10 อินไซต์ และช่องทางหาคน Gen Z, Gen Y มาร่วมงานในธุรกิจ SMEs และ Start up

  • 1K
  •  
  •  
  •  
  •  

ก่อนอื่นผมต้องขอบอกกันก่อน ในโลกธุรกิจเราๆเนี่ย บางที ชื่อบริษัทเราก็ไม่ดัง สินค้าบางคนก็ไม่เคยเห็น บางทีเราก็ทำธุรกิจใหม่ เป็น Start up สวัสดิการ หรือ office บางทีก็ไม่สวยหรู เช่าห้องแถว หรือ ใช้บ้านหรือ Condo เป็น office เงินเดือนก็จ้างแพงไม่ได้  ข้อจำกัดเหล่านี้ทำให้ธุรกิจนี้จะทำให้หาคนดีๆมาทำงานด้วยยากมาก เนื่องจาก คนส่วนใหญ่สมัยนี้ มักจะมองหา บริษัทที่ได้เงินเดือนเยอะๆ โบนัสดีๆ ตัวงานนะไม่ค่อยถาม มักจะเอาเงินและชื่อเสียงบริษัท นำหน้า เราต้องทำความเข้าใจกับเด็ก Gen Z หรือ Gen Y สอง Gen นี้เค้าเกิดมากับเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น smart TV smart phone  tablet ฯลฯ ทำให้ เด็กในสองGen นี้มักจะไม่อดทน สู้งานนัก เปลี่ยนงานบ่อย เราต้องเข้าใจเค้านะครับ คราวนี้ เราเข้าใจข้อจำกัดของ ธุรกิจของเราและข้อจำกัดของเด็กที่จบใหม่ในช่วงนี้นะครับ นอกจากเครื่องอำนวยความสะดวกที่เพิ่มขึ้น ระบบการศึกษาต่างๆก็ต่างจากสมัยก่อน เด็กรุ่นหลังๆจะเรียนไม่เน้นในเนื้อหาตรงๆเหมือน พวก Gen X และ Baby boomer  เรียน เช่น วิชาศีลธรรม วิชาประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ เด็กสมัยนี้จะเรียนรวมเป็นวิชาเดียวกัน เช่น ภาษาไทย สังคม ดังนั้นอย่าคาดหวังมากครับ ดังนั้นหลังจากเกริ่นมาสักพักจะขอเสนอ Tips ง่ายๆในการหาคนมาทำงานกะเราอย่างเหมาะสมแล้วมี effectiveness

10 อินไซต์ และช่องทางหาคน Gen Z, Gen Y มาร่วมงานในธุรกิจ SMEs และ Start up
10 อินไซต์ และช่องทางหาคน Gen Z, Gen Y มาร่วมงานในธุรกิจ SMEs และ Start up

1. อย่าคาดหวังว่าเด็กจบใหม่จะรู้เยอะ

อย่าคาดหวังว่าเด็กจบใหม่จะรู้เยอะ รู้รอบ เอาแค่ว่าพื้นฐานดี สอนง่าย เป็นคนดี ทัศนคติดีต่อองค์กร อดทนหน่อย พอแล้วข้อนี้อยากวางไว้ข้อแรกเลยครับจะได้ไม่คาดหวังสูง Gen เค้าผ่านอะไรหลายๆอย่างไม่เหมือนเรา

2. ใช้วิธี Employee referral program

ถ้ารับไม่เยอะผมแนะนำให้ใช้วิธี Employee referral program โดยการให้คนในหน่วยงานที่ต้องการหาให้เค้าแนะนำคนรู้จัก หรือ ใช้ words of mouth ทำงานผมคิดว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุด โดยเราอาจจะมี รางวัลเป็นตัวล่อ เช่น package ไปเที่ยวกับคนรักหรือ ครอบครัว ใครหาคนให้บริษัทได้จะมีสิทธินี้ พอสิ้นปีก็จับฉลากจากพนักงานที่แนะนำเพื่อนมาทำงานกะเรา ผมไม่อยากให้แจกเป็นเงิน เพราะพนักงานอาจจะเอาเวลาไปหาคนแทนที่จะทำงานหลัก

3. ลงทุนน้อย หาคนบน Social

ใช้ social media ครับวิธีนี้ก็เสียเงินน้อย คนเห็นเยอะ แต่บริษัทเราควรจะมี website หรือ facebook เป็นอย่างน้อยจะทำให้มีความน่าเชื่อถือสำหรับผู้สมัครเข้ามาดู กิจการ หรือ product รวมไปถึงที่ตั้งของบริษัทครับ

4. ไม่สร้างภาพเกินจริง

อย่าสร้างภาพของบริษัทให้ดีเกินจริง ควรพูดตรงไปตรงมาในทุกเรื่อง เช่น ควรนัดมาสัมภาษณ์ที่บริษัท ให้ ผู้สมัครเห็นสิ่งที่เราเป็นเราครับ ถ้าเค้ารับได้เค้าจะอยู่กะเรานานครับ

5. เจอเด็กเก่ง ต้องรีบจ้าง

ถ้าเจอเด็กเก่ง potential ดี ต้องรีบจ้าง และดูแลเค้าเป็นพิเศษ เพราะ นานๆทีจะหลุดมาถึงเรา

6. เลือกคนที่เหมาะ มากกว่าเลือกคนที่เก่ง

พยายามเลือกคนเหมาะกับเรามากกว่าเลือกคนเก่ง เนื่องจากข้อจำกัดของขนาดและ package ของเราไม่สามารถจะรั้งคนเก่งไว้ได้นาน ดังนั้นควรมองคนที่ทำงานได้อย่างที่เราอยากได้ก่อน ที่เหลือมาสอนกันเองครับ เลือกเอาคนเก่งมาแล้วออกบ่อยๆน่าจะเกิดความเสียหายมากกว่า

7. การลงโฆษณาประกาศรับสมัครงาน

ถ้าจำเป็นต้องลง ad ควรลงใน website หางาน หรือ ไป post ตามกระทู้ใน web ในสาขาวิชาชีพนั้น เช่น web ของสายปรันภัย สายบัญชี สายพลังงานทางเลือก ฯลฯ ถ้าเป็นแบบหลังค่า Ad  จะถูกกว่าครับ หรือไม่เสียตังครับและตรงเป้าหมายกว่าครับ

8. เรื่องเงิน คือ เรื่องสำคัญ

เด็กสมัยนี้เงินเดือนก่อนเป็นอย่างแรก ดังนั้นต้องพยายามเปรียบเงินเดือนกะคู่แข่งอยู่บ่อยๆครับ อย่างน้อยเงินเดือนต้อง competitive

9. ต้อง Flexible

มีทางเลือกในเรื่องของการทำงานที่ flexible มากขึ้นเช่น เวลาในการเข้าและออก จำนวนชมที่เข้า office หรือ บางงานบางวัน work @ home ได้ แต่ควรจะบริหารจัดการตรงนี้ดีๆ ไม่ตึงและไม่หย่อนเกินไป ข้อนี้อาจจะทำให้คุณได้เปรียบองค์กรใหญ่ๆเงินเดือนเยอะๆ

10. เงื่อนไขต้องเคลีย

ตอนรับแล้วคุยเงื่อนไข รายละเอียดให้เคลีย ถ้าเป็นไปได้ CEO ถ้าบริษัทไม่ใหญ่ควรสัมภาษณ์ทุกคนเพื่อจะสามารถสร้างวัฒนธรรมองค์กร และสร้าง first impression ให้กับพนักงานทุกคน

 

ที่สำคัญผมขอสรุปนะครับจากการที่เรามีข้อจำกัดมากมายเมื่อเทียบกับบริษัท listed หรือ บริษัทใหญ่ๆ เราควรใช้ใจและ people skills ในการบริหารและรักษาคนให้อยู่กับเรานานๆ อย่ามีกฎเกณฑ์เยอะ ทำองค์กรให้สนุกและคล่องตัวในการบริหาร ใช้technology มาช่วยในการcommunicate ให้เยอะ เช่น ประชุมผ่านline เพื่อบางทีไม่ต้องเข้า office ได้ผลเท่ากัน และ การใช้ words of mouth ในการบอกพนักงานช่วยหาคนน่าจะดีสุดในการหาคนในจำนวนที่ไม่มากครับ แต่ถ้ารับมากๆน่าจะเอา social media เข้ามาช่วยนะครับ

 

เขียนโดย ชยางกูร แก้วบัณฑิต
จาก Jobs Tutor Thailand


  • 1K
  •  
  •  
  •  
  •  
ชยางกูร แก้วบัณฑิต
ผู้ก่อตั้ง Jobs Tutor Thailand และที่ปรึกษาด้านการตลาด