แบรนด์แรกในไทย! ผ่าโอกาส “อมาไพร“ เขย่าตลาดกัญชงหมื่นล้าน ต่อยอดอาณาจักร “อมาโด้”

  • 4.2K
  •  
  •  
  •  
  •  

 

สมรภูมิอาหารเสริมที่เป็นวีแกนคึกคักขึ้นทันตาเมื่อบริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัด เปิดตัวแบรนด์ “อมาไพร” เพื่อทำตลาดน้ำมันเมล็ดกัญชง พลัส (ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร) ในฐานะผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไทยจากกัญชงตัวแรกที่ขึ้นทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย ก้าวสำคัญนี้ทำให้ อมาไพรและอมาโด้กลายเป็นผู้เล่นที่โดดเด่นในตลาดกัญชงเพื่อสุขภาพ ซึ่งประเมินว่าจะมีมูลค่าสูงเกิน 1 หมี่นล้านบาทในช่วง 5 ปีนับจากนี้

แม้กัญชงเพื่อสุขภาพจะเป็นโอกาสงามสำหรับการต่อยอดอาณาจักรธุรกิจ ช่วยให้อมาโด้ขยายไลน์ไปสู่กลุ่มสมุนไพรได้รวดเร็ว แต่ความท้าทายคือข้อจำกัดเรื่องการเพาะปลูก ทำให้อมาโด้สามารถผลิตสินค้าล็อตแรกได้เพียง 1 หมื่นกล่องเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ความท้าทายนี้ไม่ได้มีอิมแพคเชิงลบอย่างรุนแรง เพราะอมาโด้มองโอกาสและวางแผนจนเชื่อว่าจะสามารถทำยอดขายไม่ต่ำกว่า 120 ล้านบาทได้สบาย

ในเชิงแบรนดิ้ง “ธนาตรัยฉัตร ภูโชคอนันต์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัด ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ อมาโด้ (amado) ซึ่งเชี่ยวชาญด้านวิตามินและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชั้นนำ ได้เปิดเผยว่าอมาโด้วางจุดยืนให้อมาไพรเป็นแบรนด์ที่ส่งสุขภาพดีถึงกลุ่มเป้าหมายที่รักสุขภาพด้วยแนวคิด “ธรรมชาติโภชนา” เหมาะสำหรับคนชอบอาหารเสริมที่เป็นวีแกน และยังขานรับนโยบายภาครัฐที่ต้องการเปลี่ยนกัญชงให้เป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ของประเทศไทย

 

“กัญชงสุขภาพ” ตลาดนี้หมื่นล้านบาท

 

อมาโด้สามารถแจ้งเกิดผลิตภัณฑ์กัญชงได้รวดเร็วและเป็นเจ้าแรกของตลาดเพราะการมองเห็นโอกาสที่รวดเร็วของบริษัท จุดนี้ CEO อมาโด้ กรุ๊ป เล่าว่าอมาโด้มองเห็นโอกาสทางธุรกิจในตลาดสมุนไพรกัญชง และเพื่อเพิ่มแนวทางและจุดแข็งของธุรกิจจึงนำแนวคิด “ธรรมชาติโภชนา” มาเสริมจุดแข็งความเป็นผู้นำตลาดวิตามินและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โอกาสทางธุรกิจนี้สะท้อนชัดเจนในข้อมูลงานวิจัยของธนาคารกรุงศรีอยุธยา ที่ได้ประมาณการมูลค่าอุตสาหกรรมกัญชงของไทย (ข้อมูล ณ เดือนกรกฎาคม 64) ว่าหลังจากการปลดล็อค การประกอบธุรกิจกัญชงได้เชื่อมโยงไปสู่ห่วงโซ่อุตสาหกรรมอย่างน้อย 5 กลุ่ม ได้แก่ เครื่องดื่ม อาหาร ยาและอาหารเสริม เครื่องแต่งกาย และผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคล ทำให้มูลค่าตลาดกัญชงจะสูงขึ้นเป็นประมาณ 15,800  ล้านบาท ใน 5 ปีข้างหน้า เรียกว่าจนถึงปี 2568 จะมีการเติบโตเฉลี่ย 126% ต่อปี

 

 

การปลดล็อคครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงการขออนุญาต และการอนุญาตผลิตนำเข้า ส่งออกจำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครอง ซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 5 เฉพาะกัญชง พ.ศ. 2563 ทำให้กัญชงกลายเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ จะมีการพัฒนาและวิจัยกัญชงที่จะใช้ในอุตสาหกรรมทางการแพทย์ ทำยา สมุนไพร อาหาร เครื่องสำอาง เพราะกัญชงออกฤทธิ์กลุ่มเดียวกันกับกัญชา มีคุณสมบัติเป็นยาบำรุงโลหิต ช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลาย สดชื่น และรักษาอาการปวดศีรษะ ขณะที่เปลือกและลำต้นเป็นเส้นใย เนื้อสามารถผลิตกระดาษได้ แกนนำไปทำเป็นพลังงานชีวมวล

ความรวดเร็วว่องไวและวางแผนมาดี ทำให้อมาโด้สามารถเป็นแบรนด์แรกที่พร้อมเปิดตัวสินค้าใหม่ในหมวดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกลุ่มสมุนไพร เมื่อกระทรวงสาธารณสุขลงมือแก้ไขกฎหมายใหม่ให้มีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติในการสร้างรายได้และเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในการพัฒนาประเทศ ตามนโยบายเร่งด่วนของคณะรัฐมนตรีในการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรและพัฒนานวัตกรรมด้านการเกษตร ตรงนี้ อมาโด้ประเดิมสินค้า SKU แรกของแบรนด์ด้วย “อมาไพร น้ำมันเมล็ดกัญชง พลัส” (Amaprai Hemp Seed Oil Plus) ซึ่งกลายเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากกัญชงตัวแรกของประเทศไทยที่มีการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

การเป็นผู้เล่นหลักรายแรกในตลาดกัญชงทำให้สปอตไลท์หลายดวงส่องมาที่แบรนด์ “อมาไพร” โดยชื่อแบรนด์นี้มีที่มาจาก อมาโด้ + สมุนไพร สะท้อนความต้องการตอบโจทย์ “ธรรมชาติโภชนา” ซึ่งเน้นสินค้าที่มีส่วนประกอบมาจากธรรมชาติ

 

เทรนด์แรงอาหารเสริมวีแกน

“จง ซาน ฟั่น” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัด เชื่อมั่นว่าอมาไพรแจ้งเกิดในไทม์มิ่งที่เหมาะสม เห็นได้จากยูโรมอนิเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดได้ประเมินว่าปี 2564 ยอดขายตลาดสินค้าสมุนไพรของโลกจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นจาก 204,070 ล้านบาทในปี 2563 โดยมีอัตราการเติบโต (CAGR) คิดเป็น 5.9% ในปี 2563-2570 ถือว่าเป็นการเติบโตที่สวนทางสถานการณ์โลกที่โดนผลกระทบจากโรคระบาดโควิด-19 เหตุผลเป็นเพราะผู้บริโภคหันมาบริโภคผลิตภัณฑ์ที่เป็นธรรมชาติและออแกนิกมากขึ้นในช่วงโรคระบาดจนเกิดกระแส Healthy Living

ทั้งหมดนี้สอดคล้องกับ อมาไพร น้ำมันเมล็ดกัญชง พลัส ซึ่งเป็นนวัตกรรมผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีส่วนประกอบจากธรรมชาติ 100% มีตราสัญลักษณ์ Vegan รับรอง โดยแผนกวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของอมาโด้ได้พัฒนาสูตรให้อยู่ในปริมาณที่พอเหมาะ ตอกย้ำความเป็นผู้นำธุรกิจวิตามินและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีความโดดเด่นและแตกต่าง เพิ่มความหลากหลายของสินค้ากลุ่มสมุนไพรให้สามารถขยายฐานกลุ่มเป้าหมายได้กว้างขึ้น ซึ่งคาดว่าในอีก 3 ปีข้างหน้า แบรนด์อมาไพร จะมีส่วนแบ่งทางการตลาดได้ถึง 10% จากมูลค่าตลาดสินค้าสมุนไพรไทยและสมุนไพรจีนในไทยรวมกว่า 40,867 ล้านบาท

ความมั่นใจนี้มาจาก “อมาไพร น้ำมันเมล็ดกัญชง พลัส” ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ไม่เพียงมีน้ำมันเมล็ดกัญชงเป็นส่วนประกอบหลัก แต่ยังเสริมประสิทธิภาพให้มากขึ้นด้วยน้ำมันจากธรรมชาติอีก 9 ชนิด ที่ผ่านกระบวนการสกัดเย็นทำให้คงคุณค่าของวิตามินต่าง ๆ อย่างครบถ้วน เป็นการรวมประโยชน์ของน้ำมันเมล็ดกัญชงซึ่งมีกรดไขมันกลุ่มโอเมก้า 3, 6 และ 9 ที่จำเป็นต่อร่างกาย ตอบโจทย์โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการบำรุงระบบประสาทและสมอง บำรุงกระดูกและข้อ และผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ จับกลุ่มผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย ยกเว้นเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี

 

ทั้งสดใส ทั้งท้าทาย

 

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีข้อจำกัดด้านเวลาปลูกต้นกัญชงนานถึง 3-5 เดือน และขั้นตอนการเก็บเกี่ยว สกัดวิเคราะห์ และผลิตกว่า 45 วัน ทำให้อมาไพรมีสินค้าพร้อมจำหน่ายในล็อตแรกเพียง 10,000 กล่องเท่านั้น ประเด็นนี้อมาไพรรับมือด้วยการวางแผนการจัดจำหน่ายผ่าน 3 ช่องทางหลัก ซึ่งจนถึงไตรมาสแรกปี 2565 อมาโด้ตั้งเป้ามียอดขายจากอมาไพร น้ำมันเมล็ดกัญชง พลัส ถึง 120 ล้านบาท

3 ช่องทางหลักของอมาโด้ ประกอบด้วย 1.) ตัวแทนจำหน่ายอมาโด้ จำนวน 11.94 ล้านบาท คิดเป็น 60% 2.) เทเลเซลล์ 5.97 ล้านบาท จำนวน คิดเป็น 30% และ 3.) ช่องทางออนไลน์ของบริษัททั้งโซเชียลคอมเมิร์ซและอี-มาร์เก็ตเพลส จำนวน 1.99 ล้านบาท คิดเป็น 10% บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายยอดขายของล็อตแรก 10,000 กล่องยอดขายคิดเป็น 19.9 ล้านบาท โดย 1 กล่อง บรรจุ 20 แคปซูล ราคา 1,990 บาท และพร้อมวางจำหน่ายแล้ววันนี้ ทางตัวแทนจำหน่ายอมาโด้, Amado Shopping Call Center 1451 ,www.central.co.th/th/amado หรือทาง LineOA: @amaprai และสินค้าล็อตต่อไปจะพร้อมจำหน่ายในเดือนมกราคม 2565

ในภาพรวม CEO อมาโด้ กรุ๊ปเชื่อว่าความท้าทายนี้เกิดขึ้นบนโอกาสงาม เพราะจากภาพรวมตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากกัญชงปี 2564 มีการคาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมเครื่องดื่มที่มีกัญชงผสมจะมีมูลค่า 280 ล้านบาท คิดเป็น 46.6% รองมาเป็นผลิตภัณฑ์อาหารจากกัญชง 240 ล้านบาทคิดเป็น 40%  ยาและอาหารเสริมจากกัญชง 50 ล้านบาท คิดเป็น 8.3% เครื่องแต่งกายที่ทำด้วยใยกัญชง 30 ล้านบาทคิดเป็น 5% และผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคลประเมินว่ายังอยู่ในช่วงการพัฒนาผลิตภัณฑ์เป็นหลักในปีแรก ทั้งนี้ 5 กลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าวจะมีการนำกัญชงไปใช้มูลค่าประมาณ 600 ล้านบาท

 

 

ขณะเดียวกัน การที่อมาโด้สามารถแจ้งเกิดผลิตภัณฑ์ อมาไพร น้ำมันเมล็ดกัญชง พลัส ได้รวดเร็วและเป็นเจ้าแรกของตลาด จะเสริมให้สินค้า 10,000 กล่องแรกของแบรนด์เป็นเครื่องมือให้สามารถแชร์ส่วนแบ่งการตลาดจากอุตสาหกรรมยาและอาหารเสริมจากกัญชงภายในสิ้นปีนี้ได้

ที่สุดแล้ว ธนาตรัยฉัตรเชื่อว่าอมาไพรจะเป็นกลยุทธ์ทางธุรกิจใหม่ให้อมาโด้สามารถเติบโตและเข้าไปอยู่ในใจผู้บริโภค เมื่อพูดถึงสมุนไพร ก็จะนึกถึงแบรนด์อมาไพรเป็นแบรนด์แรก และในปีหน้า อมาโด้จะพัฒนาสินค้าใหม่ให้หลากหลายตอบโจทย์ “ธรรมชาติโภชนา” พร้อมต่อยอดการเติบโตของบริษัทในอนาคต ซึ่งนอกจากกัญชง บริษัทยังมีแผนออกสินค้าในกลุ่มที่ใช้สารสกัด CBD ในอาหารเสริม หลังจากหน่วยงานรัฐปลดล็อกใช้สารสกัด CBD เมื่อสิงหาคมที่ผ่านมา เพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภคทุกกลุ่มต่อไป.

 

 


  • 4.2K
  •  
  •  
  •  
  •  
CLOSE
CLOSE