หมดยุคร้านสะดวกซื้อเจ้าใหญ่ เมื่อตู้ Vending ภายใต้แบรนด์ 6.11 สะดวกกว่า คุ้มค่ากว่า

  • 19.9K
  •  
  •  
  •  
  •  

นับจากวันแรกที่ร้านสะดวกซื้อเจ้าใหญ่อย่าง 7-Eleven เริ่มเปิดกิจการในวันที่ 1 มิถุนายน 2532 ปัจจุบันเป็นเวลากว่า 30 ปี (ย่างเข้าปีที่ 31) ถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของตลาดค้าปลีกในประเทศไทย จากเดิมที่ร้านขายของชำหรือที่เรียกกันติดปากว่าร้านโชว์ห่วย ถือเป็นแหล่งรวมสินค้าหลากหลายชนิดและเป็นร้านดั้งเดิมที่แข็งแกร่งและคนไทยคุ้นชินมายาวนาน

การเข้ามาของร้านสะดวกซื้อถือเป็นการ Disrupt ธุรกิจค้าปลีกของไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่งผลให้ร้านขายของชำเหล่านั้นที่ปรับตัวไม่ทันต่างล้มหายตายจากไปเป็นจำนวนมาก และยังส่งผลกระทบทางอ้อมไปยังกลุ่ม Supplier ที่ต้องขยายธุรกิจไปยังร้านสะดวกซื้อ และกลุ่มธุรกิจ SME จากเดิมที่ในอดีตใช้วิธีฝากสินค้าขายในร้าน ก็จะต้องทำตามข้อระเบียบกฎเกณฑ์จึงจะสามารถวางสินค้าในร้านสะดวกซื้อได้

ปัจจุบันร้านสะดวกซื้อทุกแบรนด์ใหญ่รวมกันมีไม่น้อยกว่า 13,000 แห่งและมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นรวมไม่น้อยกว่า 15,000 แห่ง แม้จะมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องก็ยังมีจุดอ่อนอย่างหนึ่งคือการเข้าถึงพื้นที่ชุมชน เพราะแม้จะเป็นร้านสะดวกซื้อก็ตามแต่ก็ยังมีข้อจำกัดเรื่องขนาดพื้นที่ร้านค้า การลงทุน ส่งผลให้ทำเลของร้านสะดวกซื้อมักจะต้องอยู่ริมถนนเป็นหลัก ขณะที่ในซอยเล็กหรือในหมู่บ้านร้านสะดวกซื้อไม่สามารถเข้าถึงได้

เปิดตัว 6.11 Corner ร้านสินค้าตู้ Vending

นี่คือมุมมองของ คุณชูเกียรติ รุจนพรพจี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทสบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวนดิ้ง พลัส จำกัด โดยคุณชูเกียรติมองว่า จุดอ่อนเหล่านี้สามารถเติมเต็มได้ด้วยเทคโนโลยีตู้ขายสินค้าอัตโนมัติหรือ Vending Machine ที่นอกจากจะสะดวกแล้วยังใช้งานง่ายพอๆ กับการซื้อสินค้าที่ร้านสะดวกซื้อ

“ในยุคปัจจุบันที่ปัญหาเศรษฐกิจทำให้หลายคนต้องหาทางประหยัด ทางเวนดิ้งพลัสจึงมองว่าแม้เศรษฐกิจจะถดถอยแต่คนไทยก็ยังสามารถมีโอกาสได้บริโภคสินค้าที่มีคุณภาพในราคาที่คุ้มค่าได้เช่นกัน นั่นจึงทำให้ตัดสินใจเปิดธุรกิจ 6.11 ซึ่งมีแนวคิดมาจากว่า สินค้าที่ขายในแบรนด์ 6.11 ส่วนใหญ่จะมีราคาประมาณ 6-11 บาท เพื่อตอบรับกับเศรษฐกิจในปัจจุบันนี้ของบ้านเรา”

สำหรับธุรกิจ 6.11 จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนด้วยกันทั้งในส่วนของร้านค้าจำหน่ายสินค้าผ่านตู้เวนดิ้งพลัส โดยจะใช้ชื่อว่า “6.11 Corner” ซึ่งจะเป็นร้านค้าขนาด 1 ห้องแถวและจะถูกออกแบบดีไซน์ตกแต่งภายในร้านรวมทั้งสื่อสารถึงตัวสินค้าที่มีความคุ้มค่า (Budget Product) ภายใต้ชื่อ “6.11 Select” ที่ได้ผ่านการคัดเลือกแล้วว่ามีคุณภาพ ได้มาตรฐานและคุ้มค่าจริง

เลือกทำเลทองแหล่งชุมชนใกล้ร้านสะดวกซื้อ

“เราตั้งใจให้ 6.11 Corner สามารถเข้าถึงทุกคนได้ง่ายและสะดวก โดยจะเลือกทำเลตั้งร้านใกล้กับร้านสะดวกซื้อ เพราะเป็นการยืนยันของร้านสะดวกซื้อแล้วว่าเป็นแหล่งชุมชนที่มีความต้องการซื้อสินค้า โดยจะใช้พื้นที่ขนาด 1 ห้องแถวตกแต่งร้านด้วยโทนสดใส เพื่อให้ดูสะอาดและสว่าง หากทำเลใกล้ร้านสะดวกซื้อไม่มีพื้นที่ให้ตั้ง 6.11 Corner ได้ เราก็จะนำตู้ Vending กระจายไปยังพื้นที่ซอยต่างๆ ในละแวกนั้น เพื่อให้ลูกค้าสะดวกในการซื้อสินค้าผ่านตู้ Vending”

เรียกว่าตู้ Vending จะเข้ามาช่วยให้การซื้อเครื่องดื่มและขนมต่างๆ รวมถึงเครื่องดื่มร้อน เช่น กาแฟ หรือช็อคโกแลตร้อน ได้สะดวกมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น 6.11 ยังมีแผนในการขยายไลน์สินค้าไปสู่กลุ่มอื่นๆ เช่น ผลิตภัณฑ์คอสเมติก (เครื่องสำอาง) ปัจจุบัน 6.11 Corner มีการตั้งสาขาร้านค้าและกว่า 170 สาขาโดยเริ่มสร้างสาขาแรกทดลองเปิดในเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา

“เราตั้งใจเปิดให้ผู้บริโภคได้ลองซื้อสินค้าผ่านตู้ Vending เปรียบเทียบกับการซื้อสินค้าที่ร้านสะดวกซื้อเอง แต่ภายหลังร้านสะดวกซื้อรายใหญ่ก็เริ่มหันมาลงตู้ Vending ในแบรนด์ของตัวเองกันบ้างแล้ว จึงเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดว่าเทรนด์การซื้อสินค้าผ่านตู้ Vending กำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น เพราะสามารถตอบโจทย์เรื่องของความสะดวก ที่สำคัญตู้ Vending ของ 6.11 ยังรับชำระเงินผ่าน QR Code ยิ่งช่วยให้สะดวกมากยิ่งขึ้นไปอีก”

ซื้อง่ายสะดวกรองรับการชำระเงินแบบ Cashless

นอกจากเรื่องของการชำระเงินผ่าน QR Code แล้ว 6.11 ยังร่วมกับพันธมิตรด้าน e-Wallet เพื่อให้ช่วยให้การซื้อสะดวกมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น True Money Wallet, Rabbit LINE Pay เป็นต้น นอกจากนี้ยังสามารถทำโปรโมชั่นร่วมกับ Loyalty Program ได้อีกด้วย เช่น การนำ True Point มาแลกเป็นส่วนลดการซื้อสินค้า ที่จากเดิมสินค้าประหยัดอยู่แล้ว ช่วยให้ยิ่งซื้อสินค้าได้ประหยัดมากยิ่งขึ้น

“ในอนาคตเราจะมีการเปิดตัวตู้ Vending สำหรับการซื้อ SIM โทรศัพท์ของ Operator รายใหญ่ได้ผ่านตู้ของ 6.11 เพื่อให้ผู้บริโภคสะดวกในการซื้อสินค้าและสามารถซื้อสินค้าได้ประหยัด

นอกจากนี้สำหรับพาร์ทเนอร์ต่างๆของเรา ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของสถานที่ที่ 6.11 Corner ไปเปิดก็จะมีรายได้จากการค่าเช่าพื้นที่ ส่วน Supplier ก็สามารถลงสินค้ากับทาง 6.11 Corner ได้โดยที่ไม่มีข้อกำหนดกฎเกณฑ์มากมายเกินไป”

ยิ่งไปกว่านั้นกลุ่มธุรกิจ SME โดยเฉพาะสินค้า OTOP สามารถลงสินค้ากับทาง 6.11 Corner ได้ง่าย จึงถือเป็นอีกช่องทางในการช่วยเสริมให้ธุรกิจ SME ของไทยมีโอกาสเติบโตและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างง่ายดาย

บทสรุปของ 6.11 Corner ที่น่าสนใจ

ทั้งหมดที่กล่าวมานี้เรียกได้ว่าเป็นธุรกิจที่จะเข้ามา Disrupt ร้านสะดวกซื้ออย่างเห็นได้ชัด ทำไมเป็นเช่นนั้นลองมาวิเคระห์กันดู ร้านค้าสะดวกซื้อจำเป็นต้องใช้เงินทุนไม่ต่ำกว่า 3-5 ล้านบาทต่อสาขา ขณะที่ 6.11 Corner ลงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท โดยเป็นการลงทุนเรื่องของการเช่าสถานที่เป็นหลัก เห็นได้ชัดว่าการลงทุนของ 6.11 Corner น้อยกว่ามาก

นอกจากนี้การที่ร้านสะดวกซื้อรายใหญ่หันลงมาทำตลาดตู้ Vending และเปิด Corner ยิ่งเป็นสัญญาณที่บอกว่า การซื้อสินค้าผ่านตู้ Vending เป็นตลาดที่ร้านสะดวกซื้อเองก็สนใจ ซึ่งหากตลาดเติบโตเป็นไปได้ที่ตลาดตู้ Vending จะแย่งส่วนแบ่งและลูกค้าจากร้านสะดวกซื้อ และหากร้านสะดวกซื้อลงมาเล่นตลาด Vending เต็มตัว ก็อาจจะต้องพบสถานการณ์ “กินกันเอง (Cannibalize)”

“ในปีนี้เราตั้งเป้าวางขยายร้าน 6.11 Corner จำนวน 1 พันสาขา และเป้าหมายใหญ่คือการขยายสาขาให้ได้ 10,000 แห่ง นอกจากนี้สินค้าภายใต้แบรนด์ 6.11 Select ยังมีการเตรียมกลยุทธ์การตลาดไว้อีกมากมาย ประเดิมด้วยการทำน้ำดื่มรับเทศกาลวาเลนไทน์ที่จะถึงนี้ ในอนาคต 6.11 ยังมีการพัฒนาไปอีกมาก โดยเฉพาะการทำให้ 6.11 ร่วมกับบริษัทในเครือเพื่อสร้าง ecosystem ทางธุรกิจ”


  • 19.9K
  •  
  •  
  •  
  •