จบไปอย่างเรียบร้อยกับงาน งาน ‘Future Trends Ahead Summit 2024’ #FutureTrend2024 วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 ไบเทคบางนา
หนึ่งในเซสชั่นที่น่าสนใจได้แก่ Marketing 6.0 ในมุม Business Technology อย่างไร เพื่อให้โดนใจทั้ง B2B และ B2C โดย ดร.เอกลักษณ์ ยิ้มวิไล แห่ง Mandala AI โดยเราขอรีแคปให้ฟังดังนี้
ดร.เอกลัษณ์ รีแคปยุคของ Marketing ให้ฟังตั้งแต่ยุค 1.0-6.0
- Marketing 1.0 ยุค Product-centric (1965-1975) เป็นยุคแมสโปรดักส์ เน้นผลิตสินค้าคุณภาพ ราคาต้องเอื้อมถึงได้ และแข่งขันกันเรื่องราคา เน้นการผลิตเป็นหลัก
- Marketing 2.0 ยุค Customer-centric (1980) ซึ่งแบ่งลูกค้าเป็น segmentation ต่างๆ มีการทำการตลาดตามกลุ่มเป้าหมาย, ยุครุ่งเรืองของ CRM, แบรนด์และลูกค้ามีความสัมพันธ์แบบ long-term
- Marketing 3.0 ยุค Human-centric (2000) เป็นยุคที่มนุษย์ให้ความสำคัญเรื่องของความเท่าเทียมกัน ผู้บริโภคให้ความสำคัญเรื่องของ Branding ไม่ว่าจะเป็น Apple หรือ สตาร์บัค เป็นสิ่งที่ถูกให้วาลู ขณะที่โปรเจ็ต CSR ขององค์กรถูกยกระดับความสำคัญมากขึ้น รวมถึงเป็นการมาของ Influencer และ KOL
- Marketing 4.0 ยุค Traditional to Digital (2017) เกิดโซเชียลมีเดีย และแอปฯ มากมาย ยุคของ Content is King นักการตลาดต้องเข้าใจการทำคอนเทนต์ และการใช้ Data เห็นการใช้งาน Google analytics มีการทำ SEO มีการรีวิวสินค้า ฟัง Podcast ผู้บริโภคไม่ค่อยฟัง Brands แล้วแต่จะเริ่มฟังคนใกล้ตัว จึงเป็นยุคทองของ Influencers และ KOL เกิดแพล็ตฟอร์ม Influencer ทำเงินมากขึ้น
- Marketing 5.0 ยุค Technology for Humanity (2000) ผู้คนให้ความสำคัญเรื่องความยั่งยืนของโลก การตลาดเปลี่ยนโดยเทคโนโลยีมากขึ้น เข้าสู่ยุค MarTech โดยเฉพาะการใช้งานผ่าน AI เน้นการใช้เรื่องของ Big Data และ Data Ecosystem
- Marketing 6.0 ยุค Marketing in the Metaverse (2023) ยุคของการสร้างประสบการณ์แบบ Immersive Marketing ต้องสร้างประสบการณ์ที่เบลอระหว่างออฟไลน์และออนไลน์ จับตาการมี Avatar ที่จะเป็นอนาคตและใช้งานได้จริง โดยคาดการณ์ว่าเทคโนโลยีที่เกิดและมาแรงจะผ่านวัตถุที่เป็น “กระจก” เช่น บนกระจกรถ บนแว่นสายตา รวมถึงตัวขับเคลื่อนคือ IOT ต่างๆ
Marketing 6.0 เป็นยุคที่การตลาดอยู่ในเมตาเวิร์ส โดย 1.0 – 5.0 Marketing มาเป็น 6.0 ในวันนี้ จะเห็นว่าการตลาดในอนาคตและอดีต แก่นเหมือนเดิม แต่ 6.0 เป็นกรอบ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องกลับมาเรื่องแก่น นอกจากนี้ Marketing 6.0 คือ Immersive ที่ออนไลน์และออฟไลน์จะเบลอกัน เช่น Vision Pro ของแอปเปิ้ล เป็นต้น ซึ่งเทคโนโลยีที่จะมาแรงคือเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับกระจก ที่สำคัญคือ เราจะได้ในโลกเสมือนด้วย ทำให้ไลฟ์สไตล์จะเริ่มหลอมรวมออนไลน์กับออฟไลน์มากขึ้น
Mindful Marketing คือ การตลาดที่ใส่ใจ
– Atmospherics Marketing บรรยากาศ สภาพแวดล้อม รูปรสกลิ่นเสียงต้องมาครบ
– People Planet Profit สามเรื่องต้องเกิดขึ้นคู่กัน
– Regenerative Marketing ทำอย่างไรให้โลกดีขึ้น
– AI Marketing Automation เริ่มมีบทบาทมากขึ้น
– Augmented Reality (AR) & Virtual Reality (VR)
– Hyper-Personalization
– Influencer Marketing
– Video Marketing
– Voice Search Optimization
– User Generated Content (UGC)
– Social Commerce ซึ่งไทยยังไม่มีของตนเองอย่างเป็นทางการ
– Privacy & Data Protection เช่น PDPA
– Sustainability And Purpose-Driven Marketing ยั่งยืนได้ เกิด new s curve ได้
อนาคตของ Marketing X ปัจจัยที่ต้องคำนึง ได้แก่ เวลา, คอนเท็กซ์, เทคโนโลยี, มายด์เซ็ท และ ความต้องการของผู้คน จะเป็นปัจจัยที่ขับเคลื่อนให้เกิด Marketing X
นอกจากนี้ ดร.เอกลักษณ์ ทิ้งท้ายไว้คือ เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงได้ตามกาลเวลา แต่สิ่งสำคัญที่ต้องตามให้ทันด้วยก็คือ การเปลี่ยน Mindset คำถามคือทุกวันนี้เราโฟกัสไปที่เทคโนโลยีมากเกินไปหรือไม่ เพราะ สิ่งที่สำคัญและดีที่สุดต่ออนาคตจริงๆ มันคือ การกลับไปหาอะไรที่ Classic โดยเฉพาะ “Marketing is about People” ที่นักการตลาดต้องไม่ลืม
