เปิดเหตุผลทำไม Klongtom Heritage โครงการ 13,700 ล้าน จึงเป็นที่จับตาของนักลงทุนทั่วโลก ในการเป็นหัวเรือสำคัญ ช่วยผลักดันไทยสู่เป้าหมาย Hub Wellness ของโลก

  • 2.9K
  •  
  •  
  •  
  •  

 

ปฏิเสธไม่ได้ว่าเมกะเทรนด์ระดับโลกที่สำคัญในตอนนี้ก็คือ Health Trends โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกิดการระบาดของโรคโควิด ยิ่งทำให้ผู้คนทั้งโลกตื่นตัวกับการดูแลสุขภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ตัวเลขที่เปิดเผยโดย Global Wellness Institute (GWI) ระบุว่า ในปี 2020 ธุรกิจ Wellness มีมูลค่าอยู่ที่ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีการคาดการณ์กันอีกว่า ในปี 2025 ตัวเลขอาจจะเพิ่มขึ้น โดยไปแตะอยู่ที่ 7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในห้าปีสูงเกือบเท่าตัวเลยทีเดียว ที่สำคัญยังมีแนวโน้มที่จะโตต่อเนื่องไปด้วย

หันมาดูที่ประเทศไทย เราต่างยอมรับดีว่าธุรกิจท่องเที่ยวถือเป็นหัวใจสำคัญของการผลักดันเศรษฐกิจ โดยประเทศไทยได้รับการยอมรับว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ติด 1 ใน 5 ของโลก และมูลค่าตลาด Wellness Tourism ของไทยก็มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ รัฐบาลตั้งเป้าว่า ในปี 2565 หลังสถานการณ์ โควิด-19 คลี่คลาย จะให้ความสำคัญกับการผลักดัน Wellness Tourism มากขึ้น เพราะพบว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวแบบกลุ่ม Medical Tourism และ Health and Wellness Tourism มีแนวโน้มได้รับความนิยมมากขึ้น ที่สำคัญคือ เป็นกลุ่มที่มีค่าใช้จ่ายสูงถึง 80,000 – 120,000 บาท/ครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผนึกกำลังกับ โครงการการพัฒนาเขตระเบียงเศรษฐกิจเวลเนสอันดามัน (Andaman Wellness Economic Corridor : AWC) ที่รัฐบาลและภาคเอกชนร่วมกันผลักดัน ก็จะยิ่งช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพให้กับไทยได้ ซึ่งขณะนี้เริ่มต้นอย่างชัดเจนแล้วที่ 3 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต พังงา และกระบี่

หนึ่งในโครงการที่กำลังมาแรงและเป็นที่จับตามองใน จ.กระบี่ ซึ่งทั้งรัฐและเอกชนต่างคาดหวังว่าจะมาเป็นหัวหอกสำคัญในการขับเคลื่อนทำให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางของ Wellness Tourism ระดับโลกได้ ก็คือ โครงการคลองท่อมเฮอริเทจ (Klongtom Heritage) จ.กระบี่ ซึ่งล่าสุดเพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการไม่นาน ดังนั้น ลองมาดูว่าเหตุผลอะไร ที่จะทำให้ โครงการคลองท่อมเฮอริเทจ กลายเป็นแม่เหล็กใหม่ดึงดูดทั้งนักท่องเทียวและนักลงทุนทั่วโลก เดินทางมายังสถานที่แห่งนี้

 

“น้ำพุร้อนเค็ม” เพชรยอดมงกุฎจากทรัพย์ใต้ดิน หนึ่งเดียวในโลก 

ภาพจำของเมืองกระบี่ ส่วนใหญ่ก็คือหาดทรายและทะเลสวย แต่น้อยคนที่จะทราบว่า แท้จริงแล้วกระบี่ยังมีของดีที่อาจเรียกได้ว่าเป็น เพชรยอดมงกุฎจากทรัพย์ใต้ดิน ซึ่งก็คือ “น้ำพุร้อนเค็ม” ที่อาจจะบอกได้ว่ามีเพียงหนึ่งเดียวในโลกเท่านั้น ด้วยคุณสมบัติช่วยบำบัดโรคและบำรุงให้สุขภาพแข็งแรง เนื่องจากเกิดจากน้ำทะเลที่ซึมลงชั้นใต้ดิน ผ่านชั้นหิน ในระดับความลึกที่มีแร่ธาตุมากมาย แต่กระนั้นรสชาติก็ไม่ได้เค็มจนเท่ากับน้ำทะเลแต่รสชาติจะเหมือนน้ำเกลืออ่อนๆ โดยที่มีกลิ่นกำมะถันอ่อนๆ ที่สำคัญยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยมีแร่ธาตุหลัก ได้แก่ โซเดียม คลอไรด์ ส่วนแร่ธาตุอื่นๆ อาทิ ซิลิก้า โพแทสเซียม แมกนีเซียม คาร์บอเนต ทำให้ค่าแร่ธาตุรวม (หรือค่า TDS) อยู่ที่ 11,690 ซึ่งมีปริมาณที่สูงกว่าค่ามาตรฐานทั่วไป ที่มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับ 1,000 – 2,000 สำหรับการดูแลสุขภาพและบำบัดโรคนั้น น้ำพุร้อนเค็ม มีคุณสมบัติในเรื่องการกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ลดความดันโลหิต ลดการอักเสบของข้อ เบาหวาน นอกจากนี้ ยังช่วยกระตุ้นระบบประสาท การย่อย และโรคทางผิวหนัง

ที่สำคัญคือ ปัจจุบันแพทย์ทางเลือกมีการนำน้ำพุร้อนเค็มนี้มาช่วยเสริมการแพทย์สมัยใหม่ มีนักกายภาพ แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู และแพทย์เฉพาะทางมาออกแบบการรักษาผู้ป่วยโรคต่างๆ กันมากขึ้น ซึ่งนับได้ว่า โครงการคลองท่อมเฮอริเทจ ถือเป็นแห่งแรกที่นำน้ำพุร้อนเค็ม มาออกแบบเป็นโปรแกรมการดูแลรักษาและฟื้นฟูสุภาพด้วยศาสตร์ทางการแพทย์ที่มีการผนวกเข้ากับการบริการด้านเวลเนสมาตรฐานสากล เต็มรูปแบบ

 

 

ปักหมุดกับการก้าวขึ้นเป็น World Health Destination

ด้วยคุณประโยชน์และคุณสมบัติมากมายดังกล่าว เพื่อให้ตอบเทรนด์ของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ก็จำเป็นที่จะต้องนำพื้นที่มาพัฒนาจัดสรรและทำให้เกิดความสะดวกและให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัวมากขึ้น จึงเป็นที่มาของการพัฒนา โครงการคลองท่อมเฮอริเทจ มูลค่า 13,7000 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าการเป็น World Health Destination แห่งใหม่

คุณวิชัย พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการ บริษัท คลองท่อมเฮอริเทจ จำกัด กล่าวว่า การใช้น้ำพุร้อนเค็มนี้เดิมเป็นวิถีดั้งเดิมของชุมชนมาช้านาน เพราะเป็นความเชื่อแบบปากต่อปากของคนในท้องถิ่นว่าสามารถรักษาโรคได้ ทำให้ผู้คนหลั่งไหลกันมาจำนวนมากถึงปีละกว่า 100,000 คน แต่ก็ยังมีผู้คนอีกจำนวนมากที่ต้องการความเป็นส่วนตัว จุดนี้เองจึงเป็นที่มาของการที่เรามาพัฒนาพัฒนาโครงการคลองท่อมเฮอริเทจ เพื่อให้เป็นเดสทิเนชั่นด้านสุขภาพของคนทั่วโลก

สถาบันระดับโลกอย่าง GWI (Global Wellness Institute) เขาแบ่งเรื่องของธุรกิจ Wellness เป็น 12 หมวดหมู่ หนึ่งในนั้นก็คือเรื่องของ Thermal Hot Springs (บ่อน้ำพุร้อน) ซึ่งแน่นอนว่าบ่อน้ำพุร้อนมีหลายที่ แต่จุดเด่นของเราคือ ค่าแร่ธาตุในน้ำที่มีปริมาณสูงกว่าทั่วไป เราจึงนำคุณประโยชน์อันมหาศาลของน้ำพุร้อนเค็มมาต่อยอดประยุกต์ใช้ร่วมกับแพทย์สมัยใหม่ ผนวกกับการรักษาบริการมาตรฐานระดับโลก เพื่อช่วยในการฟื้นฟูและบำบัดผู้ที่มีปัญหา รวมไปถึงคนทั่วไปที่สนใจในการดูแลสุขภาพและต้องการใช้ชีวิตอย่างสมดุล มีความเป็นส่วนตัว และสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ในขณะที่การออกแบบโครงการเราเน้นการใส่ใจในทุกรายละเอียดเพื่อรักษาความอุดมสมบูรณ์และบริหารทรัพย์ในดินเคียงคู่ไปกับชุมชน เพื่อเป้าหมายของการทำให้โครงการคลองท่อมเฮอริเทจ เป็นเมืองสุขภาพของทั้งคนไทยและต่างชาติ และทำให้ อ.คลองท่อม จ.กระบี่ เป็นจุดหมายใหม่ของ World Health Destination

“ที่สำคัญคือ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเราได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะ“โครงการการพัฒนาเขตระเบียงเศรษฐกิจเวลเนสอันดามัน” ซึ่งหนึ่งในนั้นมี จ.กระบี่ เป็นจังหวัดเรือธง ในการที่จะยกระดับให้ไทยเป็นอภิมหาอำนาจโลกทางด้านสุขภาพ เพื่อให้คนทั้งโลกมาโฟกัสที่เมืองไทย ซึ่งการท่องเที่ยวแบบนี้ไม่ได้มาแค่คนสองคน ส่วนใหญ่จะมาเป็นคณะหรือมาเป็นครอบครัว ถ้ามากัน 20 คน นั่นก็คือเม็ดเงินที่คูณ 20 เข้าไปอีก รวมถึงไม่ได้มาแค่วันสองวันส่วนใหญ่แล้วจะมาพักยาวๆ กันไปเลย ดังนั้น ด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่เรามีมหาศาล บวกกับจุดแข็งของเราคือ เซอร์วิสและวัฒนธรรมที่ดีของคนไทย ประเทศไทยเราต้องไปในจุดนี้”

 

 

มิถุนายนนี้พบกับ Amataya Wellness โรงพยาบาลและบริการสุขภาพองค์รวม

สำหรับแนวคิดหลักของ โครงการคลองท่อมเฮอริเทจ (Klongtom Heritage) มี DNA ที่สำคัญได้แก่ Health Community และ Sustainability โดยมีเป้าหมายสำคัญก็คือ อยากให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน ซึ่งตัวโครงการแบ่งออกเป็นโซนต่างๆ มีทั้งหมด 10 โซนด้วยกัน และแบ่งการดำเนินการออกเป็น 6 เฟส ดังนี้

เฟสที่ 1 ได้แก่ส่วน Amataya Wellness ซึ่งประกอบไปด้วย 3 โซนย่อยด้วยกัน ได้แก่ Amataya RehabilitationHospital, Amataya Holistic Treatment และ Amataya Residence ความพิเศษของ Amataya Wellness นี้คือมีโรงพยาบาลกายภาพบำบัดฟื้นฟูผู้ป่วยโรคสโตก การให้บริการด้วยการดูแลแบบองค์รวมสำหรับผู้รักษาสุขภาพโดยใช้น้ำพุร้อนเค็ม ซึ่งประกอบด้วยความร่วมมือของผู้เชี่ยวชาญ ได้แก่ โรงพยาบาลทีอาร์พีเอช, โรงเรียนแพทย์แผนโบราณวัดพระเชตุพน (วัดโพธิ์) ศูนย์ฟื้นฟูผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง Ishiiและ ศูนย์ผู้สูงอายุ Bangkok Health care service (BHS) เข้ามาช่วยบริหารจัดการในส่วนนี้ อีกทั้งยังมีโครงการที่พักอาศัยที่ออกแบบผสมผสานการใช้ชีวิตให้เข้ากับธรรมชาติพร้อมกับบ่อน้ำพุร้อนเค็มทุกหลัง ซึ่งสำหรับเฟสแรกพร้อมเปิดให้บริการในเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป

เฟสที่ 2 จะเป็นส่วนของการดำเนินการในโซน ต่อไปนี้ Community Market, Hotel และ Town Center ซึ่งจะเปิดให้บริการในปี 2024

เฟสที่ 3 จะเป็นในส่วนของโซน Spa Medical โดยมีกำหนดจะเปิดให้บริการในปี 2025

เฟสที่ 4 จะเป็นในส่วนของโซน Branded Residences ซึ่งมีกำหนดจะเปิดตัวในปี 2026

เฟสที่ 5 จะเป็นในส่วนของโซน Sport Enhancement มีกำหนดจะเปิดตัวในปี 2027

เฟสที่ 6 จะเป็นในส่วนของโซน Resort Residences  มีกำหนดจะเปิดให้บริการปี 2028 ซึ่งจะเป็นปีเดียวกับที่ประเทศไทย เสนอตัวเป็นเจ้าภาพ งาน Phuket Expo 2568 ถือว่าเป็นงานใหญ่ด้านเวลเนสระดับโลก และจะมีทั้งนักท่องเที่ยวและนักลงทุนจากทั่วโลกหลั่งไหลเดินทางมาร่วมงานอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ทั้ง 10 โซนและ 6 เฟสนี้ ทางคลองท่อมเฮอริเทจยังยินดีเปิดรับทั้ง Investors และ Operators ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติที่มีศักยภาพ ความสามารถ และเป็นผู้เชี่ยวชาญต่างๆ ทางด้านสุขภาพ ที่มีวิสัยทัศน์เดียวกันมาร่วมพัฒนาและปักหมุดให้พื้นที่แห่งนี้มีกิจกรรมรองรับผู้รักสุขภาพจากทั่วทุกมุมโลกเพื่อให้กลายเป็นเมืองสุขภาพระดับโลกไปด้วยกัน

 

 

ยิ่งเห็นการขับเคลื่อนโดยภาคเอกชน พร้อมกับการสนับสนุนโดยภาครัฐแบบนี้แล้ว ภาพของการที่ไทยจะเป็นผู้นำ Wellness Tourism ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ในระดับโลกก็ยิ่งชัดเจนขึ้น และที่สำคัญสิ่งนี้จะเป็นโอกาสใหม่เป็นธุรกิจแห่งอนาคต ที่จะมาแทนที่การท่องเที่ยวแบบดั้งเดิม ยิ่งเมื่อไทยประกาศปลดล็อกระบบ Test & Go เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ก็ยิ่งถือเป็นว่าเป็นข่าวดีในการเปิดรับนักท่องเที่ยวกลุ่มไฮเอนด์ ที่มีกำลังซื้อสูง และต้องการมาท่องเที่ยวไปพร้อมกับพักผ่อนเพื่อสุขภาพ ซึ่งประเทศไทยมีความเข้มแข็งทั้งMedical Tourism และ Wellness Tourism หากมีการเชื่อมโยงสองส่วนนี้เข้าด้วยกัน จะสร้างรายได้เข้าประเทศมหาศาล ซึ่งแน่นอนว่ามากกว่ารายได้การท่องเที่ยวแบบเดิมๆ หลายเท่าตัว อีกทั้งยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติอันสวยงามของไทยไม่ให้ถูกทำลาย เป็นการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืนอีกด้วย ดังนั้น เชื่อมั่นว่าเป้าหมายของการที่ไทยจะเป็น Hub แห่ง Wellness โลก น่าจะไม่ไกลเกินเอื้อม ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  www.klongtomheritage.com  โทร 092-257-9089


  • 2.9K
  •  
  •  
  •  
  •