เปิดเหตุผลที่ชีวิตแบบ Digital Nomad อาจไม่สนุกอย่างที่คิด แชร์มุมมองจากคนที่มีประสบการณ์ตรง

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

 

ก่อนหน้านี้เคยมีหลายๆคนพูดว่า​ Digital Nomad หรือ​ คนที่ใช้ชีวิต/ทำงานอยู่ตามสถานที่ต่างๆของโลก โดยรูปแบบการหารายได้จะมาจากการรับงานทุกอย่างที่ตัวเองถนัดทางออนไลน์​ ใช้แค่คอมและอินเทอร์เน็ตเท่านั้น

แต่บทความนีัจากประสบการณ์​ตรงของใครบางคนที่เคยใช้ชีวิตแบบ​ Digital​ Nomad​ มาเป็นเวลาหลายเดือน ซึ่ง Fast Company ได้หยิบเรื่องราวและมุมมองมาแชร์​ โดยผู้ที่แชร์เรื่องราวเขาทำงานแบบ Remote working มาตลอดจากเม็กซิโกบ้าง​ เมืองต่างๆ​ ในต่างประเทศบ้าง​ ขณะที่คนรอบตัวเกิน​ 70% รู้สึกอิจฉา​ แต่จริงๆ​ แล้วการ​ใช้ขีวิตแบบ​ Digital​ Nomad​ อาจไม่ได้สนุกอย่างที่คิดหรือไม่ได้สะดวกสบายอย่างที่หลายคนคิด

นี่คือ​เหตุผลบางส่วน​ที่ถูกหยิบมาแชร์​และเป็นเหตุผลหลักๆ ของชาว​ Nomad​ ที่ยกให้เป็นสุดยอดเหตุผล​ที่เกิดขึ้นกับพวกเขา เช่น

 

ความไม่สบายตัว

แน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นเหตุผลหลักๆ ที่คนพูดถึงบ่อยที่สุด ตั้งแตที่มีการ Work From Home จนไปถึงกระแส Digital Nomad ที่มาแรงขึ้นเรื่อยๆ โต๊ะ เก้าอี้ ท่านังที่ไม่ถูกกับสรีระในการนั่งทำงานเป็นเวลานานๆ แต่เรากลัวเปลี่ยนไปทำงานตามคาเฟ่, มุมต่างๆ ที่มอว่าสะดวกสบาย แต่สุดท้ายมันจะแลกมากับสุขภาพร่างกายที่แย่ลง

โดย 80% ของชาว Nomad บอกว่า แทบไม่ได้นั่งในมุมที่ดีๆ หรือโต๊ะที่รองรับกับการนั่งทำงานนานๆ มาหลายเดือนแล้ว

 

Wi-Fi ที่ช้าและไม่เสถียร

การใช้ชีวิตและการทำงานแบบชาว Nomad สิ่งที่พบยากที่สุดคือ Wi-Fi แรงและดี เพราะส่วนใหญ่คาเฟ่หรือร้านต่างๆ แม้แต่โรงแรมจะมี Wi-Fi พอจะเล่นได้ แต่ไม่ได้ซัพพอทคนทำงานอย่างจริงจัง

นอกจากนี้ บางบริษัทใหญ่ที่ทำงานกับ Nomad อาจมี concern เกี่ยวกับระบบการรักษาความปลอดภัย, การใช้ Wi-Fi สาธารณะเพราะสามารถเปิดเผยข้อมูลของคุณและของนายจ้างต่อแฮกเกอร์ได้

 

เสียงรบกวน

ในยุคที่การประชุมออนไลน์เป็นเรื่องใหญ่ และการทำงานระยะไกลกลายมาเป็น priority แรกๆ ดังนั้นโอกาที่ชาว Nomad จะเจอคือ เสียงรบกวนจากสิ่งรอบข้างเพราะจริงๆ แล้วสถาที่ไม่ได้เอื้อต่อการนั่งทำงานอย่างจริงจัง

นอกจากนี้ เสียงรบกวนยังลดประสิทธิภาพในการทำงานได้ เพราะเราจะพยายามตั้งสมาธิอยู่บ่อยครั้ง รวมไปถึงการใช้หูฟังป้องกันเสียงรบกวนรอบข้างที่บางครั้งไม่สามารถกำจัดทุกสิ่งได้ตามที่ต้องการ

ปัญหาความเหงากับวัฒนธรรมการเข้าสังคม

มีชาว Nomad ในปัจจุบันจำนวนไม่น้อยที่จัดว่าเป็นกลุ่มที่ ‘โดดเดี่ยว’ มากที่สุดกลุ่มหนึ่ง ด้วยความที่ต้องทำงานคนเดียว ไม่มีสังคม ไม่มีเพื่อนร่วมงาน และอาจไม่ได้พูดคุยกับเพื่อนๆ สิ่งเหล่านี้เป็นวัฒนธรรมในสังคมการทำงานที่ชาว Nomad อาจจะขาดหายไปและทำให้จิตใจหดหู่จนกระทบเรื่องงานได้

ทั้งนี้ ปัจจัยที่ยกตัวอย่างจากคนที่มีประสบการณ์ตรงนั้น ดูเหมือนจะเป็นเรื่องเล็กๆ แต่สามารถสร้างปัญหาในการทำงานได้ทุกเมื่อ โดยปัจจุบันการทำงานระยะไกลเพิ่มตัวเลขคนที่มีปัญหาสุขภาพจิต และมีภาวะเครียดที่สูงขึ้น ดังนั้น ในมุมมองของชาว Nomad เชื่อว่าการทำงานในที่ที่เป็นสถานที่ทำงานแบบเป็นหลักแหล่งอาจจะดีที่สุดสำหรับประสิทธิภาพในการทำงาน

 

 

 

ที่มา: fast company


  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
prakai
'ชีวิต' ต้องมีสีสันหลากหลาย เหมือนกับความรู้ที่มีหลายมิติ ทั้งไลฟ์สไตล์, การตลาด, ดิจิทัล, ประเพณี-วัฒนธรรม