วงการของขลังใช้ดีไซน์หนีการดิสรัพท์ ปลุกกระแสเทรนด์ธุรกิจใหม่ #แฟชั่นสายมู ในหมู่วัยรุ่น คนดัง

  • 2.8K
  •  
  •  
  •  
  •  

เรื่องของความเชื่อ เครื่องรางของขลัง หรือวัตถุมงคลกับคนไทยนั้นมีมาช้านานแล้ว แต่เมื่อ “ความเชื่อ” กับ “แฟชั่น” จู่ๆ ก็มารวมตัวกัน ก็กลายเป็นเทรนด์ใหม่ที่น่าสนใจ ที่มาปลุกกระแสทำให้วัยรุ่นหันมาใส่เครื่องรางราวกับเป็นเครื่องประดับจากดีไซน์เนอร์แบรนด์ดัง หลายคนยอมทุ่มเงินเป็นหมื่นเพื่อที่จะได้มีโอกาสสวมใส่ หรือแม้แต่เหล่าดาราศิลปินก็ได้รับความนิยมมากไม่แพ้กัน จนตอนนี้เกิดเป็นธุรกิจใหม่ที่มาพร้อมกับ กระแส #แฟชั่นตะกรุด #แฟชั่นสายมู หรือ #แฟชั่นสายมูเตลู  ที่สร้างรายได้มหาศาลจนเกิดเป็นเทรนด์ธุรกิจใหม่  โดยการจุดกระแสความนิยมนี้ เริ่มจากหมู่ศิลปินดารานักร้องที่วัยรุ่นส่วนใหญ่ชื่นชอบและเห็นว่าดาราก็ใส่กันเยอะ จึงอยากจะใส่บ้าง เช่น ลิซ่า วงแบล็กพิงก์, มาริโอ้ เมาเร่อ, ออม สุชาร์, เต้ย จรินทร์พร, พลอย-คริส หอวัง, อุ้ม ลักขณา, แต้ว ณฐพร, ปุยฝ้าย เอเอฟ, ขันเงิน เนื้อนวล, ไอซ์ อธิชนัน เป็นต้น

leila-ตะกรุดแฟชั่น-3
ที่มาภาพ : instagram @Leila_amulets
leila-ตะกรุดแฟชั่น-2
ที่มาภาพ : instagram @Leila_amulets

เดิมทีนั้นเรื่องของเครื่องรางของขลัง การสวมใส่วัตถุมงคลต่างๆ ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องของคนแก่ คนมีอายุรุ่นพ่อรุ่นปู่รุ่นตาที่มักจะใส่กันมากกว่า แต่เมื่อไม่นานมานี้เรากลับเห็นเทรนด์ใหม่ที่น่าสนใจ ที่วัยรุ่นจู่ๆ ก็หันมาใส่เครื่องรางกันเยอะแยะมากมาย และที่สำคัญคือเครื่องรางเหล่านั้นก็ถูกออกแบบดีไซน์ให้สวยเก๋ ทันสมัย น่าสวมใส่มากขึ้น ทำให้ดูไม่น่ากลัว มีความชิค ใส่ได้เข้ากับแฟชั่นการแต่งกายทั่วไป เรียกได้ว่ามีความน่าสวมใส่กว่าในอดีตที่ผ่านมา

และที่สำคัญเราเห็นวัยรุ่นสาวๆ ก็หันมาใส่กันเยอะมากขึ้น จากที่อดีตนั้นส่วนใหญ่คนที่ชอบสวมใส่เครื่องรางมันกจะเป็นผู้ชายเสียมากกว่า แต่ด้วยดีไซน์การออกแบบที่เปลี่ยนไปทำให้ผู้หญิงเองก็อยากจะใส่มากขึ้น เพราะมีการใส่ความเป็นแฟชั่นลงไปนั่นเอง จนตอนนี้กลายเป็นเครื่องประดับ เอสเซสเซอร์รี่อย่างหนึ่งในการแต่งตัวไปแล้ว

ทั้งนี้ สินค้าแฟชั่นสายมูที่เราพูดถึงอยู่นี้ มีหลายรูปแบบมากมาย โดยหลักๆ ที่นิยมให้เห็นค่อนข้างบ่อยในกลุ่มแฟชั่นนิสต้าสายมู มีอยู่ 5 ไอเท็มด้วยกัน ได้แก่ เครื่องรางที่เป็นตะกรุด, แหวนหินนำโชค, ด้ายแดงญี่ปุ่น, เล็บหินนำโชค และเคสหินนำโชค

ซึ่งแต่ละแบบนั้นนอกจากจะให้ผลในเรื่องเสริมดวงแล้วก็ยังมีความสวยงาม ใส่เป็นเพื่อเสริมโชคลาภได้แถมยังงดงาม เก๋ไก๋ ใส่แล้วไม่เชยอวดใครๆ ก็ได้ด้วย เอาเป็นว่ามีความเกร๋ นั่นแหละ วัยรุ่นชอบ! ในขณะที่เรื่องสนนราคานั้น ก็แตกต่างกันไปตามแต่วัตถุมงคลที่นำมาบูชา ซึ่งมีราคาตั้งแต่หลักร้อย หลักพัน ไปจนถึงหลักหมื่น หรือหลักแสนก็มี ขึ้นอยู่กับความหายาก หรือรุ่นความดังของวัตถุมงคล หรือความหายากของสิ่งนั้นๆ ที่นำมาบูชาด้วย ส่วนผลทางคุณเรื่องดวงนั้น หลายเสียงก็การันตีว่าได้ผลจริงหลังนำไปบูชา แต่จุดนี้ก็คงอยู่ที่ความเชื่อของแต่ละท่านที่จะต้องพิจารณานะคะ

 

leila-ตะกรุดแฟชั่น-4
ที่มาภาพ : instagram @Leila_amulets

หนึ่งในร้านที่โด่งดังและได้รับความนิยมมากที่สุดในเรื่องของ “ตะกรุด” ก็ได้แก่แบรนด์ @Leila_amulets ซึ่งเราได้มีโอกาสคุยกับ จัน – จันทรา จันทร์พิทักษ์ชัย หนึ่งในผู้ก่อตั้งแบรนด์ Leila_amulets ที่ได้ร่วมกันทำกับ ‘คุณเจนนี่- เจนจิรา ตรีวิชาพรรณ’ ซึ่งปัจจุบันนี้ได้รับความนิยมมาก และมีสาขาทั้งหมด 6 สาขาด้วยกัน เปิดเผยกับเราว่า ร้านของเธอได้รับความนิยมมากโดยเฉพาะในหมู่วัยรุ่นผู้หญิง อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป แต่ส่วนใหญ่จะเป็นนักศึกษา วัยทำงาน แต่ผู้ชายก็มีมากเหมือนกัน แต่ที่น่าสนใจสุดคงเป็นกลุ่มเพศทางเลือกที่นิยมใส่กันมากแล้วอาจจะเป็นกลุ่มที่ขับเคลื่อนสายมูด้วยซ้ำ โดยลูกค้าผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะมาซื้อเครื่องรางที่ให้คุณในเรื่องความรักและเรื่องการเงิน แต่ถ้าเป็นผู้ชายเป็นเรื่องการงานมากกว่าแต่ก็มีบางคนเหมือนกันที่ขอเรื่องพลังทางเพศก็มี

คุณจัน ยังบอกอีกว่า เนื่องจากตอนนี้เริ่มเป็นที่นิยมและแพร่หลายเมื่อช่วงต้นปีนี้เอง ที่วัยรุ่นเห็นดาราเริ่มใส่กันเยอะมากขึ้นก็เลยเป็นที่รู้จักมากขึ้น ทำให้กิจการค่อนข้างดี

สำหรับเรื่องสนนราคานั้น คุณจันบอกว่า ตรงนี้แล้วแต่วัตถุมงคลที่ลูกค้าจะนำไปบูชา โดยราคาเริ่มต้นส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 990 บาทไปจนถึงสูงสุด 30,000-50,000 บาทก็มี ตอนนี้ที่นิยมกันมากๆ เช่น ครุฑ, ไอ้ไข่ (ลูกศิษย์หลวงปู่ทวด), ตะกรุด 8 เซียน, ตะกรุดห้ามจน ซึ่งตอนนี้หมดแล้ว เป็นต้น เรียกได้ว่าเป็นยอดนิยมของทางร้าน

ส่วนในเรื่องดีไซน์การนำหินสีหรือเงินมาประดับนั้นก็เป็นออปชั่นเพิ่มที่เราให้ลูกค้าดีไซน์เองได้ว่าต้องการแบบไหน ซึ่งจุดนี้เองที่ทำให้เครื่องรางแฟชั่นสายมูนี้ได้รับความนิยม เพราะมันมีเรื่องของดีไซน์เรื่องของความสวยงามมาเสริมทำให้ได้รับความนิยมมากขึ้น

leila-ตะกรุดแฟชั่น-1
ที่มาภาพ : instagram @Leila_amulets

“ลูกค้าสามารถตกแต่งเครื่องรางด้วยตัวเองได้ว่าจะเอาหวานแค่ไหน เปรี้ยวแค่ไหน ก็ได้เลย นี่มันคือเสน่ห์ที่ทำให้วัยรุ่นหันมานิยมใส่เครื่องรางมากขึ้น จากเมื่อก่อนใครใส่เครื่องรางดูน่ากลัว ดูเชย แต่พอเราได้ใส่ดีไซน์เข้าไปก็ทำให้มันดูน่าสวมใส่มากขึ้น มีความวาไรตี้มากขึ้น บวกกับเราให้คำแนะนำต่างๆ กับลูกค้าไปด้วยว่าวิธีการใส่มันมีหลากหลายนะ ใส่แบบไหนที่ดูไม่เชย ก็ทำให้คนกล้าใส่มากขึ้น”

คุณจัน ยอมรับว่าการนำวัตถุมงคลมาใส่ดีไซน์และลูกเล่นต่างๆ เข้าไปทำให้มีมูลค่าสูงขึ้น เพราะมันทำให้เกิดความหลากหลายและสวยงามเพิ่มขึ้น โดยวัตถุมงคลแต่ละชิ้นก็มีมูลค่าอยู่แล้ว ในเรื่องของหินหรือเครื่องตกแต่งเราก็ไม่ค่อยได้คิดกับลูกค้าเพิ่มนอกจากบางอย่างเป็นของแพงหรือของหายาก เช่น หินสี หินสวยงาม หรือลูกปัดบางสีก็อาจจะเพิ่มราคาเข้าไปบ้าง ซึ่งราคาตรงนี้ก็อยู่ที่ประมาณ 300-2,500 บาท แต่ส่วนใหญ่ลูกค้าก็จบที่ตัวเครื่องรางคือไม่ได้เอาอะไรเพิ่ม

คุณจันก็กล่าวทิ้งท้ายว่า ถ้าใครอยากจะเข้าสู่วงการนี้ก็ต้องรู้จักที่จะช่างสังเกตให้มากที่สุดว่าตอนนี้แฟชั่นไปอย่างไร คนนิยมกันแบบไหน ก็ต้องตามให้ทันได้ส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่งก็ต้องมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองไม่ลืมว่าตัวเองเป็นใคร ใส่ความเป็นตัวตนของเราไปด้วย ก็จะทำให้โปรดักส์ของเรามีจุดเด่นไม่เหมือนใคร

ทั้งหมดนี้คือความน่าสนใจของมิติใหม่วงการของขลังบ้านเราทื่ฮือฮามาก เป็นเทรนด์ใหม่ที่น่าสนใจ จนสามารถปลุกกระแสทำให้วัยรุ่นสวมใส่ของเก่าโบราณของไทยๆ มากขึ้นได้

หรืออาจมองได้ว่านี่คือ รูปแบบธุรกิจเก่าที่รู้จักปรับตัวให้ทันกับยุคทันสมัยที่เปลี่ยนไป หนีการดิสรัพท์ไม่ยอมให้ตายไปกับการเวลาของวงการพระเครื่องก็เป็นได้

leila-ตะกรุดแฟชั่น-6
ที่มาภาพ : instagram @Leila_amulets

คำว่า “มูเตลู” มีที่มาจากภาพยนตร์ต่างประเทศเรื่องหนึ่งโดยหนังมีชื่อไทยว่า “มูเตลู” เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการใช้ไสยศาสตร์มนต์ดำ แต่คนไทยหรือชาวเน็ตไทยก็นำมาใช้เรียกขานคนที่มีศรัทธาหรือความเชื่อเรื่องโชครางของขลัง หรือนับถือบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ว่า เป็นพวกสายมูเตลู หรือเรียกย่อๆ ว่า #สายมู นั่นเอง

 

 

เครดิตภาพ

 


  • 2.8K
  •  
  •  
  •  
  •  
CLOSE
CLOSE