อะไรคือความไม่แน่นอนอันดับ 1 ของคนทำธุรกิจ ที่จะเริ่มทำอะไรทุกอย่างแล้วกลัวอย่างมาก คำตอบง่าย ๆ นั้นคือ “ความเสี่ยง” ที่จะเกิดขึ้นทั้งหลาย เพราะการทำธุรกิจมีความเสี่ยงอย่างมาก ไม่ว่าจะทำอะไรคือ การเอาเงินไม่ว่าจะหลักแสน และหลักล้านมาลงทุน เพื่อสร้างความคาดหวังว่าเงินที่ลงไปนั้น จะงอกเงยกลับมาเป็นผลกำไร ซึ่งมีความไม่แน่นอนอย่างมากที่จะขาดทุนเสียด้วยซ้ำ ถ้าลงทุนหรือทำธุรกิจโดยไม่ได้หาข้อมูลเอาไว้ล่วงหน้า หรือไม่ได้เตรียมตัวเอาไว้ การรับมือความไม่แน่นอนได้นั้นคือความท้าทายของการทำธุรกิจและการตลาดในแต่ละวัน
ความเสี่ยงนั้นสามารถเกิดขึ้นจากหลาย ๆ อย่างได้ ไม่ว่าจะเป็น
1. ความเสี่ยงด้านเวลา ที่สามารถเกิดขึ้นมาได้ โดยสินค้าและบริการมาก่อนเวลามากเกินไป หรือมาหลังเวลามาเกินไปทำให้ไม่สามารถเข้าสู่ตลาดได้ถูกจังหวะและเวลา ทำให้เสียเวลาและทรัพยากรต่าง ๆ ไป
2. ความเสี่ยงเรื่องการเงิน เป็นความเสี่ยงหลัก ๆ ที่เกิดขึ้นมาได้อย่างมาก เพราะเป็นการลงทุนที่อาจจะเสียเปล่า หรือเสียเงินในการจ่ายต่าง ๆ ที่ทำให้ไม่ได้ผลของการลงทุนกลับมาอย่างคุ้มค่า
3. ความเสี่ยงทรัพยากร คือความเสี่ยงในการจัดสรรทรัพยากรต่าง ๆ ให้เหมาะสม ซึ่งการจัดสรรเพื่อทำการอย่างใด อย่างหนึ่ง ย่อมมีความเสี่ยงในการที่จะเสียอีกงานหนึ่งไป ทำให้ต้องมีการชั่งน้ำหนักดี ๆ ในการทำงานว่าจะจัดสรรอย่างไร
4. ประสิทธิภาพกระบวนการทำงาน เป็นความเสี่ยงของการทำงานว่า จะมีกระบวนการทำงานที่เกิดขึ้นที่จะกลายเป็นอุปสรรค หรือทำให้ไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ไหมขึ้นมา
5. ชื่อเสียง เป็นความเสี่ยงจากการที่เกิดความเสียหายของชื่อเสียงแบรนด์ ความมั่นใจในแบรนด์องค์กร ต่อการผลิตจำหน่ายและแจกจ่ายสินค้า ได้ตรงตามคุณภาพ หรือเวลาที่ได้กำหนดไว้ไหม
เพื่อที่จะลดความเสี่ยงเหล่านี้ และทำให้สามารถขายสินค้าได้มากขึ้น การเข้าใจ insight ต่าง ๆ จะช่วยทำให้คุณลดความเสี่ยงได้อย่างมาก ซึ่งสามารถทำได้ผ่าน 4 insight นี้คือ
1. เข้าใจกายวิภาคของความเสี่ยงทางการตลาด
การตลาดนั้นคือ การลงทุน ลงเงิน เพื่อให้เกิดผลกำไรหรือได้เงินเพิ่มกลับมา ซึ่งปัจจัยที่กำหนดว่าจะได้กำไรหรือขาดทันนั้น อยู่ที่ 50% ที่ตลาดว่าเป็นอย่างไร และ 50% ที่กลุ่มเป้าหมายของตัวเอง โดยทั้งนี้สามารถเตรียมตัวผ่านการทำ Psychology Research และ Market Research ขึ้นมาได้ สิ่งเหล่านี้สำคัญมาก เพราะเป็การรู้ได้ว่า กลุ่มเป้าหมายนั้นมีวิธีคิด มีจิตวิทยาในการซื้อสินค้าอย่างไร นี้คือส่วนสำคัญในการที่จะทำให้รู้กระบวนการตัดสินใจของลูกค้า การมีแค่ Demographic เป็นแค่ข้อมูลครึ่งเดียวในการทำการตลาด แต่ข้อมูลอีกครึ่งคือการเข้าใจจิตวิทยาการซื้อของลูกค้า
2. Risk Adjusted Return เป็นเรื่อง Long Tail
การทำการตลาดที่คิดว่าทำแล้วจะได้ผลทันทีนั้น เรียกได้ว่าปาฏิหารย์ การตลาดส่วนใหญ่นั้นต้องใช้เวลาและการสะสมที่จะทำให้สำเร็จขึ้นมาได้ ซึ่งมาจากการสะสมความสำเร็จต่าง ๆ ในการทำงาน ในการวางแผน และอะไรที่สามารถจะทำให้กลายมาดัง ก็สามารถทำให้ดังขึ้นมาได้ โดยมากการตลาดที่จะสำเร็จขึ้นกับปัจจัย 3 อย่างคือ ถูกคน ถูกเวลา ข้อความที่ถูกต้อง และบางครั้งก็ต้องมีโชคช่วยที่จะทำให้ฉวยจังหวะได้พอดี ตัวอย่างเช่น Stanley ที่ทำการตลาดที่สะสมความสำเร็จเรื่อยมา แต่ยังไม่โด่งดังมากจนมี KOL ที่รถยนต์ไฟไหม้และแก้ว Stanley ยังเก็บความเย็น น้ำแข็งไม่ละลายได้ในรถ และ CEO ยังได้ส่งแก้วใหม่ พร้อมรถคันใหม่ไปให้ ทำให้แก้วฮิตในผู้หญิงได้ทันที
3. ลดความเสี่ยงก่อนลงมือ
การตั้งคำถามที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมายและสินค้ากับบริการของคุณนั้นเป็นหนทางที่ลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นได้อย่างดีเพราะไม่ว่าแผนการตลาดจะสมบูรณ์แค่ไหน ก็สามารถมีจุดอ่อนได้ขึ้นมา การถามคำถามที่เจาะในความคิดของกลุ่มเป้าหมายจะสามารถทำให้ตอบคำถามที่ไม่แน่นอน หรือหาคำตอบที่ยังไม่เข้าใจขึ้นมาได้ขึ้นมา
สุดท้ายแล้วการยอมรับและเตรียมตัวสำหรับความเสี่ยงและความไม่แน่นอน เป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก การทำอะไรแล้วไม่สำเร็จไม่ได้หมายความว่าไม่สำเร็จในตอนนี้ อาจจะต้องรอสะสมไปเพื่อรอวันสำเร็จในวันหน้าได้