3 วันเต็มๆ กับ Web Summit 2017 งานเทคฯและสตาร์ทอัพ อีเว้นท์ ที่ใหญ่ที่สุดของโลก จัดขึ้นที่ FIL & ALTICE ARENA เมืองลิสบอน ประเทศโปรตุเกส ในวันที่ 6-9 พฤศจิกายน 2560 ที่ผ่านมา มีคนร่วมงานจาก 170 ประเทศทั่วโลกถึง 59,115 คน จากหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกลุ่มคนจากวงการ สตาร์ทอัพ และเทคโนโลยีทั่วโลกมากกว่า 2,000 บริษัท 1,400 นักลงทุนทางด้านเทคฯ และมีสื่อระดับโลกมาร่วมงานถึง 2,600 สำนัก ซึ่งได้ร่วม MarketingOops.com ด้วยในครั้งนี้
ภายในงานค่อนข้างใหญ่โต เพราะมีแบ่งโซนใหญ่ๆถึง 4 Pavilion ดังนี้
Pavilion 1 เป็นส่วนของเวที creatiff, binate.io, FullSTK, SportTrade, PlayerOne, MusicNotes และเวที Pitch ส่วน Startups ที่มาเปิดบูธจะเป็นบริษัทสตาร์ทอัพที่ทำเกี่ยวกับ Big data, Softwae, Security, Sport & Fitness, Gaming & VR, Lifestyle, recreation & wellness และ Social
Pavilion 2 เป็นส่วนของเวที MoneyConf, ContentMakers, Platnet:Tech, FutureSocieties, Growth Summit และเวที Pitch ส่วน Startups ที่มาเปิดบูธจะเป็นบริษัทสตาร์ทอัพที่ทำเกี่ยวกับ Environment & clean tech, Energy & resources, Philanthropy & social good, Education, HR & recruitment, Entertainment, Travel, Fintech, Legal & account service และ Software
Pavilion 3 เป็นส่วนของเวที SaaS Monster, HealthConf, AutoTech & Talk Robot และเวที Pitch ส่วน Startups ที่มาเปิดบูธจะเป็นบริษัทสตาร์ทอัพที่ทำเกี่ยวกับ Hardware & IoT, Software และ MedTech
Pavilion 4 เป็นส่วนของเวที PandaConf, Startup University และ Modum ส่วน Startups ที่มาเปิดบูธจะเป็นบริษัทสตาร์ทอัพที่ทำเกี่ยวกับ Advertising, content & media, Enterprise, Fashion และ eCommerce
จะเห็นได้ว่า บริษัท Startups ที่มาร่วมเปิดบูธในครั้งนี้ ทำให้เห็นได้ว่า Startups ทั่วโลกกำลังขยายอนาเขตไปทั่วทุกอุตสาหกรรม นั่นหมายความว่า ทุกๆธุรกิจ มีโอกาสที่จะนำเทคโนโลยีเข้ามาสร้างธุรกิจใหม่ๆได้อนาคต และโดยส่วนตัว เราไม่จำเป็นต้องมองว่าทุกบริษัทจะต้องเป็นสตาร์ทอัพก็ได้ เพราะการทำธุรกิจคือการมองเห็นโอกาส และปัจจุบันคือการเข้าใจและนำเทคโนโลยีเข้ามาทำให้ธุรกิจไปไกลกว่าเดิม ทั้งในแง่ของการใช้งาน และการเข้าถึงลูกค้า
นอกจากนี้ ในแต่ละ Pavilion จะมีบริษัทยักษ์ใหญ่ และบริษัทสตาร์ทอัพที่ประสบความสำเร็จมาเปิดบูธกันมากมาย เรียกว่าเข้ามาถึงแล้วจะเกิดความรู้สึกว่า “ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี” โดยเฉพาะคนที่มางานครั้งแรก แต่พอได่ร่วมงานครบทั้ง 3 วัน ทุกคนจะเข้าใจได้เองว่าอะไรอยู่ที่ไหน และสิ่งใดน่าสนใจจากงานนี้
25 เวที กับ1,200 Speakers จากบริษัทชื่อดังทั่วโลก
Speaker ที่ถูกเชิญให้มาพูดที่งานนี้ ล้วนเป็นผู้คนในตำแหน่งสูง ระดับ C-Level, Founder, Co-Founder, จากบริษัทที่ประสบความสำเร็จระดับโลก โดยเฉพาะจากฝั่งอเมริกาและยุโรป เช่น Werner Vogel: CTO Amazon.com, Brian Krzanich: CEO Intel, Steve Huffman: CEO Reddit, Gillian Tans: President & CEO Booking.com และ Suzy Menkes: Internation Editor Vogue รวมถึงคนตำแหน่งใหญ่จาก Fitbit, Uber, CNN, HBO, Google, Facebook, Adobe, HubSpot Tumblr, Mobike, R/GA, Forbes, Weber Shandwick, Isobar, Crunchbase เป็นต้น
สำหรับหัวข้อและประสบการณ์ที่เหล่า Speaker นำมาแชร์กันในครั้งนี้ เรียกว่ามากในระดับที่ฟังกันไม่ทัน เพราะแต่ละเวทีต่างพูดในเวลาเดียวกัน ต่อให้แทคทีมกันมา 5 คนก็กระจายฟังกันหมด อย่างไรก็ตาม Web Summit ได้แยกเวทีใหญ่สำหรับ Content ระดับ Exclusive ไว้ทั้งหมด เวที คือ PandaConf, SassMonster, Growth Summit, HealthConf, MoneyConf, AutoTech & Talk Robot และ Centre Stage ทำให้เราสามารถเลือกฟังเนื้อหาจากเวทีหลักๆก่อนได้
ส่วนเนื้อหานั้น มีครอบคลุมในหลายอุตสาหกรรม และในหลายๆเทรนด์ของเทคโนโลยี ทั้งเรื่องของ Digital Currency อย่าง Bitcoins, Blockchains,Banking, MediaTech, AdTech, MarketingTech,Artificial Intelligence, Machine Learning, Creative & Innovation, VR, AR, กลยุทธ์การทำ Startups ให้ประสบความสำเร็จ, SportTech, HealthTech, MedTech, IoT, Robotics, Electric car, Social และยังคงให้ความสำคัญกับเรื่องของการทำการตลาดและโฆษณาสำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพ ดูรายการ Talk ทั้งหมดของ Web Summit 2017 ได้ที่นี่
สำหรับไฮไลท์เด่นสำหรับงานนี้ ต้องยกให้ Uber และ BMW
กับการมาของ Uber Flying Car หรือ Uber Air ที่ทาง Uber ร่วมมือกับ NASA เปิดเตรียมเปิดให้บริการ Flying Taxi ในปี 2020
BMW เปิดให้ test drive BMW i3 ที่งาน Web Summit
httpv://youtu.be/qIIN9x33O7Q
บรรยากาศทั่วไปในงาน Web Summit 2017
Copyright© MarketingOops.com