แม้เป็นแบรนด์ที่มีอายุมายาวนานกว่า 78 ปีแล้ว แต่ “ชาตรามือ” (ChaTraMue) ไม่เคยหยุดนิ่งในการพัฒนาธุรกิจ ทั้งเดินหน้าขยายสาขาร้านชาตรามือ ทั้งในศูนย์การค้า และรูปแบบ Stand Alone จำหน่ายเครื่องดื่มชา-กาแฟชงสด และหา New Business Model เพื่อสร้างการเติบโตรูปแบบใหม่ ด้วยการต่อยอดจากจุดแข็งวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ชา ดังจะเห็นได้จากการพัฒนาเครื่องดื่มเมนูใหม่ ที่จับเทรนด์ความต้องการของผู้บริโภคแต่ละยุคสมัย รวมทั้งต่อยอดจากวัตถุดิบชาสู่ไอศกรีม Soft serve และเมื่อไม่นานนี้ได้ใช้กลยุทธ์ Collaboration จับมือกับ Plantae โปรตีนจากพืช ชนิดผง ร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์โปรตีนพืช รสชาไทย ตลอดจนการขยายสาขาไปยังต่างประเทศ
ไม่เพียงเท่านี้ ล่าสุดชาตรามือเปิดตัว “แคปซูลชาไทย” หรือ “Thai Tea Capsule” ชูจุดขายสะดวก ชงง่าย รสชาติต้นตำรับ เพื่อเจาะตลาดบริโภคในบ้าน (In-home Consumption) หลังจากที่แข็งแกร่งในตลาดบริโภคนอกบ้าน (Out-of-Home Consumption มานาน
สำหรับผลิตภัณฑ์แคปซูลชาไทยของชาตรามือ พัฒนาให้ใช้ได้กับเครื่อง Nespresso จำหน่ายในราคากล่องละ 190 บาท ใน 1 กล่อง บรรจุ 10 แคปซูล สามารถนำไปทำได้ทั้งชาร้อน และชาเย็น โดย “Thai Tea Capsule” จะทยอยวางจำหน่ายแล้ววันนี้ ที่ร้านค้าออนไลน์ของชาตรามือ และหน้าร้านชาตรามือ
การรุกตลาด In-home Consumption ครั้งนี้ จะทำให้แบรนด์และผลิตภัณฑ์ชาตรามือ เข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคมากขึ้น ทั้งนอกบ้าน และในบ้าน ช่วยเพิ่มโอกาสการดื่มชามากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ด้วยแพ็คเกจจิ้งและผลิตภัณฑ์แคปซูลชาไทย ยังเหมาะกับการส่งออกไปจำหน่ายในตลาดต่างประเทศ
เป็นที่ทราบกันดีว่า “ชาไทยเย็น” ติด Top 10 เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ที่อร่อยที่สุดในโลก และนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาไทย ใครที่ได้ลิ้มลองชาไทยเย็นแล้ว ส่วนใหญ่ติดใจกันแทบทุกคน เพราะรสชาติละมุน ความหอมของชา ผสานเข้ากับน้ำแข็ง ดื่มแล้วได้ทั้งความหอมหวาน สดชื่น
ทั้งนี้ชาตรามือ จดทะเบียนในชื่อ “บริษัท ชาไทย อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด” โดยข้อมูลจากแพลตฟอร์ม Creden Data รายงานผลการดำเนินงาน ทั้งรายได้รวม และกำไรเติบโตต่อเนื่อง แม้จะมีลดลงในช่วงปี 2563 คาดว่าเป็นผลมาจากสถานการณ์ COVID-19 ที่ประกาศ Lockdown และคนต้องอยู่กับบ้าน ซึ่งช่วงเวลานั้นส่งผลกระทบทั้งต่อธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม แต่หลังจากสถานการณ์คลี่คลาย ธุรกิจชาตรามือก็กลับมามีผลการดำเนินงานเติบโต
– ปี 2561: รายได้รวม 895,534,294 บาท / กำไร 15,546,805 บาท
– ปี 2562: รายได้รวม 1,798,200,520 / กำไร 29,948,450 บาท
– ปี 2563: รายได้รวม 1,599,887,206 / กำไร 25,925,397 บาท
– ปี 2564: รายได้รวม 1,977,435,267 บาท / กำไร 32,505,612 บาท
– ปี 2565: รายได้รวม 2,104,891,893 บาท / กำไร 34,527,518 บาท