ควบ X3 ท่องทะยานไปกับ Mission to Mars และมาแน่กับ X3 เวอร์ชั่นไฟฟ้าในปี 2020

  • 217
  •  
  •  
  •  
  •  

1 เปิดเฟซ

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ผู้ผลิตรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ภายใต้แบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู, มินิ, โรลส์-รอยซ์ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราดภายใต้เครือข่าย 31 แห่งใน 14 ประเทศและมีเครือข่ายผู้จำหน่าย,บริการ มากกว่า 140 ประเทศทั่วโลก ปีที่แล้วมียอดขายทั่วโลก 2,463,500 ล้านคัน และมอเตอร์ไซค์ 164,000 คัน มีพนักงานทั้งหมด 124,729 คนทั่วโลก ณ เดือนธันวาคม 2559

ส่วนบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ปีที่แล้วมียอดส่งมอบรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิ 11,030 คัน สูงจากปีก่อน 39% ถือเป็นยอดขายระดับ 5 หลักครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของบริษัท ส่วนมอเตอร์ราดก็สร้างสถิติถึง 2,001 คัน โตขึ้น 10% ทำให้บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย สร้างยอดเติบโต 43% สูงสุดเมื่อเทียบกับยอดขายบีเอ็มดับเบิลยูทั่วโลก

สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี 2559 เป็นต้นมา กำลังมุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพการประกอบรถยนต์ เพื่อรองรับการส่งออกรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู X5 และ X3 ออกสู่ตลาดประเทศจีนอีกด้วย

และ X3 ที่เรากำลังพูดถึง ก็คือ บีเอ็มดับเบิลยู X3 ตัวล่าสุด X3xDrive20d xLine ใหม่ ซึ่งเป็นรถยนต์นำเข้า และได้รับมอบหมายนำไปทดสอบภายใต้ภารกิจ Mission to Mars ตามเส้นทางกรุงเทพฯ-อยุธยา ด้วยระบบ Free-run และอยุธยา-สระบุรี ที่นำขบวนโดย BMW Instructor ด้วยระยะทางรวม 188 ก.ม.
การจำลองสถานประกอบการโม่หิน ย่อยหิน จ.สระบุรี ที่จะมีการระเบิดหินในแต่ละช่วงเวลา ปรับ Landscape ให้ภูมิทัศน์มีสภาพคล้ายดาวอังคารโดยทีมงานบีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย สภาพของเส้นทางและจุดทดสอบ จึงมีความเหมาะสมเพียงพอ ที่จะเค้นคุณสมบัติของ X3 ตัวใหม่ ทั้งในแง่สมรรถนะการขับขี่ ฟิลลิ่งของผู้ควบคุมทั้งความเร็ว ความหนึบ หนักแน่น บนสภาพถนนตั้งแต่กรวดก้อนขนาดใหญ่ ไปจนถึงกรวดเกล็ดเล็กๆ ที่เพียงพอจะทำให้การควบคุมทิศทางรถล้มเหลว

3

4

X3 จึงถูกทดสอบเต็มที่ตลอดเส้นทางตั้งแต่ออกจากกรุงเทพฯ ใช้ความเร็วบนทางด่วน เข้าสู่อยุธยา ก่อนขึ้นเขาที่สระบุรี และใช้เวลาทั้งหมดบนดาวอังคาร (จำลอง) สนามประลองประสิทธิภาพของ X3 ได้เป็นอย่างดี ด้วยรถใหม่จากโชว์รูม ยางเดิมๆ ไม่มีการปรับแต่งเพื่อการออฟโรดแต่อย่างไร

X3 จึงดูเหมือนรถยนต์พรีเมียม คลาสสิคหรูหรา ที่บังเอิญหลุดไปบนดาวอังคารท่ามกลางฝุ่นผงปลิวคละคุ้ง แต่ปรับตัวเข้ากับสภาพความทุรกันดารของดาวอังคารได้เป็นอย่างดี ด้วยคุณสมบัติของนวตกรรมยานยนต์ บวกกับความแข็งแกร่งแบบออฟโรดภายใต้ขุมพลังอันล้นเหลือ

ขุมพลังและนวัตกรรมแห่งความสปอร์ต

8

บีเอ็มดับเบิลยู X3 รุ่นที่ 3 สืบทอดเจตนารมย์ของรถยนต์รุ่นก่อนหน้า ด้วยการผสานรูปลักษณ์แข็งแกร่งแบบออฟโรดเข้ากับความสปอร์ต สัดส่วนอันคุ้นตาของตัวรถ ทั้งด้านหน้าและด้านหลังได้รับการออกแบบเพื่อรองรับการกระจายน้ำหนักแบบ 50:50 ระหว่างเพลาหน้าและหลัง เป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ให้เกิดการเหวี่ยงแบบหลุดโค้งบนสภาพที่ลื่น หรือวิ่งไปบนกรวดก้อนเล็กๆ ความปราดเปรียวทรงพลังถูกเสริมให้ดูดุดันด้วยกระจังหน้าไตคู่แบบหนา รวมทั้งไฟตัดหมอกแบบหกเหลี่ยม ที่ถูกนำมาใช้ในบีเอ็มดับเบิลยูตระกูล X เป็นครั้งแรก

ชุดแต่งไม่ต้องห่วงตามสไตล์ตระกูลใบพัดสีฟ้า BMW Individual และ xLine รูปโฉมของ X3 xDrive20d xLine ใหม่ จึงเฉียบคมและแม่นยำในการประกอบด้วยวัสดุระดับคุณภาพมากๆ ล้ออัลลอย 19 นิ้วลาย Y-spoke ทำให้ X3 ใหม่ดูหล่อมากกว่าเดิม

ยิ่งกว่ารุ่นก่อนหน้า X3 ถูกปรับในเรื่องของด้วยระบบปรับอากาศอัตโนมัติ 3 โซน ชุดไฟในห้องโดยสาร 6 สี ม่านบังแดดด้านข้างตอนหลังแบบอัตโนมัติ ฟังก์ชั่นมาตรฐานในส่วนเก็บสัมภาระด้วยพนักพิงเบาะหลังแบ่งพับแบบ 40:20:40 และหลังคากระจกแบบพาโนรามา จะเสริมให้ภายในตัวรถโปร่งสบายยิ่งขึ้น รวมทั้งอุปกรณ์ใหม่ BMW Display Key ไม่เพียงล็อคและปลดล็อค X3 ใหม่ด้วยสัญญาณวิทยุทางไกล แต่ยังแสดงสถานะและข้อมูลต่างๆ รวมถึงควบคุมฟังก์ชั่นการทำงานอื่นๆ ของรถอีกด้วย

6

เทคโนโลยี BMW EfficientDynamics ถูกนำมาใช้ใน X3 ใหม่ ที่รวมถึงระบบส่งกำลังช่วยประหยัดเชื้อเพลิง การออกแบบตัวรถจะเน้นน้ำหนักเบา เช่น นำอลูมิเนียมเป็นส่วนประกอบมากขึ้นในเครื่องยนต์รวมทั้งช่วงล่าง จะช่วยลดน้ำหนักตัวรถได้มากขึ้น และยังมีปุ่มควบคุม iDrive สั่งงานด้วยระบบสัมผัสและจอแสดงผลความละเอียดสูงขนาด 10.25 นิ้ว ระบบสั่งงานด้วยการเคลื่อนไหวของมือ (BMW gesture control) ช่วยควบคุมระบบนำทางและฟังก์ชั่นในรถได้อย่างสะดวก รวมทั้งระบบสั่งงานด้วยเสียง (Intelligent Voice Control Assistance) แทนคำสั่งที่มีการตั้งค่าไว้

คุณกฤษฏา อุตตโมทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารกิจการองค์กร บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า ตั้งแต่ X3 เปิดตัวเวอร์ชั่นแรกในในตลาดโลกในปี 2003 รวมทั้งในประเทศไทยด้วย ถึงวันนี้นับเป็นเจน 3 ที่มีน้ำหนักตัวเบาขึ้น ความจริงระบบ xDrive หรือระบบขับเคลื่อน 4 ล้อของ BMW มีมาถึงวันนี้ก็ 33 ปีแล้ว โดยเริ่มมาตั้งแต่ปี 1985 ซึ่งระบบ xDrive ถูกนำไปใส่ไว้ในซีรีย์ 3 ก่อน เช่น รุ่น 325 รวมทั้ง iX ที่เป็นรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งตัว X ก็คือระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ การทำงานก็จะเป็นระบบ 4wd ทั่วไป

“มาถึงปี 2003 หลังจากมีการลอนช์ X5 ก็จะมี X3 ตัวแรกที่เริ่มเป็น Intelligence xDrive จากนั้นในปี 2005 ใน X5 จะมีการทำงานร่วมกันของ Chassis ให้กับตัวรถคือ มีปุ่มกดโหมด เช่น โหมดสปอร์ตหรืออะไรต่างๆ มีหลักการความเข้าใจเรื่องความสัมพันธ์ไปกับช่วงล่างพร้อมกัน ถ้ารถเริ่มรับรู้ถึงอาการ เช่น ส่าย หรือลื่น ซึ่งยังไม่เริ่มอาการ แต่ก็จะมีการประมวลผลก่อน จากนั้นในปี 2010 เจนที่ 2 ของ X3 ก็เริ่มขึ้นภายใต้โฉมใหม่ ดีไซน์ใหม่ ในระบบ Intelligence xDrive แต่มีการปรับเปลี่ยนการกระจายน้ำหนักให้ดียิ่งขึ้น จนปัจจุบันในระบบของ xDrive จะสามารถถ่ายกำลังการขับเคลื่อนได้เกือบ 100% จากหลังไปหน้าหรือจากหน้าไปหลัง”

คุณกฤษฏาบอกอีกว่า เจน 3 ของ X3 เริ่มขึ้นในตลาดโลกเมื่อปี 2017 รวมทั้งในประเทศไทยเองด้วยในช่วงเวลาประมาณ Q สุดท้ายของปี ถ้านับดูจาก X3 ทั้ง 2 รุ่นแรกที่สามารถทำยอดขายได้ 1.5 ล้านคันทั่วโลก ถือเป็นรถที่ประสบความสำเร็จของตระกูลรองจาก X5

“บีเอ็มดับเบิลยูตระกูล X ที่เป็นเลขคี่คือ X1 X3 และ X5 จนถึง X7 ที่เป็นตัวใหญ่สุด จะเป็นรถในตระกูล SAV หรือ Sport Activity Vehicle ส่วนเลขคู่อย่าง X2 X4 หรือ X6 จะใช้คำว่า Sport Activity Coupe หรือรถทรงสูงแนวหลังคาลาดลงแต่มีความเป็นสปอร์ต สำหรับ X3 จะใช้โคท G01 ซึ่งทางบีเอ็มดับเบิลยูมิวนิค เตรียมที่จะประกาศว่าจะมี X3 ใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างแน่นอนในปี 2020 ซึ่งเราจะได้เห็นอัตราการขับเคลื่อนอีกแบบหนึ่ง”

สำหรับรูปลักษณ์ภายนอกของ X3 จุดเด่นจะอยู่ที่กระจังหน้าไตคู่หน้าซึ่งจะใหญ่มาก ไฟหน้าดูหน้าตา 6 เหลี่ยม เป็นไฟ LED ทั้งหน้าและหลัง ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ถูกนำมาใช้ใน X3 ตัวนี้ ส่วนกระจกหน้าจะเคลือบสารพิเศษทำให้เสียงเข้ามาในห้องโดยสารน้อยลงภายในจึงเงียบมากๆ และไฮไลน์จะอยู่ที่การตกแต่งภายในที่ดีไซเนอร์ออกแบบมาให้หลังคาโปร่งขึ้น แสงเข้ามาได้มากขึ้น ดูโล่งสบายมากขึ้น มีฟีเจอร์ที่ดึงมาจาก X7 มากขึ้น เช่น ระบบมัลติฟังก์ชั่นให้ข้อมูล ปรับเปลี่ยนหน้าจอได้มากขึ้น เช่น สีแดงหรือสีฟ้า มีการใช้ระบบ BMW gesture control หรือสัญญาณมือ เช่น รับหรือไม่รับโทรศัพท์ ใน X3 ก็ทำได้เหมือนกัน รวมทั้งถาดวางของหน้าคันเกียร์จะเป็นสิ่งที่ X3 ออฟเฟอร์ สามารถชาร์ตกุญแจหรือโทรศัพท์เมื่อวางไว้บนถาด ซึ่งเป็นสิ่งที่ X3 มอบให้โดยยังไม่มีฟีเจอร์นี้ในคู่แข่ง

ใครที่เหมาะกับ X3

10

“น่าจะเป็นผู้ชื่นชอบในระบบ xDrive ที่มีไลฟ์สไตล์คันทรีไซส์ ไปต่างจังหวัด ท่องเที่ยวเดินทาง ขนสัมภาระจักรยาน ผู้ที่ชอบขับรถเดินทางไกล ชื่นชอบทัศนวิสัยที่ดีในการขับขี่ ขับไปได้ทุกที่ เพราะ X3 สามารถรับสัมภาระได้กว้างมากๆ ภายใต้สมรรถนะที่ยอดเยี่ยม” คุณกฤษฏากล่าว

27654 27541087_812231822295679 2 เปิดเว็บ 5


  • 217
  •  
  •  
  •  
  •