ในปี 2015 เรียกว่าเป็นปีสำหรับคอนเทนต์ประเภทวิดีโอเลยก็ว่าได้ สำหรับ Facebook แพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมสูงสุดในโลก ก็ได้ประกาศว่าในแต่ละวันจะมีการโพสต์วิดีโอมากถึง 8 พันล้านชิ้นต่อวัน และ Snapchat แอพฯ แชทยอดนิยมในยุโรปก็มีการส่งวิดีโอต่อวันมากถึง 6 พันล้านชิ้น
สำหรับผู้ผลิตคอนเทนต์ประเภทนี้ ก็ต้องสรรหามุมมอง และวิธีการนำเสนอใหม่ๆ เพื่อดึงดูดกลุ่มผู้ชมของตัวเอง โดยในปี 2016 ที่กำลังจะมาถึงนี้ จะเป็นปีที่สะท้อนให้เห็นว่า วิดีโอ จะเติบโตได้มากกว่าที่เราคิด ด้านล่างนี้คือสถิติ 7 เรื่อง ที่จะแสดงให้เห็นว่าวิดีโอจะสามารถเปลี่ยนทิศทางการใช้อินเตอร์เน็ตในปี 2016 และในปีต่อๆ ไปได้
• คาดว่าในปี 2019 Traffic ของผู้ใช้อินเตอร์เน็ตกว่า 80% จะเป็นวิดีโอ ซึ่งมากกว่าปี 2014 ถึง 64% (Source: Cisco Visual Networking Index: Forecast and Methodology, 2014-2019 White Paper)
• 79% ของเว็บไซต์ที่มีวิดีโอ จะใช้ Third Party ในการอัพโหลดคลิป (Source: Crayon State of Video Report 2015)
เพราะส่วนใหญ่เว็บไซต์ที่มีวิดีโอ มักจะมีปัญหาในการอัพโหลดคลิป การแก้ปัญหาง่ายๆ คือ การใช้ YouTube ซึ่งนับเป็น 70% ของสัดส่วนวิดีโอทั้งหมด ตามมาด้วย Vimeo ทั้งนี้ YouTube ยังต้องเผชิญกับคู่แข่งคนสำคัญอย่าง Facebook และ Twitter
• 66% ของสถาบันการศึกษาใช้วิดีโอเป็นสื่อการเรียนการสอน (Source: The State of Video in Education: A Kaltura Report) 5 อันดับแรกของอุตสาหกรรมที่ใช้วิดีโอคือ ซอฟต์แวร์, การตลาด, การดูแลสุขภาพ, องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร และการศึกษา
นอกเหนือจากความบันเทิงแล้ว วิดีโอยังเป็นสื่อการเรียนการสอนที่สำคัญ ที่จะช่วยพัฒนาวงการการศึกษาได้ แม้จะอยู่ในที่ที่ห่างไกล ก็ยังเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต และเรียนรู้ได้เหมือนคนอยู่ในเมือง
• ครึ่งหนึ่งของงบโฆษณาจะถูกย้ายจากโทรทัศน์ มาสู่ดิจิทัลวิดีโอ (Source: AoL 2015 US State of the Video Industry Report)
จากการสำรวจของ Nielsen ระบุว่า กลุ่มที่มีอายุระหว่าง 18-34 ปี เริ่มดูทีวีน้อยลงประมาณ 4% นับตั้งแต่ปี 2012 เพราะพวกเขาจะดูวิดีโอออนไลน์มากขึ้น ทว่า แม้สัดส่วนการดูทีวี กับการดูวิดีโอออนไลน์ จะยังต่างกันมาก แต่ช่องว่างระหว่างทั้งสองช่องทางก็เริ่มน้อยลงเรื่อยๆ
• 96% ของธุรกิจ B2B จะใช้วิดีโอออนไลน์ ในการทำตลาด (Source: 2015 B2B Video Content Marketing Survey) ปัจจุบันในกลุ่มธุรกิจแบบ B2B มีเพียง 13% เท่านั้น ที่ลงทุนในการผลิตวิดีโอออนไลน์ โดยหนึ่งในความท้าทายที่เป็นอุปสรรคในการทำตลาดด้วยวิดีโอออนไลน์คือ การวัดผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) เพราะในความเป็นจริง 44% บอกว่า การวัดผล ROI ของวิดีโอออนไลน์เป็นเรื่องยาก
• 73% ของนักการตลาดแบบ B2B บอกว่า การใช้วิดีโอออนไลน์ จะส่งผลดีต่อการทำตลาด
• 75% ของธุรกิจแบบ B2B จะเพิ่มประสิทธิภาพการใช้วิดีโอด้วยการทำ SEO
สำหรับปี 2016 เราเชื่อว่าแบรนด์ต่างๆ คงให้ความสำคัญกับการผลิตวิดีโอออนไลน์มากขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงผู้บริโภค และสร้างการรับรู้ มีการคาดการณ์ว่าในปี 2019 ผู้บริโภคจะใช้วิดีโอเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่า คงต้องบอกว่า ถึงเวลาแล้วที่แบรนด์จะต้องทำตลาดด้วยการใช้วิดีโอออนไลน์
