อมาโด้ปล่อยหมัดหนัก เดินหน้ารุกตลาดกัญชง ส่ง “อมาไพร ซีบีดี พลัส มัลติ ออยล์” ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดแคปซูล วางจำหน่ายรายแรกของไทย

  • 19
  •  
  •  
  •  
  •  

[ข่าวประชาสัมพันธ์]

 

บริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัด เดินหน้ารุกตลาดกัญชง ส่งสินค้าตัวใหม่ อมาไพร ซีบีดี พลัส มัลติ ออยล์ (Amaprai CBD Plus Multi Oil) ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสารสกัดจากแคนนาบิไดออลจากกัญชง ประเภทแคปซูลชนิดเม็ด วางจำหน่ายรายแรกในไทยแล้ววันนี้

จากความสำเร็จในการเปิดตัว แบรนด์ “อมาไพร” ที่ส่งผลิตภัณฑ์ อมาไพร น้ำมันเมล็ดกัญชง พลัส (ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร) ประเดิมสินค้า SKU แรกของแบรนด์ ออกสู่ตลาดรายแรกในประเทศไทยเมื่อปลายปีที่ผ่านมา บริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัด ได้มองเห็นโอกาสทางธุรกิจในตลาดสมุนไพรกัญชง เพื่อเพิ่มแนวทางและสร้างจุดแข็งของธุรกิจโดยอาศัยแนวคิด “ธรรมชาติโภชนา” มาเสริมความแข็งแกร่งของการเป็นผู้นำตลาดวิตามิน และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โดยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบมาจากธรรมชาติ ต่อยอดรับกระแสเปลี่ยนจากกัญชงให้พ้นยาเสพติดเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ ยึดตำแหน่งม้าเร็วส่งสินค้าตัวล่าสุด “อมาไพร ซีบีดี พลัส มัลติ ออยล์” (ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสารสกัดจากแคนนาบิไดออลจากกัญชง ผสมน้ำมันจมูกข้าว น้ำมันมะพร้าว และน้ำมันมะกอก) ประเภทแคปซูลชนิดเม็ด วางจำหน่ายรายแรกของประเทศไทย

 

นายธนาตรัยฉัตร ภูโชคอนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัด

 

นายธนาตรัยฉัตร ภูโชคอนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัด ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ อมาโด้ (amado) ผู้เชี่ยวชาญด้านวิตามิน และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชั้นนำ เปิดเผยว่า จากการเปิดตัวสินค้าอมาไพร น้ำมันเมล็ดกัญชง พลัส (ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร) เมื่อปลายปีที่ผ่านมานั้น เราได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภค และด้วยคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้เราจึงไม่รอช้าที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์กับความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มดูแลสุขภาพด้วยสมุนไพร  ซึ่งวันนี้แบรนด์อมาไพร ได้ออกสินค้าตัวล่าสุด “อมาไพร ซีบีดี พลัส มัลติ ออยล์” (ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสารสกัดจากแคนนาบิไดออลจากกัญชง ผสมน้ำมันจมูกข้าว น้ำมันมะพร้าว และน้ำมันมะกอก) ที่มีการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย วางจำหน่ายเป็นเจ้าแรกของประเทศไทย

 

การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ครั้งนี้มีเป้าหมายทำการตลาดในกลุ่มคนรักสุขภาพ และนิยมการดูแลตัวเองด้วยสมุนไพร ซึ่งตลาดกัญชงในประเทศไทยมีมูลค่ามหาศาล เนื่องจากเป็นสมุนไพรธรรมชาติที่มีสรรพคุณด้านการรักษา สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคที่หันมาดูแลและให้ความสำคัญกับดูแลสุขภาพมากขึ้น แบรนด์อมาไพรจะเป็นกลยุทธ์ทางธุรกิจใหม่ ที่ให้ธุรกิจสามารถเติบโตและเข้าไปอยู่ในใจผู้บริโภค เมื่อพูดถึงสมุนไพรจะนึกถึงแบรนด์อมาไพรเป็นแบรนด์แรก และในอนาคตเราพร้อมที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ “ธรรมชาติโภชนา” พร้อมต่อยอดการเติบโตของบริษัทในอนาคต

เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า สาร CBD (Cannabidiol) และ THC(Tetrahydrocannabinol) จัดเป็นสารในกลุ่มแคนนาบินอยด์ (Cannabinoids) ที่มีประโยชน์ทางการแพทย์สามารถพบในพืชสกุล Cannabis คือ กัญชา (Marijuana) และ กัญชง (Hemp) โดยสารสำคัญ THC และ CBD มีมากในส่วนของช่อดอก และสกัดได้จากช่อดอก ไม่ใช่น้ำมันหรือการสกัดจากเมล็ดกัญชง ซึ่งขณะนี้สารสกัด CBD จากกัญชงไม่ได้จัดเป็นสารเสพติดอีกต่อไป แต่เป็นส่วนประกอบที่มีสรรพคุณในการรักษาและดูแลสุขภาพจากธรรมชาติ เป็นสารที่ไม่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท (Non-psychoactive) ไม่ทำให้มึนเมา โดยออกฤทธิ์เพื่อการคลายเครียด ปกป้องเซลล์ประสาท ต้านชัก แก้ปวด ต้านอาการอักเสบ ต้านฤทธิ์ต่อจิตประสาท ที่สำคัญ CBD ไม่ทำให้เกิดการดื้อหรือติด สามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลายทั้งเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพร ยา อาหาร และเครื่องสำอาง

โดยผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร “อมาไพร ซีบีดี พลัส มัลติ ออยล์” (ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสารสกัดจากแคนนาบิไดออลจากกัญชง ผสมน้ำมันจมูกข้าว น้ำมันมะพร้าว และน้ำมันมะกอก) จัดจำหน่ายผ่าน 3 ช่องทางหลัก คือ 1.) ตัวแทนจำหน่ายอมาโด้ 2.) เทเลเซลล์  3.) ช่องทางออนไลน์ของบริษัททั้งโซเชียลคอมเมิร์ซและอี-มาร์เก็ตเพลส โดย 1 กล่อง บรรจุ 20 แคปซูล ราคา 2,200 บาท และพร้อมวางจำหน่ายแล้ววันนี้ ทางตัวแทนจำหน่ายอมาโด้, Amado Shopping Call Center 1451 หรือทาง LineOA: @amaprai” นายธนาตรัยฉัตร กล่าวทิ้งท้าย

CBD ย่อมาจาก Cannabidiol คือสารสกัดอีกประเภทหนึ่งที่ได้จากต้นกัญชาหรือกัญชง เดิมทีต้นกัญชาหรือกัญชงที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันนั้น จัดเป็นสารเสพติดที่สามารถบรรเทาการเจ็บป่วยในบางโรคได้ แต่เนื่องจากสารสกัดตัวแรกที่นำมาใช้ก่อนหน้านี้คือ THC (Tetrahydrocannabinol) เป็นสารสกัดที่ส่งผลให้เกิดความเคลิบเคลิ้ม เมื่อใช้เป็นเวลานานจะมีผลต่อระบบประสาท ทำให้การใช้สารชนิดนี้ต้องอยู่ในความควบคุมดูแลของแพทย์อย่างระมัดระวัง ทว่าต่อมาเมื่อมีการศึกษาเพิ่มมากขึ้น ได้มีการค้นพบ CBD ที่กลายเป็นความตื่นเต้นของวงการแพทย์ทั่วโลก เนื่องจากในกัญชาจะมี THC ประกอบอยู่ถึง 12% แต่มี CBD เพียงไม่ถึง 0.30% เท่านั้น อีกทั้งองค์การอนามัยโลกได้จัดให้สาร THC อยู่ในประเภทสารเสพติดประเภทที่ 1 คือ แม้จะมีประโยชน์ในทางการแพทย์ แต่ก็มีโอกาสที่จะนำไปใช้ในทางที่ผิดได้ ในขณะที่ CBD ไม่จัดเป็นสารเสพติด เพราะไม่มีผลกับระบบประสาทที่่ทำให้เกิดความเคลิบเคลิ้มเหมือน THC

 

 

CBD มีมากในส่วนของช่อดอก สกัดได้จากช่อดอกนำมาใช้ในการรักษาโรค โดยการค้น พบ CBD เป็นครั้งแรกของโลกนั้นเกิดขึ้นโดย ดร.ราฟาเอล เมคูลัม นักวิจัยชาวอิสราเอล โดยค้นพบว่า CBD สามารถนำไปรักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ ทั้งยังช่วยลดอาการอักเสบในร่างกาย ลดการอุดตันของเส้นเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงหัวใจ และยังช่วยรักษาโรคหลอดเลือดและหัวใจ ภายหลังจากที่มีการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคต่าง ๆ ที่สามารถรักษาด้วย CBD ทำให้พบว่าสารดังกล่าวมีสรรพคุณที่ดีต่อสุขภาพหลายอย่าง เช่น

•        บรรเทาอาการเจ็บปวดเรื้อรังและลดอาการคลื่นไส้หลังการทำเคมีบำบัดจากโรคมะเร็ง

•        บรรเทาอาการลมบ้าหมู

•        บรรเทาอาการของโรค ALS หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง

•        บรรเทาอาการพาร์กินสัน (อาการสั่น)

•        ลดปัญหาสิวและอาการผิวแห้ง

•        บรรเทาอาการซึมเศร้า

•        ลดอาการเบื่ออาหารและน้ำหนักลดในผู้ติดเชื้อ HIV

•        บรรเทาอาการโรคเบาหวาน

•        บรรเทาอาการทางจิตเภทต่าง ๆ

•        บรรเทาอาการลงแดงจากสารเสพติดอื่น ๆ

•        บรรเทาและป้องกันโรคหัวใจ

(ข้อมูลอ้างอิง  www.rama.mahidol.ac.th, www.krungsri.com)

[ข่าวประชาสัมพันธ์]


  • 19
  •  
  •  
  •  
  •