เข้าสู่ยุค 7 Screens อะไรบ้างที่ Planner ควรจะต้องรู้

  • 47
  •  
  •  
  •  
  •  

mulit-screen

มาทำความเข้าใจในเรื่องของหน้าจอหรือ Screen ในการทำโฆษณาและวางแผนเลือกสื่อที่จะใช้ในแต่ละมีเดียกันบ้างว่าแบรนด์ควรจะต้องเข้าใจในประโชยน์และความแตกต่างของหน้าจอแสดงผลที่มีอยู่ในปัจจุบันและที่เกิดขึ้นมาใหม่อย่างไรบ้าง โดยขอเริ่มตั้งแต่หน้าจอแสดงผลแรกคือ Silver Screen หรือจอภาพยนตร์ที่ถือเป็นจอแสดงผลจอแรกๆไปจนถึงหน้าจอยุคใหม่ Wearable Screen บนอุปกรณ์ที่สวมใส่ได้ที่เริ่มมีออกมาจำหน่ายและเป็นเทรนด์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ 

1. Silver Screen

Silver screen

Silver Screen (จอเงิน) หรือเรียกกันอีกชื่อว่า Movie screen ถือเป็นสื่อในยุคแรกก่อนที่จะมีทีวี และเมื่อกล่าวถึงธุรกิจภาพยนตร์ก็จะพบว่าธุรกิจนี้ยังคงดำเนินมายาวนานจากอตีตจนถึงปัจจุบันแม้จะมีสื่ออื่นๆเกิดขึ้นใหม่มากมายแต่ภาพยนตร์ถือเป็นความบันเทิงในรูปแบบที่เป็น Paid Content ที่แรกก่อนจะส่งต่อไปยังช่องทางหรือสื่อชนิดอื่นอย่าง DVD, Blue-ray, TV, Internet ซึ่งช่องทางเหล่านั้นจะรอเวลาราว 16 สัปดาห์ถึงจะให้ผู้ชมเสพต่อได้ นั่นเองทำให้สื่อในโรงภายนตร์เป็นสื่อแรกคนจะได้เห็นและไม่ฟรีอีกด้วย สิ่งที่ต้องคำนึงถึงสำหรับการทำโฆษณาให้รับชมกันก่อนภาพยนตร์จะฉายมีอยู่ 3 เรื่องหลักๆคือเรื่องของ Graphic, Creative Copy, Sound & Voice เพราะโฆษณาในโรงภาพยนตร์นั้นผู้ชมจะคาดหวังกับคุณภาพที่ชมที่สูงบนพื้นที่จอที่ใหญ่ เสียงที่ดังฟังชัด และมีคำพูดให้จดจำ ซึ่งมาจากพฤติกรรมของคนชมภาพยนตร์ที่คาดหวังกับสิ่งที่จะได้รับหลังไปชมภาพยนตร์ ดังนั้นการทำหนังโฆษณาบนโรงภาพยนตร์หรือ Siver screen maketing จึงต้องเน้นไปในเรื่องของความรู้สึก เช่นมีเนื้อเรื่องที่ตลก เศร้า ดราม่า ตื่นเต้น เป็นต้นเช่นเดียวกับกับภาพยนตร์ปกตินั่นเอง ปัจจุบันในเมืองไทยมีโรงภายนตร์ที่เป็นรายใหญ่อยู่ 2 รายที่ได้แก่ Major Cineplex Group และ SF Cinema City ที่ครอบคลุมทั้งในกรุงเทพมหานครและในต่างจังหวัด  

Major Cineplex Group   มีแบรนด์ในเครือทั้งสิ้น 6 แบรนด์ ดังนี้

  • – เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์
  • – อีจีวี ซีนีม่า – พารากอน ซีนีเพล็กซ์
  • – เอสพละนาด ซีนีเพล็กซ์
  • – พาราไดซ์ ซีนีเพล็กซ์
  • – เมกา ซีนีเพล็กซ์

โดยในปี 2555 มีการรายงานตัวเลขออกมาว่าสามารถรองรับผู้ชมได้กว่า 99,050 ที่นั่งจากทั้งหมด 413 โรง

ส่วนของ SF Cinema City มีแบรนด์ในเครือทั้งสิ้น 3 แบรนด์ ดังนี้

  • – SF World Cinema (SFW)
  • – SFX Cinema (SFX)
  • – SF Cinema City (SFC)

การทำ Marketing ในโรงภาพยนตร์ยังมีทั้งการทำ On-ground Activity/Display, Ticket, Popcorn Bags, Popcorn Tubs,  Movie Snack Packs,Posters, Signs and Banners, Box Office Handouts, Exit Sampling and Tabling Promotions ควบคู่กันไปด้วย ลากไปจนถึงการซื้อโฆษณาในรูปแบบของ Tie-in ในภายนตร์หรือแทรกโฆษณาแบบ Sponsorships & Partnerships ไปกับภาพยนตร์เมื่อเข้าสู่ DVD, Blue-Ray หรือ Movies Digital Download อีกด้วย ตัวเลขจากบริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประมาณการว่า ในปี 2556 ธุรกิจโฆษณาผ่านสื่อในโรงภาพยนตร์จะมีมูลค่าตลาด 15,747 ล้านบาท เติบโตถึง 30 % จากปี 2555 ซึ่งมีมูลค่าตลาด 12,113 ล้านบาท  โดยเม็ดเงินโฆษณาในโรงหนังเหล่านี้ แบ่งเป็น  ในกรุงเทพฯ 8,511 ล้านบาท ซึ่งเติบโตร้อยละ 13.4 จากปี 2555  ต่างจังหวัด 7,236 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 57.0 จากปี 2555

สิ่งที่ Planner ต้องไม่ลืมว่าการโฆษณาบน Siver Screen คือการทำ Video Marketing ซึ่งมีความยาวอยู่ที่ 20 วินาทีโดยประมาณ ดังนั้นการวางมีเดียให้กับแบรนด์ที่จะมาลงโฆษณานั้นจะคล้ายกันกับสื่อประเภททีวีคือมีการวางในช่วงที่สินค้ากำลังออกจำหน่าย(แบบนี้จะฉายเพียงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น) หรือจะวางเป็นระยะยาวเรียกว่า Pre-Show Advertising ซึ่งมีการทำโฆษณาขึ้นมาใหม่สำหรับฉายก่อนภาพยนตร์เสมอ (ฉายทุกรอบเป็นระยะเวลา 6 เดือนเป็นต้น)

พฤติกรรมคนชมภาพยนตร์

  1. คนส่วนมากมักจะมายังโรงภาพยนตร์ก่อนเวลาฉายจริง พวกเขาต้องการจะไปนั่งยังที่นั่งที่จองไว้ก่อนเวลาและพวกเขามักจะไม่มีอะไรทำนอกจากจะนั่งชมหนังตัวอย่างหรือโฆษณาที่น่าสนใจที่ไม่เคยเห็นบนทีวีและคาดหวัดจะได้ชมโฆษณาที่ทำมาฉายเฉพาะบนจอขนาดใหญ่ด้วย
  2. คนที่มาชมภาพยนตร์ส่วนมากต้องการมาพักผ่อนดังนั้นมันจึงเป็นโอกาศที่ดีที่เขาจะเข้าใจความหมายที่โฆษณากำลังจะสื่้อออกมาได้ง่ายเพราะผู้ชมมีสมาธิและตั้งใจดูมากกว่า นั่นทำให้มีโอกาสที่สินค้าจะได้รับการยอมรับได้ง่ายกว่าตามไปด้วย
  3. จอฉายมีขนาดใหญ่และระบบเสียงที่ดีทำให้เพิ่มการจดจำในโฆษณาได้ดีกว่าสื่อทีวี
  4. ภาพของสินค้าในหนังโฆษณามีความคมชัดและสวยงามกว่าจออื่นๆ ทำให้คนที่ได้รับชมภาพสินค้าจะรู้สึกชื่นชอบในตัวสินค้าได้ง่ายกว่าเมื่อเทียบกับการชมจากจอชนิดอื่น

 

2. TV Screen

classic-tv-ads-m

TV Screen (จอแก้ว) ทีวีถือว่าเป็นสื่อหลักในตลาดที่มีกลุ่มผู้ชมทุกเพศทุกวัย การทำโฆษณาบนทีวียังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องแม้สื่อทีวีจะมีมานานแล้วก็ตามแต่ปัจจุบันทีวีมีความหลากหลายมากกว่าเดิมทั้ง Free TV และ Paid TV ต่างก็มีรูปแบบการรับโฆษณาในหลากหลายมากกว่าเดิม เช่นการให้รับชมผ่านแอพพลิเคชั่นบนมือถือแล้วมีการแสดงโฆษณาอยู่ภายในแอพพลิเคชั่นนั้น เป็นต้น

ทีวีถือเป็น Screen ตัวที่สองของโลกที่เปิดตัวขึ้นแล้วมีโมเดลการหารายได้ผ่านโฆษณาขั้นรายการต่างๆ ซึ่งถือว่าเป็นหน้าจอโฆษณาที่ทรงอิทธิพลเป็นอย่างมาก ความน่าสนใจของโฆษณาบนหน้าจอ TV Screen นี้จะอยู่ในระดับกลาง และมีรูปแบบการขายโฆษณาที่เรียก Blocks of Broadcast Time หรือที่คุ้นกันในชื่อ Sponsors ในแต่ละช่วงรายการนั่นเอง ส่วนวิดีโอหรือหนังโฆษณาบนจอทีวีจะเรียกว่า Television Commercials (TVCs)

รูปแบบโฆษณาบน TV Screen

  • – Television Commercials (TVCs) ความยาวเฉลี่ย 30 วินาที
  • – Ad overlay แสดงผลอยู่ด้านล่างของหน้าจอ เลือกกลุ่มเป้าหมายตามรายการที่ต้องการ เช่น ข่าว, สารคดี, บันเทิง เป็นต้น
  • – Banners หรือ Logo บนหน้าจอ
  • – Product placement แสดงอยู่ในรายการหรือในละครต่างๆ
  • – Interactive เช่นการรับส่ง SMS หรือ Click-to-call

อนาคตของ TV Screen

Apple-TV

ในอนาคตระบบการส่งสัญญาณภาพของทีวีจะเปลี่ยนมาเป็นระบบ Digital ทำให้ช่องทางการแพร่ภาพนั้นจะแสดงผลไปยังจออื่นๆได้ด้วยเช่น Mobile, Tablet, Settop box อีกทั้งตารางการถ่ายทอดรายการต่างๆจะสามารถเลือกดูย้อนหลังได้ ด้วยเหตุนี้การแสดงผลของโฆษณาก็จะเพิ่มสูงตามไปด้วยเช่นกัน สิ่งที่นักการตลาดหรือ Planner จำเป็นจะต้องปรับก็คือโฆษณาในยุคของ Digital TV จะไม่ใหม่เสมอไปอีกแล้ว และผู้ชมก็มีทางเลือกในการชมรายการต่างๆมากกว่าเดิมด้วยโอกาสที่คนจะเปลี่ยนช่องแล้วไม่เห็นโฆษณาเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นการวางโฆษณาอาจจะต้องครอบคลุมในหลากช่วงเวลาและหลายช่องรายการมากกว่าเดิม

 

3. PC Screen

slider-online-advertising2

หน้าจอนี้ถือเป็นหน้าจอที่ต้องเรียกว่าเป็นช่องทางการทำ Digital Marketing หลักนั่นก็เพราะว่าคอมพิวเตอร์มีการเป็นการเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตเป็นส่วนใหญ่มาตั้งแต่ต้นของการมีอินเตอร์เน็ต การทำโฆษษณาก็เกิดขึ้นมาพร้อมๆกันในช่วง Web 1.0 เกิดขึ้นซึ่งเรียกกันในชื่อ Online Advertising โดยปัจจุบันก็เข้าสู่ยุคของ Social Advertising กันแล้ว

รูปแบบโฆษณาบน PC Screen

  1. Display advertising ประกอบไปด้วย
  2. Web banner advertising 
  3. Text ads
  4. Search Engine Marketing (SEM)
    – Search Engine Optimization (SEO)
    – Sponsored search
  5. Social media marketing 
  6. Mobile Advertising
  7. Email Advertising
  8. Online classified advertising
  9. Adware
  10. Affiliate Marketing

พฤติกรรมการใช้ PC Screen

Start-on-PC

พฤติกรรมการใช้งาน PC ยังเน้นไปในเรื่องของการทำงานเป็นหลักเพราะเป็นอุปกรณ์ที่สามารถใช้งานได้หลากหลายทั้งเรื่องการทำงานหรือในเรื่องของความบันเทิง โดยส่วนมากการใช้งานออนไลน์ท่องเว็บก็ยังคงเป็นกิจกรรมหลักของการใช้หน้าจอ PC Screen นี้อยู่

 

4. Tablet Screen

tnav-tablet

Tablet ถือเป็นอุปกรณ์ที่มีตามหลังสมาร์ทโฟน แต่มีความสามารถที่มากกว่าเพื่อตอบโจทย์การทำงานที่ซับซ้อนและสะดวกกว่าบนสมาร์ทโฟน ทำให้ Tablet จึงเป็นอุปกรณ์ที่อยู่ระหว่าง PC และ Smartphone และถือเป็นอุปกรณ์ที่มีการออกแบบให้ใช้งาน Touchscreen เป็นพื้นฐานเลย ดังนั้นการใช้งานของมันจึงเน้นไปในเรื่องของการสัมผัสกับหน้าจอเป็นหลัก โดยสามารถนำปากกา Stylus, Keyboard มาใช้เป็นอุปกรณ์เสริมเพิ่มเติมได้

การแสดงผลบน Tablet ส่วนใหญ่จะแสดงผลในรูปแบบของ Application และ Web ที่ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดแอพที่ต้องการมาติดตั้งได้เพิ่มเติมไม่ว่าจะเป็นกลุ่มของแอพ Business, Entertainment, Game, Utilities เป็นต้น หรือจะใช้งานเพื่อท่องเว็บไซต์ต่างๆก็สามารถทำได้อีกทั้งเว็บในปัจจุบันยังออกแบบให้แสดงผลสำหรับหน้าจอ Tablet Screen โดยเฉพาะอีกด้วยเพื่อง่ายต่อการใช้งานด้วยระบบสัมผัสหน้าจอ ทำให้รูปแบบของโฆษณาบน Tablet นั้นแบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆได้แก่

  • – App-based Ads (Mobile Ads)
  • – Ads for Mobile Web (Mobile site version)

พฤติกรรมการใช้ Tablet Screen

Start-on-Tablet

โดยส่วนของโฆษณาในแบบแรกจะทำการโฆษณาผ่านตัวแอพพลิเคชั่นต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแอพที่ให้ดาวน์โหลดฟรีแต่มีการแสดงโฆษณาอยู่ภายใน ส่วนที่เป็น Ads for mobile web นั้นจะคล้ายคลึงกับเว็บทั่วไปแต่จะมีการปรับขนาดการแสดงผลโฆษณาให้เหมาะสมกับหน้าจอของ Tablet เครื่องนั้นๆด้วยเทคโนโลยีสำหรับ Tablet and Mobile อย่าง HTML5 เป็นต้น ทำให้โฆษณาบน Tablet Screen สามารถทำเป็น Interactive Ads ได้ดีกว่าบน PC Screen นั้นเอง

 

5. Mobile Screen

Screen-size-comparison-1024x508

Phone หรือ Mobile ถือเป็น second-screen ที่มีคนใช้งานสูงมากในปัจจุบันที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะว่าผู้คนใช้งานมือถือควบคู่ไปกับการทำกิจกรรมต่างๆ อย่างเช่นดูทีวีพร้อมๆไปกับเล่นมือถือเป็นต้น การทำการตลาดบนหน้าจอนี้จึงมีความหลากหลายมากและมักจะอิงตามเทคโนโลยีที่มีอยู่บนมือถือที่ต่างกันออกไปในแต่ละรุ่น ดังจะเห็นได้ว่าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเทคโนโลยีบนมือถือก้าวกระโดดและรวดเร็วมากๆทำให้รูปแบบการทำโฆษณาบนมือถือหรือ Mobile Markeitn แบ่งได้หลายรูปแบบเช่นกัน

รูปแบบโฆษณาบน Mobile Screen

  1. SMS marketing
  2. MMS
  3. Push notifications
  4. App-based marketing
  5. In-game mobile marketing
  6. Mobile web marketing
  7. QR codes
  8. Bluetooth/Wi-Fi
  9. Location-based services
  10. Sensor motion

พฤติกรรมการใช้ Mobile Screen

ส่วนใหญ่แล้วการใช้งานมือถือจะเป็นจุดเริ่มต้นของการแสดงผลเนื่องจากเป็นอุปกรณ์ที่ใกล้ตัวเรามากที่สุดก่อนที่จะขยายต่อไปยังหน้าจออื่นๆ อย่างเช่น Tablet หรือ PC เนื่องจากต้องการชมภาพหรือข้อมูลที่ดูได้ง่ายบนหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น โดยแยกตามกิจกรรมออนไลน์ต่างๆดังภาพด้านล่างนี้

Start-on-Smartphone

สรุปได้ว่าโดยทั่วไปจะมีการเห็นข้อมูลบนออนไลน์ผ่านมือถือก่อนจากนั้นจะมีการเปลี่ยนไปดูยังหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นอย่าง Tablet หรือบน PC Screen ต่อไป และเนื่องด้วยความหลากหลายของเทคโลโนยีที่ใช้ในมือถือแต่ละเครื่องในท้องตลาดทำให้การทำโฆษณาบน Mobile Screen ไม่ใช่เรื่องง่าย ปัจจุบันเทรนด์การโฆษณาบนมือถือจะเน้นไปที่ App-based marketing และ Mobile web marketing เป็นหลักเพราะมีการอิงข้อมูลจากยอดผู้ใช้งานหรือยอดดาวน์โหลดเป็นตัวชี้วัดจำนวน Mobile users นั่นเอง

 

 6. DOOH Screeen (Digital Out Of Home)

Volvic digital signage digital out of home shopping center

DOOH Screen นับเป็นสื่อที่แพร่หลายมากในปัจจุบันโดยจะเห็นได้จากเกิดพื้นที่โฆษณาตามสถานที่ต่างๆทั่วกรุงเทพและต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังมีการปรับปรุงให้ทันสมัยโดยนำเทคโนโลยีการแสดงผลแบบ Digital เข้ามาใช้ด้วย ทำให้การแสดงโฆษณามีความหลากหลายมากกว่าเดิม ซึ่งมีการต่อยอดการแสดงผลเข้ากับ Sensor motion ให้เกิดเป็น Interactive Ad ได้ด้วย เราจะเห็นได้จากในบางพื้นที่ของกรุงเทพเกิดจอ DOOH แบบ Interactive มากมายเช่นในห้างสรรพสินค้า ในรถไฟฟ้าใต้ดิน เป็นต้น

DOOH ยังรวมไปถึง จอที่ทำให้พิเศษที่นำไปตั้งขึ้นตามที่ต่างๆ, ตู้ประเภท Kiosk, ป้ายโฆษณาที่มีจอ LCD ขนาดเล็ก เหล่านี้ด้วยโดยมีวัตถุประสงค์ก็เพื่อให้ลูกค้าได้รับข้อมูลของสินค้าได้ง่ายและน่าสนใจกว่าป้ายโฆษณาทั่วไปหรือ Non DOOH นั่นเอง

สื่อที่ใช้กับ DOOH

สำหรับการแสดงผลโฆษณาบนหน้าจอ DOOH มักจะเป็นสื่อแบบผสมที่เรียกว่า dynamic media คือมีทั้ง ภาพนิ่ง เสียง วิดีโอ และเซ็นเซอร์ต่างๆแสดงผลอยู่ร่วมกันได้บนหน้าจอและสามารถแสดงผลเป็น Network ได้ ขอดีของการลงโฆษณาบนจอ DOOH ก็คือเราสามารถทำแคมเปญประเภท Engagement ให้คนมาเล่นกิจกรรมผ่านหน้าจอ DOOH ได้นั่นเอง

ตัวอย่างแคมเปญที่ใช้ DOOH Screen

httpv://www.youtube.com/watch?v=QfJftDU4BMU

JackFlush Brahva ถือเป็นแคมเปญที่น่าสนใจในการใช้ DOOH Screen เพื่อสร้าง Engagement ให้กับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้ชายและยังต่อไปถึง Social media ได้อีกด้วย ซึ่งแคมเปญ JackFlush นี้เป็นการเปลี่ยนพฤติกรรมของคนโดยใช้วิธีการนำเสนอที่สนุกสนานผ่านหน้าจอ DOOH แถมยังเป็นการดึงคนจาก Offline ไปสู่ Online ได้ยอดเยี่ยมอีกด้วย

 

7. Wearable Screen

wearable-tech_splash

Wearable Technology ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ที่มีกระแสตอบรับที่ดีมากเห็นได้จากปัจจุบันมีสินค้าประเภทนี้ออกมาจำหน่ายเพิ่มมากขึ้นและหลากหลายขึ้นมาก เช่นนาฬิกา Smart Watch, แว่นตา Google Glass, รองเท้า Nike+ Fuel เป็นต้น ล้วนแล้วแต่ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดีด้วยความที่สินค้าประเภท Wearable Technology นี้มีการผสมระหว่าง Technology และ Fashion ให้นำมาสวมใส่ได้นั่นเอง นั่นก็ทำให้เกิดหน้าจอสำหรับใช้ในการโฆษณาเพิ่มขึ้นด้วยซึ่งมันก็คือ Wearable Screen นั่นเอง

Wearable Screen ถือเป็นเทรนด์ใหม่ที่จะเกิดขึ้นกับวงการโฆษณา Digital Marketing ซึ่งอาจจะเรียกได้ว่ามันจะเป็นอนาคตของโมบาย Future of Mobile เลยก็ไม่ผิดนัก ด้วยความที่เทคโนโลยีที่มักจะใส่เข้าไปในสินค้าประเภท Wearable Technology มักประกอบด้วย Sensor ต่างๆ, Location-based services, Push notification ผ่านหน้าจอ Digital Screen หรือในที่นี้ก็คือ Wearable Screen ทำให้นักการตลาดสามารถทำที่จะทำการโฆษณาผ่านหน้าจอนี้ได้เช่นกัน

สิ่งที่ควรรู้สำหรับการโฆษณาบน Wearable Screen

Wearable technology นั้นประกอบไปด้วยข้อมูลที่เป็นข้อมูลส่วนตัวหรือ Personal data ค่อนข้างสูง ดังนั้นการเรียกใช้ข้อมูลประเภทนี้จำเป็นจะต้องให้ความสำคัญและมีการร้องขอจากผู้ใช้หรือลูกค้าเสียก่อนที่จะแชร์ข้อมูลออกไปสู่สาธรณะ แต่ในแง่ของการแสดงข้อมูลเพื่อการโฆษณาถือว่าแบรดน์จะได้ข้อมูลประกอบการโฆษณาได้แม่นยำกว่าสื่อชนิดอื่นหรืออาจจะมากกว่าสื่ออย่าง Mobile เสียด้วย

อนาคตของ Wearable Screen 

นับว่ายังเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของอุปกรณ์ประเภท Wearable technology อยู่แต่เชื่อว่าในอนาคตเราจะเห็นทิศทางการแสดงผลบนอุปกรณ์เหล่านี้ที่ชัดเจนขึ้นว่ามีกี่ประเภท ที่สามารถแสดงผลผ่านหน้าจอที่เรียกว่า Wearable Screen ได้บ้าง ปัจจุบันเราจะเห็นว่าเริ่มมีอยู่บน นาฬิกา, แว่นตา, สายรัดข้อมือ, เสื้อผ้า อยู่บ้างแล้ว

get-ready-wearable-tech-about

Wearable-Screen-ShirtGoogle-Glass

 ภาพอธิบายพฤติกรรมการใช้งานอุปรกณ์ประเภท Wearable Technology

theconnectivist_com-Wearable-Tech

ภาพประกอบจาก theconnectivist.com

ทั้งหมดที่กล่าวมาคือ 7 Screens ที่นักการตลาดในปัจจุบันน่าจะต้องรู้ก่อนเลือกทำโฆษณาให้เหมาะสมตามจุดประสงค์ของแต่ละแคมเปญ เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายของเราเข้าถึงได้ง่ายและถูกกลุ่ม แม้ว่ามันจะมีความหลากหลายมากขึ้นในปัจจุบันบวกกับเทคโนโลยีที่พัฒนาไปในแต่ละหน้าจอ แต่ต้องไม่ลืมว่าทุกๆหน้าจอต่างมีความเหมาะสมกับแต่ละกลุ่มเป้าหมายต่างกันออกไป สิ่งสำคัญคือ Planner หรือคนวางมีเดียโฆษณาจะเลือกใช้ได้ถูกต้องหรือไม่ หวังว่าบทความนี้น่าจะเป็นประโยชน์และเป็นแนวทางในการทำโฆษณาให้กับแบรนด์ได้ไม่มากก็น้อย และสามารถศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่อง Multi-screen ก็สามารถดาวน์โหลดเอกสารจากกูเกิลที่ทำไว้ได้ที่นี่

ขอขอบคุณภาพและข้อมูลพฤติกรรมการใช้ Multi-screen จาก Google และภาพประกอบจาก TheConnectivist.com

 


  • 47
  •  
  •  
  •  
  •  
@veedvil
Founder veedvil.com เว็บที่จะพาคุณไปอัพเดทข้อมูลเกี่ยวกับ Technology, Gadget และ Lifestyle สนุกๆ ด้วยความที่ชื่นชอบ Social Media เลยเกิดอารมณ์อยากแชร์ให้คนอื่นได้รู้บ้าง ^__^