที่ไม่มีปัญหา เนื่องจากเรามีวินัยในการจับจ่ายใช้สอยทรัพยากร และงบประมาณต่างๆ นั่นคือ โฟกัสของเรา”

ขณะที่เทรนด์และโอกาสในปี 2023 ดร. วีระพงศ์ อยากฝากถึงผู้ประกอบการธุรกิจ SME และคนทำธุรกิจอื่นๆ ในการเปิดใจ และเรียนรู้วิธีการใช้ “ข้อมูล” ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด

“ข้อมูลเป็นเหมือนกับ The New Gold คือ ถ้าเรามีข้อมูลเยอะ และรู้วิธีการใช้ข้อมูล เราจะปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างทันท่วงที ไม่ว่าเป็นการลงทุนต่างๆ เช่น ลงทุนไปซื้อของมา หรือพัฒนาโปรดักต์ใหม่ๆ ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ดีมากขึ้น”

ดร. วีระพงศ์ ได้ทิ้งท้ายถึงนิยามสำหรับปี 2023 ไว้ว่า

โลกหมุนตลอดเวลา ถ้าไม่รู้จักเปิดใจให้หมุนไปกับมัน เราก็คงทำแต่สิ่งเดิม ๆ และไม่สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน”

CEO LAZADA Thailand-2023

 

ภูริต ภิรมย์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด

“ภูริต ภิรมย์ภักดี”  ผู้อยู่เบื้องหลังการบริหารธุรกิจในอาณาจักรบุญรอดมากว่า 18 ปี เดิมตุณภูริตดูแล รับผิดชอบธุรกิจเพียง 20 บริษัท เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมาได้ก้าวเข้ามาสู่บริบทใหม่ในฐานะผู้คุมบังเหียนอาณาจักรบุญรอดในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บุญรอดบริวเวอรี่ ต้องดูภาพรวมธุรกิจบริษัททั้งหมดกว่า 159 บริษัท

คุณภูริตได้กล่าวถึงปี 2023 ว่า เป็นปีของการทำธุรกิจด้วยการใช้ “Big Data” โดยเรียนรู้จากประสบการณ์และนำมาต่อยอดในการทำธุรกิจ

“การทำธุรกิจในยุคปัจจุบันไม่ใด้ใช้แค่ความรู้สึก สิ่งที่สำคัญคือการใช้ Big Data มาประมวลผล ทำวิจัย ประกอบการตัดสินใจ ควบคู่ไปกับประสบการณ์ที่สั่งสมมาทำให้ประสบความสำเร็จ”

รวมไปถึงการทำงานและปรับโครงสร้างขององค์กรที่ต้องมีการปรับแผนทุกวัน เพราะการทำงานในยุคปัจจุบันนั้นต้องปรับตัวให้รวดเร็ว เนื่องจากสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนการทำงานเป็นทีมก็เป็นหัวใจสำคัญต้องมีการจะระเบียบว่าใครเหมาะสมกับงานใด เป็นการทำงานแบบกระจายงานจะทำให้องค์ในองกรไม่มีงานอยู่ในมือเยอะเกินไปและจะทำให้งานมีประสิทธิภาพมากขึ้น

CEO Singha-2023


  • 23
  •  
  •  
  •  
  •